สมาคมฯธุรกิจทัวร์จีน ชี้ ตลาดนักท่องเที่ยวจีน ปีเถาะ แนวโน้มสดใส คาดภาพรวมตลอดปี โต 30% หรือ 1.3 ล้านคน แนะรัฐตีเหล็กกำลังร้อน เร่งอัดฉีดงบทำตลาดเพิ่ม 500-1,000 ล้านบาท พร้อมต่ออายุมาตรการ หวังขยายฐานนักท่องเที่ยวครอบคลุมทุกมณฑล ยอมรับ ปัญหาใหญ่คือการคมนาคม เที่ยวบินมีไม่ครอบคลุมทุกเมืองสำคัญ คุย ตรุษจีนปีนี้ ชาร์เตอร์ไฟล์ทเข้าภูดเก็ตโตเท่าตัว
นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ ไทย-จีน เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลเร่งสนับสนุนและส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนให้มากขึ้ เพราะ ปี 2554 จากการที่ตลาดยุโรป และ อเมริกา มีแนวโน้มชะลอหรือทรงตัว อันเป็นผลกระทบจากวิกฤติเศรษบกิจ ประเทศไทย จำเป็นต้องพึ่งพาตลาดระยะใกล้ ซึ่งตลาดที่มีศักยภาพสูง ที่ทั้ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ภาคเอกชน เห็นตรงกัน คือ ตลาดจีน อินเดีย รัสเซีย ญี่ปุ่น เพราะ ทุกประเทศ เป็นตลาดเศรษฐกิจดี มีค่าเงินที่แข็งไปในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินบาทของไทย ซึ่งรัฐควรใช้โอกาสนี้เร่งขยายฐานนักท่องเที่ยวให้เติบโต
ในส่วนของนักท่องเที่ยวจากตลาดจีน ปี 2554 คาดว่าจะเติบโตจากปี 2553 ราว30%หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมตลอดปี 1.3 ล้านคน เฉลี่ยค่าใช้จ่าย 5,000 บาท ต่อคนต่อวัน รวมระยะเวลาพำนักนาน 5-6 วัน มีปัจจัยบวกสนับสนุน ได้แก่ 1.ชาวจีนมีความชื่นชอบประเทศไทยเพราะมีสินค้าท่องเที่ยวที่หลากหลาย 2. ราคาแพกเกจทัวร์วไม่แพง3.ไทยมีภูมิอากาศอบอุ่น 4.ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน ส่งผลกำลังซื้อของประชาชนสูงขึ้นด้วย
เร่งรัฐต่อมาตรการ -อัดงบเพิ่ม
จากแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว จึงต้องการให้รัฐบาล ช่วยสนับสนุน ด้วยการ เพิ่มงบประมาณ เพื่อช่วยส่งเสริมตลาด 500-1,000 ล้านบาท เพื่อใช้โฆษณาประชาสัมพันธ์ ,การจัดกิจกรรมร่วมกับบริษัทนำเที่ยว และ จัดกิจกรรมร่วมกับสายการบิน รวมถึง เร่ง พิจารณษ 4 มาตรการช่วยเหลือ ตามที่ สมาคมได้ขอไปแล้ว ได้แก่ 1.ต่อมาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า ซึ่งจะครบกำหนด มีนาคมศกนี้ โดยควรต่อไปถึงสิ้นปี 2.ส่งเสริมให้มีเส้นทางบินจากเมืองหลักในแต่ละมณฑล เข้ามาประเทศไทย 3.ส่งเสริมละครของประเทศไทยให้เข้าไปฉายที่ประเทศจีน ใช้โอกาสช่วงภาพยนตร์จากเกาหลี และ ญี่ปุ่นเริ่มถดถอย ผลักดันให้ละครไทยเข้าไปมีบทบาท และ 4. จัดทำคู่มือท่องเที่ยวและป้ายบอกเป็นภาษาจีน เช่นเดียวกัยภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี และ ภาษาอังกฤษ
“หากมีป้าย หรือคู่มือเดินทางภาษาจีน จะรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาจากทุกประเทศได้ เช่น เ มาเลเซีย อินดดนีเซีย สิงคโปร์ ซึ่งการที่จะดึงนักท่องเที่ยวเอเชีย เข้ามาทดแทน ตลาดระยะไกล ยุโร อเมริกา รัฐต้องกล้าลงทุน โดยเฉพาะการสนับสนุนให้มีเส้นทางบินตรงจากเมืองท่า และเมืองเศรษฐกิจ จีนให้ครบ ซึ่งมีราว 20 เมือง ปัจจุบันไทยมีเส้นทางบินตรงจากจีนเพียง 8 เส้นทางเท่านั้น ปัจจุบันชาวจีนเดินทางมาไทยเพียง 1% จากประชากรทั้งหมด 1.3 พันล้านคน จึงมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมากหากการเดินทางสะดวก”
ตรุษจีนชาร์เตอร์ไฟล์ทเข้าภูเก็ตโตเท่าตัว
นายวิชิต กล่าวอีกว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ซึ่งจะตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ คาดว่า จำนวนเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือ ชาร์เตอร์ไฟล์ จากประเทศจีน มาเข้ามาไทยมากกว่า 100 เที่ยวบิน แบ่งเป็น มาลงที่ภูเก็ต กว่า 80 เที่ยวบิน เพิ่มกว่าเท่าตัวของปีก่อน และ ที่กรุงเทพฯอีกกว่า 40 เที่ยวบิน เพิ่มจากปีก่อนเล็กน้อย ซึ่งกว่า 80% เป็นการเดินทางมาครั้งแรก สะท้อนว่า ไทยเป็นเดสติเนชั่นยอดนิยมของชาวจีน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดจีนปีนี้ กลุ่มปคอปอเรทที่จัดประชุมสัมมนา และ กลุ่มเดินทางเที่ยวเอง(FIT) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นม คาดว่าจะเป็น 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมดที่มาไทย เพิ่มจากปีก่อนที่กลุ่มนี้มีสัดส่วนอยู่ราว 20% ซึ่ง ผู้ประกอบการ เตรียม นำเสนอเดสติเนชั่นใหม่ๆเพิ่มเป็นทางเลือก นอกเหนือจากรุงเทพฯและภูเก็ต ได้แก่ เชียงใหม่ หัวหิน เป็นต้น นอกจากนั้นมีแผน ขยายฐานนักท่องเที่ยว ออกไปทำตลาดในเมืองท่าสำคัญในมณฑลต่างๆ เช่น เมืองนานกิง เมือง เสิ่นหยาง เมืองชิงเต่า เมืองฉางซา เป็นต้น แต่ละเมืองล้วนเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ ในมณฑลต่างๆ ของจีน
นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ ไทย-จีน เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลเร่งสนับสนุนและส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนให้มากขึ้ เพราะ ปี 2554 จากการที่ตลาดยุโรป และ อเมริกา มีแนวโน้มชะลอหรือทรงตัว อันเป็นผลกระทบจากวิกฤติเศรษบกิจ ประเทศไทย จำเป็นต้องพึ่งพาตลาดระยะใกล้ ซึ่งตลาดที่มีศักยภาพสูง ที่ทั้ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ภาคเอกชน เห็นตรงกัน คือ ตลาดจีน อินเดีย รัสเซีย ญี่ปุ่น เพราะ ทุกประเทศ เป็นตลาดเศรษฐกิจดี มีค่าเงินที่แข็งไปในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินบาทของไทย ซึ่งรัฐควรใช้โอกาสนี้เร่งขยายฐานนักท่องเที่ยวให้เติบโต
ในส่วนของนักท่องเที่ยวจากตลาดจีน ปี 2554 คาดว่าจะเติบโตจากปี 2553 ราว30%หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมตลอดปี 1.3 ล้านคน เฉลี่ยค่าใช้จ่าย 5,000 บาท ต่อคนต่อวัน รวมระยะเวลาพำนักนาน 5-6 วัน มีปัจจัยบวกสนับสนุน ได้แก่ 1.ชาวจีนมีความชื่นชอบประเทศไทยเพราะมีสินค้าท่องเที่ยวที่หลากหลาย 2. ราคาแพกเกจทัวร์วไม่แพง3.ไทยมีภูมิอากาศอบอุ่น 4.ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน ส่งผลกำลังซื้อของประชาชนสูงขึ้นด้วย
เร่งรัฐต่อมาตรการ -อัดงบเพิ่ม
จากแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว จึงต้องการให้รัฐบาล ช่วยสนับสนุน ด้วยการ เพิ่มงบประมาณ เพื่อช่วยส่งเสริมตลาด 500-1,000 ล้านบาท เพื่อใช้โฆษณาประชาสัมพันธ์ ,การจัดกิจกรรมร่วมกับบริษัทนำเที่ยว และ จัดกิจกรรมร่วมกับสายการบิน รวมถึง เร่ง พิจารณษ 4 มาตรการช่วยเหลือ ตามที่ สมาคมได้ขอไปแล้ว ได้แก่ 1.ต่อมาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า ซึ่งจะครบกำหนด มีนาคมศกนี้ โดยควรต่อไปถึงสิ้นปี 2.ส่งเสริมให้มีเส้นทางบินจากเมืองหลักในแต่ละมณฑล เข้ามาประเทศไทย 3.ส่งเสริมละครของประเทศไทยให้เข้าไปฉายที่ประเทศจีน ใช้โอกาสช่วงภาพยนตร์จากเกาหลี และ ญี่ปุ่นเริ่มถดถอย ผลักดันให้ละครไทยเข้าไปมีบทบาท และ 4. จัดทำคู่มือท่องเที่ยวและป้ายบอกเป็นภาษาจีน เช่นเดียวกัยภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี และ ภาษาอังกฤษ
“หากมีป้าย หรือคู่มือเดินทางภาษาจีน จะรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาจากทุกประเทศได้ เช่น เ มาเลเซีย อินดดนีเซีย สิงคโปร์ ซึ่งการที่จะดึงนักท่องเที่ยวเอเชีย เข้ามาทดแทน ตลาดระยะไกล ยุโร อเมริกา รัฐต้องกล้าลงทุน โดยเฉพาะการสนับสนุนให้มีเส้นทางบินตรงจากเมืองท่า และเมืองเศรษฐกิจ จีนให้ครบ ซึ่งมีราว 20 เมือง ปัจจุบันไทยมีเส้นทางบินตรงจากจีนเพียง 8 เส้นทางเท่านั้น ปัจจุบันชาวจีนเดินทางมาไทยเพียง 1% จากประชากรทั้งหมด 1.3 พันล้านคน จึงมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมากหากการเดินทางสะดวก”
ตรุษจีนชาร์เตอร์ไฟล์ทเข้าภูเก็ตโตเท่าตัว
นายวิชิต กล่าวอีกว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ซึ่งจะตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ คาดว่า จำนวนเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือ ชาร์เตอร์ไฟล์ จากประเทศจีน มาเข้ามาไทยมากกว่า 100 เที่ยวบิน แบ่งเป็น มาลงที่ภูเก็ต กว่า 80 เที่ยวบิน เพิ่มกว่าเท่าตัวของปีก่อน และ ที่กรุงเทพฯอีกกว่า 40 เที่ยวบิน เพิ่มจากปีก่อนเล็กน้อย ซึ่งกว่า 80% เป็นการเดินทางมาครั้งแรก สะท้อนว่า ไทยเป็นเดสติเนชั่นยอดนิยมของชาวจีน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดจีนปีนี้ กลุ่มปคอปอเรทที่จัดประชุมสัมมนา และ กลุ่มเดินทางเที่ยวเอง(FIT) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นม คาดว่าจะเป็น 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมดที่มาไทย เพิ่มจากปีก่อนที่กลุ่มนี้มีสัดส่วนอยู่ราว 20% ซึ่ง ผู้ประกอบการ เตรียม นำเสนอเดสติเนชั่นใหม่ๆเพิ่มเป็นทางเลือก นอกเหนือจากรุงเทพฯและภูเก็ต ได้แก่ เชียงใหม่ หัวหิน เป็นต้น นอกจากนั้นมีแผน ขยายฐานนักท่องเที่ยว ออกไปทำตลาดในเมืองท่าสำคัญในมณฑลต่างๆ เช่น เมืองนานกิง เมือง เสิ่นหยาง เมืองชิงเต่า เมืองฉางซา เป็นต้น แต่ละเมืองล้วนเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ ในมณฑลต่างๆ ของจีน