“เรกูเลเตอร์” ยังไม่สรุปอุ้มค่าไฟฟรี 90 หน่วย หวั่นภาคอุตสาหกรรมรับภาระทำต้นทุนผลิตพุ่ง เพราะหลังจากนี้ ภาคอุตจสาหกรรมต้องรับภาระค่าเอฟทีเพิ่มขึ้นอีก 10 สตางค์/หน่วย พร้อมเสนอให้ กฟผ.มาเป็นผู้แบกรับภาระแทน ส่วนโครงสร้างค่าไฟใหม่จะเสร็จปลายปีนี้
นายกวิน ทังสุพานิช เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า จากนโยบายประชาวิวัฒน์ที่ให้ใช้ไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนนั้น ยังไม่มีข้อสรุปว่า จะมีแนวทางใดในการคิดค่าไฟฟ้าจากภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพื่อมาเกลี่ยให้ภาคครัวเรือน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา ว่า จะให้ภาคอุตสาหกรรมทั้งหมดรับภาระไป หรือเพียงบางส่วนจากทั้งหมด 8 กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ด้วย
ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมมีการใช้ไฟฟ้าสัดส่วนที่สูงถึง 60% ซึ่งหากคิดรวมทุกกลุ่มอุตสาหกรรมจะทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ปรับเพิ่มขึ้น 10 สตางค์ต่อหน่วย หากแยกเป็นบางอุตสหากรรม ก็จะทำให้สูงกว่า 10 สตางค์ จึงต้องรอดูนโยบายรัฐบาลว่า จะอุดหนุนไหวหรือไม่ ขณะที่นโยบายของเรกูเลเตอร์คือ ต้องการดูแลการใช้ไฟฟ้า ไม่ให้กระทบทุกภาคส่วน
“การปรับขึ้นค่าเอฟทีในคราวเดียว จะเป็นการซ้ำเติมภาคอุตสาหกรรมมากเกินไป จึงต้องทยอยปรับขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบมากนัก และจากนโยบายรัฐบาล เรกูเลเตอร์จะดูแลการใช้ไฟฟ้า ไม่ให้กระทบทุกภาคส่วน จึงต้องพิจารณาว่า ใครจะมาช่วยรับภาระได้หรือไม่ เช่น การไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเคยบอกว่าสามารถรับได้ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท"
สำหรับเงินอุดหนุนนการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยฟรี จะเริ่มตั้งแต่บิลค่าไฟฟ้าที่จะเรียกเก็บจากประชาชนงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2554 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาและศึกษาการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จช่วงปลายปี 2554
โดยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รมว.พลังงาน ได้ให้แนวนโบายว่า จะให้ภาคอุตสาหกรรมเข้ามารับภาระที่เกิดจากนโยบายให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ใช้ไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 90 หน่วย/เดือน โดยภาคอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้ามากๆ จะต้องเสียค่าไฟฟ่าเพิ่มขึ้น
