โอสถสภา เปิดแผนรุก แบนเนอร์ ส่งตัวใหม่ลุย คาดสร้างส่วนแบ่งตลาด 10% ของตลาดรวมในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสมอง หรือประมาณ 35 ล้านบาทในปีแรก
นายณรงค์ รัศมีมงคล ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัท โอสถสภา จำกัด เผยว่า ปัจจุบัน แบนเนอร์ มีอัตราการเติบโต 5 เท่าตัว และในปี 2553 นี้ คาดว่าจะโตขึ้น 20% โดยจะเติบโตกว่าตลาดรวมของอาหารเสริมทั้งหมดที่ คาดว่าจะโตประมาณ 10% สืบเนื่องจากกระแสรักสุขภาพเชิงป้องกันที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่สร้างความกดดัน ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจในสุขภาพมากยิ่งขึ้น
ผลสำรวจระบุว่า คนกรุงเทพฯ ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างมีการปรับพฤติกรรมโดย 25.7% ของคนกรุงเทพฯ ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างเปลี่ยนมาบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสุขภาพที่ผลิตในประเทศทดแทนการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสุขภาพที่ผลิตในต่างประเทศที่มีราคาแพง จึงเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขายสินค้าเสริมอาหารของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ ได้นำผลิตภัณฑ์ แบนเนอร์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย มาบรรจุในไทย จึงทำให้ต้นทุนต่ำลงกว่าการนำเข้ามาแบบสำเร็จรูป จึงสามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในไทยในราคาประหยัดคุ้มค่า ถูกกว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั่วไป 20%
โดยกลุ่มผู้บริโภค แบนเนอร์ คิดเป็นสัดส่วนกรุงเทพฯ 45% และต่างจังหวัด 55% นอกจากนี้ยังเตรียมจดลิขสิทธิ์ แบนเนอร์ ในภูมิภาคอินโดจีน เริ่มบุกเวียดนาม พม่า ก่อน ซึ่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเพื่อสุขภาพ คิดเป็น 5% ของยอดขายรวมของบริษัทฯ
ล่าสุด บริษัทฯได้เปิดตัว แบนเนอร์ ไบ้ร์ท เน้นกลุ่มวัยทำงาน อายุ 30 – 50 ปี โดยจำหน่ายผ่านร้านขายยาที่เป็นช่องทางจัดจำหน่ายหลักถึง 85% ผ่านร้านสะดวกซื้อประมาณ 10% และโมเดิร์นเทรด 5% คาดว่าในปีแรกจะสามารถสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 35 ล้านบาท สำหรับงบการตลาดของ แบนเนอร์ อยู่ที่ประมาณ 30% ของ ยอดขายรวม
นายณรงค์ รัศมีมงคล ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัท โอสถสภา จำกัด เผยว่า ปัจจุบัน แบนเนอร์ มีอัตราการเติบโต 5 เท่าตัว และในปี 2553 นี้ คาดว่าจะโตขึ้น 20% โดยจะเติบโตกว่าตลาดรวมของอาหารเสริมทั้งหมดที่ คาดว่าจะโตประมาณ 10% สืบเนื่องจากกระแสรักสุขภาพเชิงป้องกันที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่สร้างความกดดัน ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจในสุขภาพมากยิ่งขึ้น
ผลสำรวจระบุว่า คนกรุงเทพฯ ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างมีการปรับพฤติกรรมโดย 25.7% ของคนกรุงเทพฯ ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างเปลี่ยนมาบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสุขภาพที่ผลิตในประเทศทดแทนการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสุขภาพที่ผลิตในต่างประเทศที่มีราคาแพง จึงเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขายสินค้าเสริมอาหารของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ ได้นำผลิตภัณฑ์ แบนเนอร์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย มาบรรจุในไทย จึงทำให้ต้นทุนต่ำลงกว่าการนำเข้ามาแบบสำเร็จรูป จึงสามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในไทยในราคาประหยัดคุ้มค่า ถูกกว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั่วไป 20%
โดยกลุ่มผู้บริโภค แบนเนอร์ คิดเป็นสัดส่วนกรุงเทพฯ 45% และต่างจังหวัด 55% นอกจากนี้ยังเตรียมจดลิขสิทธิ์ แบนเนอร์ ในภูมิภาคอินโดจีน เริ่มบุกเวียดนาม พม่า ก่อน ซึ่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเพื่อสุขภาพ คิดเป็น 5% ของยอดขายรวมของบริษัทฯ
ล่าสุด บริษัทฯได้เปิดตัว แบนเนอร์ ไบ้ร์ท เน้นกลุ่มวัยทำงาน อายุ 30 – 50 ปี โดยจำหน่ายผ่านร้านขายยาที่เป็นช่องทางจัดจำหน่ายหลักถึง 85% ผ่านร้านสะดวกซื้อประมาณ 10% และโมเดิร์นเทรด 5% คาดว่าในปีแรกจะสามารถสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 35 ล้านบาท สำหรับงบการตลาดของ แบนเนอร์ อยู่ที่ประมาณ 30% ของ ยอดขายรวม