สตาร์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (SMT) บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไทย เชื่อปีนี้โตมากกว่า 30% จากปัจจัยการเติบโตของสมาร์ทโฟน รวมไปถึงอุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ทาง SMT เป็นผู้ผลิต เผยปีที่ผ่านมากำไรสุทธิ 267 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 33%
นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บมจ.สตาร์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปีนี้ทางบริษัทได้เซ็นสัญญากับ 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ทางด้านสมาร์ทโฟนของโลก ในการส่งชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์ แอสแซมบลี (MMA) จำพวกหน้าจอทัชสกรีน รวมกับบริษัทที่มีอยู่เดิม ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนของโลก
"จากเดิมเราส่งชิ้นส่วนหน้าจอทัชสกรีนแบบ Capacitive ให้กับทั้ง แอลจี ซัมซุง เอชทีซี และหัวเหว่ย ซึ่งล่าสุดได้เซ็นสัญญาเพิ่มเติมกับทาง อาร์ไอเอ็ม สำหรับสมาร์ทโฟนที่เป็นแบบทัชสกรีนที่จะมีออกมาจำหน่ายในอนาคต และ โซนีอิริคสัน ซึ่งมีการประมาณจากศูนย์วิจัย ยาโน ในประเทศญี่ปุ่นว่าสมาร์ทโฟนจะมียอดขาย 200 ล้านเครื่องในปี 2554 ทำให้เชื่อว่าบริษัทจะได้กำไรเบื้องต้นจากกลุ่มธุรกิจสมาร์ทโฟนเกือบ 40%"
ขณะเดียวกัน SMT ยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการผลิตชิ้นส่วนประกอบสำคัญอย่างเช่น แผงควบคุม คลิกวิว ที่ใช้ในเครื่องเล่นเพลงอย่างไอพ็อด รวมไปถึงแผงควบคุมหน้าจอทัชสกรีนเครื่องเล่นเอ็มพีสาม ในตลาดอย่างเช่นโซนี และซัมซุงอีกด้วย
นอกจากธุรกิจ ไมโครอิเล็กทรอนิกส์แล้ว SMT ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับไอซีจำพวก MEM (Micro Electronic Mechanical System) ที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆอย่าง เซ็นเซอร์วัดระดับลมยางให้กลุ่มธุรกิจรถยนต์ รวมไปถึงธุรกิจกลุ่ม ฮาร์ดดิสก์ ที่เป็นผู้ผลิต Control Board รายใหญ่ส่งให้โรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ในประเทศ
"ปีนี้คาดว่าทางเราจะเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของ MMA ขึ้น 25% เป็น 100 ล้านชิ้นต่อปี ส่วนธุรกิจ IC จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 1,200 ล้านชิ้นต่อปี ทำให้เชื่อว่าปีนี้จะสามารถทำกำไรโตต่อเนื่องกว่า 40% จากลูกค้าระดับโลกหลายราย"
ด้านประมาณการณ์รายได้สิ้นปีนี้ น่าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาค่อนข้างสูงคือ มีกำไรเติบโตมากกว่า 30% จากราย 11,051 ล้านบาท เมื่อปีที่ผ่านมา
นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บมจ.สตาร์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปีนี้ทางบริษัทได้เซ็นสัญญากับ 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ทางด้านสมาร์ทโฟนของโลก ในการส่งชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์ แอสแซมบลี (MMA) จำพวกหน้าจอทัชสกรีน รวมกับบริษัทที่มีอยู่เดิม ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนของโลก
"จากเดิมเราส่งชิ้นส่วนหน้าจอทัชสกรีนแบบ Capacitive ให้กับทั้ง แอลจี ซัมซุง เอชทีซี และหัวเหว่ย ซึ่งล่าสุดได้เซ็นสัญญาเพิ่มเติมกับทาง อาร์ไอเอ็ม สำหรับสมาร์ทโฟนที่เป็นแบบทัชสกรีนที่จะมีออกมาจำหน่ายในอนาคต และ โซนีอิริคสัน ซึ่งมีการประมาณจากศูนย์วิจัย ยาโน ในประเทศญี่ปุ่นว่าสมาร์ทโฟนจะมียอดขาย 200 ล้านเครื่องในปี 2554 ทำให้เชื่อว่าบริษัทจะได้กำไรเบื้องต้นจากกลุ่มธุรกิจสมาร์ทโฟนเกือบ 40%"
ขณะเดียวกัน SMT ยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการผลิตชิ้นส่วนประกอบสำคัญอย่างเช่น แผงควบคุม คลิกวิว ที่ใช้ในเครื่องเล่นเพลงอย่างไอพ็อด รวมไปถึงแผงควบคุมหน้าจอทัชสกรีนเครื่องเล่นเอ็มพีสาม ในตลาดอย่างเช่นโซนี และซัมซุงอีกด้วย
นอกจากธุรกิจ ไมโครอิเล็กทรอนิกส์แล้ว SMT ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับไอซีจำพวก MEM (Micro Electronic Mechanical System) ที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆอย่าง เซ็นเซอร์วัดระดับลมยางให้กลุ่มธุรกิจรถยนต์ รวมไปถึงธุรกิจกลุ่ม ฮาร์ดดิสก์ ที่เป็นผู้ผลิต Control Board รายใหญ่ส่งให้โรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ในประเทศ
"ปีนี้คาดว่าทางเราจะเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของ MMA ขึ้น 25% เป็น 100 ล้านชิ้นต่อปี ส่วนธุรกิจ IC จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 1,200 ล้านชิ้นต่อปี ทำให้เชื่อว่าปีนี้จะสามารถทำกำไรโตต่อเนื่องกว่า 40% จากลูกค้าระดับโลกหลายราย"
ด้านประมาณการณ์รายได้สิ้นปีนี้ น่าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาค่อนข้างสูงคือ มีกำไรเติบโตมากกว่า 30% จากราย 11,051 ล้านบาท เมื่อปีที่ผ่านมา
