พัทลุง - ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง สั่งหัวหน้าส่วนราชการ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งพัฒนาคุณภาพข้าวสังข์หยด ทั้งด้านคุณภาพ และปริมาณ เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร
วันนี้ (3 ก.ย.) นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางในการพัฒนาข้าวสังข์หยดพัทลุง ทั้งด้านคุณภาพ และปริมาณ หวังเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ เนื่องจากข้าวสังข์หยด เป็นข้าวพื้นเมืองของจังหวัดพัทลุง ได้รับคำประกาศรับรองให้เป็น “สินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” โดยใช้ชื่อว่า “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง” นับเป็นข้าวจีไอพันธุ์แรกของประเทศไทย ที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิให้แก่ชุมชนผู้ผลิตข้าวสังข์หยดในจังหวัดพัทลุง ทั้งนี้คุณค่าทางโภชนาการ ต่อน้ำหนักข้าว 100 กรัม จะมีโปรตีน 6.2 กรัม เท่ากับข้าวหอมมะลิ มีไขมัน 3.3 กรัม แคลเซียม 65 มิลลิกรัม วิตามินบี 10.037 มิลลิกรัม วิตามินบี 20.96 มิลลิกรัม และไนอะซิน 2.2 มิลลิกรัม
ปัจจุบันกระแสความนิยมของผู้บริโภคได้ให้ความสำคัญกับอาหารสุขภาพ ปลอดภัยจากสารพิษ จึงทำให้มีการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพออกสู่ตลาดกันมากขึ้น ข้าวสังข์หยด จึงเป็นหนึ่งในสินค้า ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างกว้างขวางมากขึ้นตามลำดับ โดยขณะนี้ข้าวสังข์หยดชนิดข้าวเปลือกราคา ตันละ 20,000 บาท แต่ข้าวสังข์หยดจะปลูกได้เฉพาะนาปี ผลผลิตค่อนข้างต่ำ เฉลี่ย 330 กิโลกรัม ต่อไร่
ในการประชุมครั้งนี้ นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้กำชับให้หน่วยงาน ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ ได้พัฒนาข้าวสังข์หยดพัทลุงทั้งด้านคุณภาพ และปริมาณ โดยใช้ระบบข้อมูล และความต้องการของเกษตรกร เป็นทิศทางในการพัฒนา นอกจากนี้ ให้มีการพัฒนาข้าวสังข์หยดธรรมดา ไปสู่ข้าวสังข์หยด GI เพิ่มยิ่งขึ้น
ปัจจุบันเกษตรกรในจังหวัดพัทลุงปลูกข้าวสังข์หยด กระจายใน 5 อำเภอ 9 ตำบล 13 หมู่บ้าน เนื้อที่ปลูก 12,000 ไร่ ผลผลิตประมาณปีละ 3,960 ตัน สร้างรายได้ให้เกษตรกรไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาทต่อปี