xs
xsm
sm
md
lg

โตโยต้าห่วงปรับภาษีเงินทุนหนีเข้าอินโดฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - “โตโยต้า” เตือนรัฐอย่าดำเนินการ หรือปรับโครงสร้างภาษีรถ ที่ส่งผลกระทบภาพรวมอุตสาหกรรม หากไม่สามารถทำกำไรได้ บริษัทแม่อาจหันไปพิจารณาลงทุนใหม่ๆ ที่อื่น โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่พร้อมรับอยู่ ขณะที่ปีนี้ทุ่มลงทุนอีก 8 พันล้านบาท ขยายการผลิตที่โรงงานบ้านโพธิ์ มั่นใจตลาดรถไทยปีนี้พุ่ง 8.6 แสนคัน เติบโต 7.4% เฉพาะโตโยต้าประกาศนำทุกตลาด ด้วยยอดขายรวม 3.6 แสนคัน

นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ไทยถือเป็นฐานการผลิตสำคัญของโตโยต้า ไม่ว่าจะมียอดขายสูงเป็นอัน 4 ของโลก เป็นรองเพียงสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีนเท่านั้น เช่นเดียวกับการผลิตของบริษัทโตโยต้าแห่งเดียวในไทย นับว่ามีปริมาณการผลิตสูงสุดในโลก เป็นรองเพียงญี่ปุ่นเท่านั้น และในปีนี้โตโยต้ายังมุ่งมั่นพัฒนาขีดความสามารถต่างๆ เพื่อรักษาความสำเร็จดังกล่าว ทั้งการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานบ้านโพธิ์ การเปิดตัวรถใหม่ และกิจกรรมการตลาด

“ความสำเร็จดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนของรัฐบาล ฉะนั้นจึงอยากจะให้คงนโยบายที่ดีเหล่านี้ไว้ โดยเฉพาะเรื่องของอัตราภาษีต่างๆ ซึ่งในปีนี้ที่รัฐบาลมีแนวคิดจะปรับโครงสร้างภาษีอุตสาหกรรมรถยนต์ จึงต้องการเรียกร้องให้การดำเนินการอะไร หรือภาษีต่างๆ ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรม เพราะหากลงทุนในไทยแล้วไม่สามารถทำกำไรได้ ย่อมเป็นไปได้ที่บริษัทแม่จะพิจารณาลงทุนใหม่ๆ ในอินโดนีเซียแทน เพราะเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากมีประชากรมากกว่าไทยถึง 4 เท่าตัว”

ทั้งนี้ไทยมีจุดแข็งทั้งตลาดในประเทศและส่งออก ซึ่งปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนเงินมีความผันผวนมาก การจะทำไรจึงเป็นเรื่องยาก แต่ดีว่าตลาดในประเทศมีการเติบโตมาก ทำให้สามารถช่วยหรือทดแทนกันได้ ดังนั้นหากการปรับโครงสร้างภาษีแล้ว ทำให้ส่งผลกระทบต่อตลาดภายในและต้นทุนต่างๆ ย่อมส่งผลต่อภาพรวมทั้งหมด ความน่าสนใจในการลงทุนของไทยก็จะลดลงไปด้วย

อย่างไรก็ตาม จากภาพรวมปัจจุบันโตโยต้ายังคงให้ความสำคัญกับฐานการผลิตในไทย และในปีนี้จะมีการลงทุนขยายการผลิตที่โรงงานบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยการลงทุนเพิ่มมูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มจากปัจจุบัน 1.4 แสนคัน เพิ่มเป็น 2.2 แสนคัน โดยจะเริ่มดำเนินการผลิตตั้งแต่เดือนกันยายน 2554 นี้เป็นต้นไป

นายทานาดะกล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยในปีที่ผ่านมา นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไทย ด้วยจำนวนกว่า 8.00 แสนคัน เพิ่มขึ้น 45.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง 3.46 แสนคัน เติบโต 50.7% และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์(รวมปิกอัพ) 4.53 แสนคัน เพิ่มขึ้น 42.3% ซึ่งในจำนวนนี้เฉพาะปิกอัพ 1 ตัน มีจำนวน 3.47 แสนคัน เพิ่มขึ้น 40.1%

ในส่วนของโตโยต้าสามารถทำสถิติเป็นประวัติการณ์ในทุกๆ ด้านเช่นกัน โดยมียอดขายรวมในประเทศทั้งสิ้น 3.26 แสนคัน ซึ่งเป็นสถิติยอดขายรถใหม่ทั้งในตลาดรถยนต์นั่ง รถเพื่อการพาณิชย์ และเฉพาะปิกอัพ เป็นยอดขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ของทั้ง 3 ตลาด

สำหรับการส่งออกในปีที่ผ่านมา โดยโตโยต้าสร้างสถิติใหม่ในการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ด้วยยอดรวมที่ 3.34 แสนคัน เพิ่มขึ้น 40% คิดเป็นมูลค่า 1.40 แสนล้านบาท ตลอดจนการส่งออกชิ้นส่วนมูลค่า 4.90 หมื่นล้านบาท รวมเป็นมูลค่าส่งออกทั้งสิ้น 1.89 แสนล้านบาท

นายทานาดะกล่าวว่า โดยปัจจัยสำคัญมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย และการเปิดตัวรถใหม่ตลอดปี และเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะดีขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับราคาพืชผลทางเกษตร สอดคล้องกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดตัวรถใหม่ๆ สู่ตลาด ซึ่งจากปัจจัยบวกต่างๆ เหล่านี้จะส่งผลดีต่อตลาดรถยนต์ในปี 2554 นี้ต่อไป

“ปีนี้คาดว่าตลาดรถยนต์ไทยจะอยู่ที่ประมาณ 8.60 แสนคัน เติบโต 7.4% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 3.85 แสนคัน เพิ่มขึ้น 11.1% ขณะที่ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ประมาณ 4.74 แสนคัน เพิ่มขึ้น 4.6% โดยแบ่งเป็นปิกอัพขนาด 1 ตัน 3.75 แสนคัน เพิ่มขึ้น 7.9%”

สำหรับโตโยต้าในปีนี้ตั้งเป้าหมายการขายไว้ที่ 3.6 แสนคัน หรือเพิ่มขึ้น 10.4% คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 42% แยกเป็นรถยนต์นั่ง 1.62 แสนคัน เติบโต 14.3% และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 1.98 แสนคัน ขยายตัว 7.4% โดยเฉพาะปิกอัพ 1 ตัน จำนวน 1.79 แสนคัน เพิ่มขึ้น 8.4% ส่วนเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าปีนี้ อยู่ที่จำนวน 3.64 แสนคัน คิดเป็นมูลค่า 1.39 แสนล้านบาท และชิ้นส่วนมูลค่า 5.99 หมื่นล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้นประมาณ 1.989 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น