ข่าวในประเทศ - “ซันยอง ประเทศไทย” ชูความเป็นรถพรีเมี่ยมจากแดนโสม พร้อมเทคโนโลยีเยอรมนี ปั้นแบรนด์ต่อเนื่อง เล็งเปิดตัวเอสยูวีใหม่ ซี200 พร้อมตั้งเป้าขายรวมปีนี้ 600 คัน
วิรัตน์ ผลประดับ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันยอง ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงภาวะตลาดรถยนต์โดยรวมและนโยบายของบริษัท ในปี 2553ว่า หลังจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤติการเงินสหรัฐและเศรษฐกิจโลก ช่วงต้นปี2552เห็นได้ชัดถึงการชะงักและชะลอตัวอย่างมากในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ เกิดการชะลอการซื้อ ยอดจำหน่ายโดยรวมของแต่ละยี่ห้อลดลงไป ทุกค่ายต้องประคับประคองตัวเองให้อยู่รอดรวมทั้งซันยองด้วย โดยปีที่ผ่านมาบริษัทปรับตัวด้วยการลดค่าใช้จ่าย ประกอบกับซันยองเป็นบริษัทขนาดเล็ก ค่าใช้จ่ายจึงไม่สูง และเวลานี้ทุกอย่างก็ได้รับการแก้ไขจนลงตัว
สำหรับในปีนี้ ซันยอง ประเทศไทยจะครบรอบ 7 ปีในการดำเนินธุรกิจในไทย บริษัทฯ ได้เตรียมแผนพัฒนาการบริหารจัดการหลายด้าน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า ซึ่งปัจจุบันประชาคมซันยองมีประมาณ 3,000 คัน และเชื่อว่าในปี 2552จะมีตัวเลขเพิ่มอีก โดยตั้งเป้าขายไว้ 600 คัน
“ปัจจุบันสินค้าเกาหลีมีคุณภาพน่าเชื่อถือไปทั่วโลก แม้แต่ในสหรัฐฯ และยุโรป สินค้าเกาหลีเข้าไปตีตลาด ซันยองไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจว่าเป็นสินค้าเกาหลี แต่ในทางกลับกันกลับภาคภูมิใจมากกว่าสินค้าเกาหลีทุกยี่ห้อเพราะซันยองเป็นแบรนด์ชั้นนำ เป็นนิชมาร์เก็ต แล้วก็เป็นแบรนด์ที่มีเทคโนโลยีที่ดี ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมากจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่างและเทคโนโลยี ซึ่งลูกค้าซันยองทุกคนทราบดีว่า ซันยอง คือเบนซ์ ดังนั้นลูกค้าจึงเลือกซันยองเพราะเป็นรถยนต์เกาหลีพรีเมี่ยมเพียงแบรนด์เดียว
สำหรับปีนี้ซันยองยังคงเน้นรถอเนกประสงค์ ทั้งเอ็มพีวี และเอสยูวี ตั้งแต่สตาวิค เครื่องยนต์ เบนซินและดีเซล ซึ่งมีการปรับปรุง ไมเนอร์เชนจ์เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายแบบคุ้มค่า ส่วนเร็กซ์ตันและแอคทียอนก็ปรับปรุงตัวรถให้สปอร์ตน่าใช้มากยิ่งขึ้น ลูกค้าที่เห็นรถในงานมหกรรมยานยนต์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ติดต่อสั่งจองเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ แอคทียอน ได้รับความสนใจมาก จนบริษัทต้องเร่งสั่งรถเข้าจากต่างประเทศ เพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้า
นอกจากนี้ในปลายปี จะมีการแนะนำเอสยูวีขนาดคอมแพคมาเสริม ในรุ่น C200 ซึ่งได้มีการนำมาโชว์แล้วที่งานมหกรรมยานยนต์ที่ผ่านมา รถรุ่นนี้จะผลิตพวงมาลัยขวาออกขายในยุโรปประมาณกลางปี ส่วนในตลาดไทยบริษัทวางแผนจะนำเข้ามาจำหน่ายในปลายปีนี้ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
C 200 เป็นรถที่ซันยอง พัฒนาต่อจากรถยนต์เอสยูวีรุ่นพี่อย่าง Rexton, Kyron และ Actyon ซึ่ง Ssangyong C200 เป็นรถยนต์แบบเอสยูวี ตระกูลเล็กที่สุดของซันยอง มีขนาดความยาว 4,400 มม. และมีฐานล้อยาวเพียง 2,640 มม. มีรูปแบบภายนอกที่งดงาม ทันสมัย ใช้โครงสร้างตัวรถแบบโมโนค๊อก ซึ่งเป็นอีกพัฒนาการหนึ่งของซันยอง เนื่องจากรถของซันยองทุกรุ่นที่ผ่านมาจะใช้โครงสร้างแบบบอดี้ออนเฟรม หรือแบบบอดี้และแชสซีส์แยกจากกัน
“C200 มีทั้งครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.8 ลิตรและแบบเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร 175 แรงม้า และสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลนั้นยังมีเครื่องยนต์ไฮบริดดีเซลให้เลือกอีกด้วย C200 ทุกรุ่นใช้ระบบส่งผ่านกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะรุ่นล่าสุด ให้สมรรถนะและการตอบสนองในการขับขี่ดีเยี่ยม ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้ใน C200 เป็นเครื่องยนต์ที่ให้ความประหยัดและสร้างมลพิษน้อยกว่าเดิมถึงกว่า 50% เหนือกว่ารถคู่แข่งในระดับเดียวกัน อีกทั้งยังผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่เข้มงวด Euro 5 ซึ่งจะมีกำหนดบังคับใช้ในสหภาพยุโรปราวปี 2012 คาดว่า ซี 200 จะเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งของซันยองที่จะได้รับความสนใจจากตลาดเมืองไทย” นายวิรัตน์กล่าว
วิรัตน์ ผลประดับ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันยอง ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงภาวะตลาดรถยนต์โดยรวมและนโยบายของบริษัท ในปี 2553ว่า หลังจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤติการเงินสหรัฐและเศรษฐกิจโลก ช่วงต้นปี2552เห็นได้ชัดถึงการชะงักและชะลอตัวอย่างมากในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ เกิดการชะลอการซื้อ ยอดจำหน่ายโดยรวมของแต่ละยี่ห้อลดลงไป ทุกค่ายต้องประคับประคองตัวเองให้อยู่รอดรวมทั้งซันยองด้วย โดยปีที่ผ่านมาบริษัทปรับตัวด้วยการลดค่าใช้จ่าย ประกอบกับซันยองเป็นบริษัทขนาดเล็ก ค่าใช้จ่ายจึงไม่สูง และเวลานี้ทุกอย่างก็ได้รับการแก้ไขจนลงตัว
สำหรับในปีนี้ ซันยอง ประเทศไทยจะครบรอบ 7 ปีในการดำเนินธุรกิจในไทย บริษัทฯ ได้เตรียมแผนพัฒนาการบริหารจัดการหลายด้าน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า ซึ่งปัจจุบันประชาคมซันยองมีประมาณ 3,000 คัน และเชื่อว่าในปี 2552จะมีตัวเลขเพิ่มอีก โดยตั้งเป้าขายไว้ 600 คัน
“ปัจจุบันสินค้าเกาหลีมีคุณภาพน่าเชื่อถือไปทั่วโลก แม้แต่ในสหรัฐฯ และยุโรป สินค้าเกาหลีเข้าไปตีตลาด ซันยองไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจว่าเป็นสินค้าเกาหลี แต่ในทางกลับกันกลับภาคภูมิใจมากกว่าสินค้าเกาหลีทุกยี่ห้อเพราะซันยองเป็นแบรนด์ชั้นนำ เป็นนิชมาร์เก็ต แล้วก็เป็นแบรนด์ที่มีเทคโนโลยีที่ดี ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมากจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่างและเทคโนโลยี ซึ่งลูกค้าซันยองทุกคนทราบดีว่า ซันยอง คือเบนซ์ ดังนั้นลูกค้าจึงเลือกซันยองเพราะเป็นรถยนต์เกาหลีพรีเมี่ยมเพียงแบรนด์เดียว
สำหรับปีนี้ซันยองยังคงเน้นรถอเนกประสงค์ ทั้งเอ็มพีวี และเอสยูวี ตั้งแต่สตาวิค เครื่องยนต์ เบนซินและดีเซล ซึ่งมีการปรับปรุง ไมเนอร์เชนจ์เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายแบบคุ้มค่า ส่วนเร็กซ์ตันและแอคทียอนก็ปรับปรุงตัวรถให้สปอร์ตน่าใช้มากยิ่งขึ้น ลูกค้าที่เห็นรถในงานมหกรรมยานยนต์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ติดต่อสั่งจองเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ แอคทียอน ได้รับความสนใจมาก จนบริษัทต้องเร่งสั่งรถเข้าจากต่างประเทศ เพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้า
นอกจากนี้ในปลายปี จะมีการแนะนำเอสยูวีขนาดคอมแพคมาเสริม ในรุ่น C200 ซึ่งได้มีการนำมาโชว์แล้วที่งานมหกรรมยานยนต์ที่ผ่านมา รถรุ่นนี้จะผลิตพวงมาลัยขวาออกขายในยุโรปประมาณกลางปี ส่วนในตลาดไทยบริษัทวางแผนจะนำเข้ามาจำหน่ายในปลายปีนี้ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
C 200 เป็นรถที่ซันยอง พัฒนาต่อจากรถยนต์เอสยูวีรุ่นพี่อย่าง Rexton, Kyron และ Actyon ซึ่ง Ssangyong C200 เป็นรถยนต์แบบเอสยูวี ตระกูลเล็กที่สุดของซันยอง มีขนาดความยาว 4,400 มม. และมีฐานล้อยาวเพียง 2,640 มม. มีรูปแบบภายนอกที่งดงาม ทันสมัย ใช้โครงสร้างตัวรถแบบโมโนค๊อก ซึ่งเป็นอีกพัฒนาการหนึ่งของซันยอง เนื่องจากรถของซันยองทุกรุ่นที่ผ่านมาจะใช้โครงสร้างแบบบอดี้ออนเฟรม หรือแบบบอดี้และแชสซีส์แยกจากกัน
“C200 มีทั้งครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.8 ลิตรและแบบเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร 175 แรงม้า และสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลนั้นยังมีเครื่องยนต์ไฮบริดดีเซลให้เลือกอีกด้วย C200 ทุกรุ่นใช้ระบบส่งผ่านกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะรุ่นล่าสุด ให้สมรรถนะและการตอบสนองในการขับขี่ดีเยี่ยม ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้ใน C200 เป็นเครื่องยนต์ที่ให้ความประหยัดและสร้างมลพิษน้อยกว่าเดิมถึงกว่า 50% เหนือกว่ารถคู่แข่งในระดับเดียวกัน อีกทั้งยังผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่เข้มงวด Euro 5 ซึ่งจะมีกำหนดบังคับใช้ในสหภาพยุโรปราวปี 2012 คาดว่า ซี 200 จะเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งของซันยองที่จะได้รับความสนใจจากตลาดเมืองไทย” นายวิรัตน์กล่าว