xs
xsm
sm
md
lg

"ธนา" เปิดใจไขก๊อกดีแทคไปแมคยีนส์ "ทอเร่" แจงปมต่างชาติมากกว่าคนไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ธนา" เปิดใจสาเหตุไขก๊อกจาก "ดีแทค" เพื่อไปรับตำแหน่งใหม่เป็นผู้บริหาร "แมคยีนส์" เพราะถึงจุดอิ่มตัวในธุรกิจโทรคมนาคม หลังร่วมงานกับ "ดีแทค" ยาวนานถึง 15 ปี แต่ยังไม่ทิ้งรังเก่า เพราะยังรับบทเป็นที่ปรึกษาธุรกิจ "ทอเร่" แจงปมฝ่ายบริหารต่างชาติมากกว่าคนไทย พร้อมยืนยันโครงสร้างปัจจุบัน คนไทยอยู่ในระดับตัดสินใจมีมากกว่า แย้มคนมาแทน "ธนา" เป็นคนไทยแน่นอน เพราะต้องเจรจากับภาครัฐ

นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มกลยุทธ์และกิจการองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยในการแถลงข่าวการลาออกจากดีแทค โดยระบุว่า ใบลาออกจะมีผลปลายเดือนเมษายน 2554 นี้ พร้อมระบุว่า หลังจากนั้น ประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2554 ตนเองจะเริ่มงานใหม่เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่บริษัท พี.เอ.การ์เมนต์ (อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแมคยีนส์ (MC JEANS)

สำหรับสาเหตุที่ตัดสินใจลาออก นายธนา ระบุว่า เนื่องจากเป็นจังหวะที่ดีที่จะไปเรียนรู้งานในสายงานใหม่ๆ และตนเองก็ถึงจุดอิ่มตัวที่จะเรียนรู้งานในสายโทรคมนาคม หลังจากร่วมงานกับดีแทคมานานถึง 15 ปี ประกอบกับสถานะดีแทคอยู่ในภาวะที่แข็งแรง เพราะได้ขยายการทดลองให้บริการ 3จี บนคลื่น 850 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 1,220 สถานี ซึ่งมองว่าได้เปรียบกว่าคู่แข่งที่มีอายุสัมปทานเหลือน้อย

"แมคยีนส์เป็นอันดับ 2-3 ในตลาด เป็นมวยรองตื่นเต้นดี โทรคมนาคมเริ่มไม่รู้อะไรใหม่ๆ แล้ว การออกไปถือว่าเป็นผจญภัย การเป็นซีอีโอในบริษัทใหญ่ๆ ไม่ใช่ความฝัน เพราะอยากทำงานที่ท้าทาย ถึงแม้จะลาออกจากตำแหน่งผู้บริหาร แต่ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในดีแทคเหมือนเดิม"

ด้านนายทอเร่ จอห์นเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่า นายธนายังคงทำงานถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 นี้ ซึ่งก็ไม่ได้ไปไหน เพราะยังคงรับเป็นที่ปรึกษาให้กับดีแทคอยู่ และที่สำคัญไม่ได้ไปอยู่กับบริษัทคู่แข่ง ตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าภายในองค์กรมีแต่ผู้บริหารที่เป็นคนต่างชาตินั้น นายทอเร่ ยืนยันว่า ตามโครงสร้างของบริษัทยังมีผู้บริหารคนไทยมีสัดส่วนที่ตัดสินใจมากกว่าต่างชาติ ซึ่งผู้ที่มาทำหน้าที่แทนนายธนานั้นต้องเป็นคนไทยอย่างแน่นอน เพราะต้องทำหน้าที่เจรจากับภาครัฐ ส่วนจะเป็นคนในองค์กรหรือนอกองค์กรต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของบุคคลนั้นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหา

นายทอเร่ยังเปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อกิจการบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด (ฮัทช์) ผู้ให้บริการซีดีเอ็มเอภาคกลาง 25 จังหวัด ซึ่งประเด็นดังกล่าว บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จะต้องดูข้อตกลงในเรื่องสัญญาสัมปทาน และปฏิบัติต่อคู่สัญญาอย่างยุติธรรม ขณะเดียวกัน กสทฯ จะต้องดูด้วยว่ากรณีดังกล่าวจะเข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมการงาน หรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ซึ่งเรื่องดังกล่าวปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทได้ยื่นหนังสือถึงนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสทฯ ก่อนทรูจะซื้อฮัทช์ ให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวก่อนแล้ว โดยได้ชี้แจงให้ กสทฯ พิจารณาถึงความยุติธรรม

ขณะเดียวกันที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 7 ม.ค.54 นายสมภพ ผ่องสว่าง ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลางและองค์คณะ มีคำพิพากษายกฟ้องคดีบริษัท กสท โทรคมนาคม ยื่นฟ้องบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) และพวกเป็นผู้ถูกฟ้อง เรื่องละเมิดสัญญาทางปกครอง กรณีที่หัวเว่ยกับพวกดำเนินการจัดสร้างชุมสายและสถานีวิทยุเครือข่ายระบบ CDMA ไม่เรียบร้อยตามสัญญาจ้าง จึงขอให้ชำระค่าปรับตามสัญญาเป็นเงินจำนวน 1,281,155,570.85 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ กสท

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าหัวเว่ยสามารถส่งมอบงานให้ กสท ได้นำระบบดังกล่าวออกใช้งานในเชิงพาณิชย์ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของสัญญา สร้างประโยชน์และรายได้ทางธุรกิจให้แก่ กสท เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จึงถือว่า บมจ.กสทฯ ยอมรับการชำระหนี้อื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 321 ดังนั้น บ.หัวเว่ยและพวกไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้ กสท อีก จึงพิพากษายกฟ้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น