ตลาดรถยนต์ปีเสือ ทุบสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยตัวเลข 798,543 คัน โต 45% เมื่อเทียบกับปี 2552 มาสด้า คาด ปีนี้ตลาดแข่งดุ ทั้งเก๋ง-ปิกอัพ พร้อมเตรียมแผนรับมือทุกด้าน ประเดิมส่ง “มาสด้า 3 โมเดลเชนจ์” ลุยตลาดภายในเดือนมีนาคม จากนั้นจะมีรถใหม่เปิดตัวทุกไตรมาส หวังยอดขายรวมถึงสิ้นปี 38,000-39,000 คัน ด้าน “บอสใหญ่” จี้รัฐบาลปรับโครงสร้างภาษีใหม่ให้มีความชัดเจนและเป็นธรรม
นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2553 ที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์เมืองไทยทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ 798,543 คัน เติบโต 45% เมื่อเทียบกับปี 2552 (548,424 คัน) แน่นอนว่า มาสด้ามีส่วนสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ขยายตัวเป็นอย่างมาก
“ปีที่แล้วผู้บริโภคชาวไทยให้การตอบรับรถยนต์มาสด้าเป็นอย่างดี ด้วยยอดขาย 35,147 คัน เติบโต 165% เมื่อเทียบกับปี 2552 (13,241) ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่บริษัทเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นรุ่น มาสด้า 2 ถึง 22,534 คัน (สัดส่วน 50:50 ระหว่างตัวถังแฮทซ์แบ็กกับซีดาน) มาสด้า 3 จำนวน 5,798 คัน ปิกอัพ บีที-50 จำนวน 6,712 คัน ที่เหลือเป็นรถพรีเมียมรุ่นเอ็มเอ็กซ์-5 และซีเอ็กซ์-9”
สำหรับปีนี้เชื่อว่าตลาดยังคงแข่งขันอย่างดุเดือด ซึ่งบริษัทเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ โดยจะเริ่มจาก “มาสด้า 3 โมเดลเชนจ์” ในช่วงไตรมาสแรก จากนั้นมีแผนเปิดตัวอีกประมาณ 3-4 รุ่นตลอดทั้งปี รวมถึงเน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดด้านบริการหลังการขายให้ลูกค้า อย่างล่าสุด บริษัทได้ตั้งแผนกใหม่คือฝ่ายเทคนิคและงานรับประกันคุณภาพ ที่จะเข้ามาช่วยดูแลและสนับสนุนการทำงานของดีลเลอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันจะเพิ่มโชว์รูม-ศูนย์บริการทั่วประเทศจากเดิม 120 แห่ง เป็น 130 แห่งในปีนี้
ในส่วนยอดขายปี 2554 บริษัทตั้งเป้าไว้ประมาณ 38,000-39,000คัน เติบโตประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปี 2553 ในจำนวนนี้แบ่งเป็นมาสด้า 2 จำนวน 24,600 คัน มาสด้า 3 (ทั้งรุ่นใหม่รุ่นเก่า) 6,200 คัน และปิกอัพ บีที-50 7,700 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 4.5% เมื่อเทียบกับยอดขายตลาดรวมที่น่าจะทำได้ถึง 840,000 คัน อย่างไรก็ตาม บริษัทหวังจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้ได้ถึง 5% ภายในปี 2555
ด้าน นางสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจัดกิจกรรมต่างๆตลอดปี ทั้งด้านการขายสำหรับลูกค้าใหม่ และบริการหลังการขายแก่ลูกค้าปัจจุบัน รวมถึงกิจกรรมการตลาด แคมเปญโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ที่จะแสดงถึงบุคลิกแบรนด์ “ซูม-ซูม” เป็นหลัก ขณะเดียวกัน จะเริ่มสื่อสารให้ผู้บริโภคชาวไทยรับรู้ถึงเทคโนโลยีอนาคตของมาสด้า นั่นคือ “สกายแอคทีฟ” ที่จะพัฒนาให้รถยนต์ (เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ตัวถัง ช่วงล่าง) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งพละกำลัง อัตราบริโภคน้ำมันลดลง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการคายไอเสียต่ำ
สำหรับเทคโนโลยี “สกายแอคทีฟ” จะถูกใส่ในรถยนต์มาสด้าที่ทำตลาดทั่วโลก ส่วนประเทศไทยจะเริ่มนำมาใช้เมื่อไหร่ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ เพราะส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ทั้งระบบ ซึ่งรัฐบาลมีแนวทางและกำลังศึกษาอยู่ในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องการความเท่าเทียมในการทำธุรกิจ เพราะถ้าเอาโจทย์เรื่องอัตราบริโภคน้ำมัน การปล่อยไอเสีย เป็นตัวตั้ง เทคโนโลยี “สกายแอคทีฟ” ของมาสด้าดีไม่แพ้รถที่ใช้เทคโนโลยีอื่น รวมถึงรถที่ได้รับภาษีสรรพสามิตอัตราพิเศษอย่าง อีโคคาร์ รถไฮบริด หรือรถรองรับพลังงานทางเลือกอย่างแก๊สโซฮอล์ อี85
นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2553 ที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์เมืองไทยทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ 798,543 คัน เติบโต 45% เมื่อเทียบกับปี 2552 (548,424 คัน) แน่นอนว่า มาสด้ามีส่วนสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ขยายตัวเป็นอย่างมาก
“ปีที่แล้วผู้บริโภคชาวไทยให้การตอบรับรถยนต์มาสด้าเป็นอย่างดี ด้วยยอดขาย 35,147 คัน เติบโต 165% เมื่อเทียบกับปี 2552 (13,241) ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่บริษัทเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นรุ่น มาสด้า 2 ถึง 22,534 คัน (สัดส่วน 50:50 ระหว่างตัวถังแฮทซ์แบ็กกับซีดาน) มาสด้า 3 จำนวน 5,798 คัน ปิกอัพ บีที-50 จำนวน 6,712 คัน ที่เหลือเป็นรถพรีเมียมรุ่นเอ็มเอ็กซ์-5 และซีเอ็กซ์-9”
สำหรับปีนี้เชื่อว่าตลาดยังคงแข่งขันอย่างดุเดือด ซึ่งบริษัทเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ โดยจะเริ่มจาก “มาสด้า 3 โมเดลเชนจ์” ในช่วงไตรมาสแรก จากนั้นมีแผนเปิดตัวอีกประมาณ 3-4 รุ่นตลอดทั้งปี รวมถึงเน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดด้านบริการหลังการขายให้ลูกค้า อย่างล่าสุด บริษัทได้ตั้งแผนกใหม่คือฝ่ายเทคนิคและงานรับประกันคุณภาพ ที่จะเข้ามาช่วยดูแลและสนับสนุนการทำงานของดีลเลอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันจะเพิ่มโชว์รูม-ศูนย์บริการทั่วประเทศจากเดิม 120 แห่ง เป็น 130 แห่งในปีนี้
ในส่วนยอดขายปี 2554 บริษัทตั้งเป้าไว้ประมาณ 38,000-39,000คัน เติบโตประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปี 2553 ในจำนวนนี้แบ่งเป็นมาสด้า 2 จำนวน 24,600 คัน มาสด้า 3 (ทั้งรุ่นใหม่รุ่นเก่า) 6,200 คัน และปิกอัพ บีที-50 7,700 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 4.5% เมื่อเทียบกับยอดขายตลาดรวมที่น่าจะทำได้ถึง 840,000 คัน อย่างไรก็ตาม บริษัทหวังจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้ได้ถึง 5% ภายในปี 2555
ด้าน นางสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจัดกิจกรรมต่างๆตลอดปี ทั้งด้านการขายสำหรับลูกค้าใหม่ และบริการหลังการขายแก่ลูกค้าปัจจุบัน รวมถึงกิจกรรมการตลาด แคมเปญโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ที่จะแสดงถึงบุคลิกแบรนด์ “ซูม-ซูม” เป็นหลัก ขณะเดียวกัน จะเริ่มสื่อสารให้ผู้บริโภคชาวไทยรับรู้ถึงเทคโนโลยีอนาคตของมาสด้า นั่นคือ “สกายแอคทีฟ” ที่จะพัฒนาให้รถยนต์ (เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ตัวถัง ช่วงล่าง) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งพละกำลัง อัตราบริโภคน้ำมันลดลง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการคายไอเสียต่ำ
สำหรับเทคโนโลยี “สกายแอคทีฟ” จะถูกใส่ในรถยนต์มาสด้าที่ทำตลาดทั่วโลก ส่วนประเทศไทยจะเริ่มนำมาใช้เมื่อไหร่ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ เพราะส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ทั้งระบบ ซึ่งรัฐบาลมีแนวทางและกำลังศึกษาอยู่ในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องการความเท่าเทียมในการทำธุรกิจ เพราะถ้าเอาโจทย์เรื่องอัตราบริโภคน้ำมัน การปล่อยไอเสีย เป็นตัวตั้ง เทคโนโลยี “สกายแอคทีฟ” ของมาสด้าดีไม่แพ้รถที่ใช้เทคโนโลยีอื่น รวมถึงรถที่ได้รับภาษีสรรพสามิตอัตราพิเศษอย่าง อีโคคาร์ รถไฮบริด หรือรถรองรับพลังงานทางเลือกอย่างแก๊สโซฮอล์ อี85