ฮุนได ประกาศยุติไลน์ผลิตเก๋ง“โซนาต้า” ชั่วคราว หลังยอดขายไม่รุ่ง อนาคตเบนเป้าลูกค้าฟลีตแทน ประธาน “คุราตะ” ยันไม่กระทบ เพราะมีรถอเนกประสงค์ เอช-1 เป็นตัวสร้างยอดขายหลัก รวมถึงเตรียมเปิดตัวรถใหม่อีก 3 รุ่น ทั้งเอสยูวีรุ่น “ทูซอน”- “แกรนด์ สตาร์เร็กซ์” แต่ทีเด็ดอยู่ที่เก๋งเล็ก “ไอ10” นำเข้าจากมาเลเซียพร้อมทำตลาดปลายปี หวังดันยอดขายรวมทุกรุ่นปีนี้ 3,000 คันเติบโตกว่า 60%
นายโยชิซึมิ คุราตะ ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้หยุดการขาย “โซนาต้า” ในรูปแบบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแล้ว หลังความต้องการตลาดลดลง ขณะเดียวกันการผลิตที่ได้ว่าจ้างบริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์ทำให้นั้น ได้ยุติลงไปด้วยตั้งแต่กลางปี 2552
“หลังจากฮุนได เกาหลี เปิดตัวโซนาต้า โมเดลเชนจ์เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนมากชะลอการซื้อโฉมปัจจุบันที่ทำตลาดในไทย เพื่อรอดูว่าจะนำโฉมใหม่เข้ามาขายเมื่อไหร่ ซึ่งประเด็นนี้เรากำลังเจรจากับบริษัทแม่ประเทศเกาหลีอยู่ อย่างไรก็ตามเราไม่ได้ยุติการทำตลาดโซนาต้า (โฉมปัจจุบัน)ไปเสียทีเดียว แต่จะเน้นไปที่การขายล็อตใหญ่ (Fleet) ดังนั้นถ้ามีความต้องการจากลูกค้าในปริมาณที่มากพอ เราก็สามารถขึ้นไลน์ผลิตและพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าได้เช่นกัน”
สำหรับยอดขายโซนาต้า ในปีที่แล้ว ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรและ 2.4 ลิตร ทำได้ 347 คัน จากยอดขายรวมทุกรุ่น 1,788 คัน และแม้ปีนี้จะไม่ได้ขายโซนาต้า ในรูปแบบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแล้ว แต่บริษัทเชื่อว่าโปรดักต์รุ่นอื่นๆจะช่วยกันผลักดันยอดขายให้ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
นายคุราตะ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจที่มีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้น ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าขายฮุนไดรวมทุกรุ่น 2,500 - 3,000 คัน หรือมีโอกาสเติบโตสูงกว่า 60% โดยรถยนต์หลักในการทำตลาดยังคงเป็นรุ่น เอช-1 (H-1) ที่น่าจะขายได้ถึง 2,000 คัน ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมเปิดตัวรถใหม่อีก 3 รุ่นคือ เอสยูวีรุ่น “ทูซอน” (Tucson) นำเข้าจากประเทศเกาหลี รวมถึงรถอเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยม “แกรนด์ สตาร์เร็กซ์” (Grand Starex) นำเข้ามาจากอินโดนีเซีย และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก “ไอ10” (i10) นำเข้าจากมาเลเชีย
บริษัทเตรียมเปิดตัว เอสยูวี“ทูซอน” วันที่ 11 มีนาคมนี้ ก่อนจะนำไปจัดแสดงพร้อมรับจองในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 ที่มีขึ้นปลายเดือนเดียวกัน ส่วนเรื่องราคาบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษา ขณะที่รุ่น“แกรนด์ สตาร์เร็กซ์” และ “ไอ10” จะพร้อมเปิดตัวช่วงปลายปี 2553
สำหรับรุ่น “ไอ10” เป็นซิตี้คาร์กลุ่ม เอ เซกเมนท์ มาพร้อมตัวถังแบบแฮทช์แบ็ค 5 ประตู คุ้มค่าและประหยัดน้ำมันด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร DOHC มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ โดยการที่ต้องทำตลาดปลายปี เป็นเพราะแผนการผลิตที่โรงงานประเทศมาเลเซียล่าช้ากว่ากำหนด แต่กระนั้นคาดว่าหลังการเปิดตัวจะได้การตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี
ในส่วนของความพร้อมด้านอื่นๆโดยเฉพาะการบริการหลังการขาย ปีนี้บริษัทได้กำหนดให้เป็นปีแห่งบริการ เพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งภายในปี 2553 จะขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มจาก 19 แห่ง เป็น 30 แห่ง ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ฮุนไดยังเป็นหนึ่งในพันธมิตรผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ของการแข่งขันฟุตบอลโลก หรือ FIFA World Cup 2010 ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งตลอดทั้งปีบริษัทเตรียมจัดกิจกรรมมากมาย พร้อมของรางวัลพิเศษๆ อาทิ กิจกรรมพบลูกค้าและแจกของที่ระลึกให้กับผู้ใช้รถผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงจัดกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR เอาไว้เพื่อสนับสนุนการเล่นกีฬาของเยาวชนไทยด้วยการมอบลูกฟุตบอล และอุปกรณ์กีฬาอื่นๆ ให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนต่างๆ รวม 20 โรงเรียน
นายโยชิซึมิ คุราตะ ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้หยุดการขาย “โซนาต้า” ในรูปแบบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแล้ว หลังความต้องการตลาดลดลง ขณะเดียวกันการผลิตที่ได้ว่าจ้างบริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์ทำให้นั้น ได้ยุติลงไปด้วยตั้งแต่กลางปี 2552
“หลังจากฮุนได เกาหลี เปิดตัวโซนาต้า โมเดลเชนจ์เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนมากชะลอการซื้อโฉมปัจจุบันที่ทำตลาดในไทย เพื่อรอดูว่าจะนำโฉมใหม่เข้ามาขายเมื่อไหร่ ซึ่งประเด็นนี้เรากำลังเจรจากับบริษัทแม่ประเทศเกาหลีอยู่ อย่างไรก็ตามเราไม่ได้ยุติการทำตลาดโซนาต้า (โฉมปัจจุบัน)ไปเสียทีเดียว แต่จะเน้นไปที่การขายล็อตใหญ่ (Fleet) ดังนั้นถ้ามีความต้องการจากลูกค้าในปริมาณที่มากพอ เราก็สามารถขึ้นไลน์ผลิตและพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าได้เช่นกัน”
สำหรับยอดขายโซนาต้า ในปีที่แล้ว ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรและ 2.4 ลิตร ทำได้ 347 คัน จากยอดขายรวมทุกรุ่น 1,788 คัน และแม้ปีนี้จะไม่ได้ขายโซนาต้า ในรูปแบบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแล้ว แต่บริษัทเชื่อว่าโปรดักต์รุ่นอื่นๆจะช่วยกันผลักดันยอดขายให้ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
นายคุราตะ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจที่มีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้น ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าขายฮุนไดรวมทุกรุ่น 2,500 - 3,000 คัน หรือมีโอกาสเติบโตสูงกว่า 60% โดยรถยนต์หลักในการทำตลาดยังคงเป็นรุ่น เอช-1 (H-1) ที่น่าจะขายได้ถึง 2,000 คัน ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมเปิดตัวรถใหม่อีก 3 รุ่นคือ เอสยูวีรุ่น “ทูซอน” (Tucson) นำเข้าจากประเทศเกาหลี รวมถึงรถอเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยม “แกรนด์ สตาร์เร็กซ์” (Grand Starex) นำเข้ามาจากอินโดนีเซีย และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก “ไอ10” (i10) นำเข้าจากมาเลเชีย
บริษัทเตรียมเปิดตัว เอสยูวี“ทูซอน” วันที่ 11 มีนาคมนี้ ก่อนจะนำไปจัดแสดงพร้อมรับจองในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 ที่มีขึ้นปลายเดือนเดียวกัน ส่วนเรื่องราคาบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษา ขณะที่รุ่น“แกรนด์ สตาร์เร็กซ์” และ “ไอ10” จะพร้อมเปิดตัวช่วงปลายปี 2553
สำหรับรุ่น “ไอ10” เป็นซิตี้คาร์กลุ่ม เอ เซกเมนท์ มาพร้อมตัวถังแบบแฮทช์แบ็ค 5 ประตู คุ้มค่าและประหยัดน้ำมันด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร DOHC มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ โดยการที่ต้องทำตลาดปลายปี เป็นเพราะแผนการผลิตที่โรงงานประเทศมาเลเซียล่าช้ากว่ากำหนด แต่กระนั้นคาดว่าหลังการเปิดตัวจะได้การตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี
ในส่วนของความพร้อมด้านอื่นๆโดยเฉพาะการบริการหลังการขาย ปีนี้บริษัทได้กำหนดให้เป็นปีแห่งบริการ เพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งภายในปี 2553 จะขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มจาก 19 แห่ง เป็น 30 แห่ง ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ฮุนไดยังเป็นหนึ่งในพันธมิตรผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ของการแข่งขันฟุตบอลโลก หรือ FIFA World Cup 2010 ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งตลอดทั้งปีบริษัทเตรียมจัดกิจกรรมมากมาย พร้อมของรางวัลพิเศษๆ อาทิ กิจกรรมพบลูกค้าและแจกของที่ระลึกให้กับผู้ใช้รถผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงจัดกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR เอาไว้เพื่อสนับสนุนการเล่นกีฬาของเยาวชนไทยด้วยการมอบลูกฟุตบอล และอุปกรณ์กีฬาอื่นๆ ให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนต่างๆ รวม 20 โรงเรียน
