ASTVผู้จัดการรายวัน-แฉบอร์ด อสมท เมินข้อเสนอคณะกรรมการดำเนินโครงการฯ ไม่ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการตีความปัญหาสัญญาช่อง 3 อ้างจัดการเองได้ เผยวันนี้ คณะอนุฯ สื่อสารและโทรคมนาคมเตรียมส่งข้อมูลความไม่ชอบมาพากลของสัญญาให้คณะกรรมาธิการชุดใหญ่
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการประชุมของคณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือบอร์ดอสมท ครั้งที่ 10 /2552 วันที่ 21 ก.ค.2552 นั้น ในระเบียบวาระที่ 3 3.2 มีข้อหารือของคณะกรรมการดำเนินโครงการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 มาตรา 13 ซึ่งคือกรณีการต่อสัญญาการดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์สีช่อง 3 ของบริษัท บางกอกเอนเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด
ทั้งนี้ คณะกรรมการดำเนินโครงการฯ ได้ทำการประชุมครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2552 มีประเด็นพิจารณาซึ่ง บมจ.อสมท จะต้องดำเนินการและนำผลการดำเนินการเสนอคณะกรรมการดำเนินโครงการฯ เพื่อประกอบการพิจารณาหลายประการ
อย่างไรก็ตาม พบว่ามีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจที่บอร์ด อสมท ได้ทำการพิจารณาหารือกัน จากข้อสังเกตของคณะกรรมการดำเนินโครงการฯ ว่า เนื่องจากสัญญาร่วมดำเนินกิจการโทรทัศน์สี เป็นสัญญาซึ่งเกี่ยวข้องกับคลื่นความถี่จึงต้องพิจารณา พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ประกอบด้วย รวมทั้งขั้นตอนการต่อสัญญาร่วมดำเนินกิจการ
แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 3 วันที่ 2 พ.ค.2552 มีความแตกต่างกับกรณีการต่อสัญญาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยกับบริษัท เซ็นทรัลอินเตอร์พัฒนา จำกัด ซึ่ง บมจ.อสมท นำมาเป็นแนวทางในการดำเนินการ ดังนั้น หาก บมจ.อสมท เห็นว่าการดำเนินการต่อสัญญาอาจมีปัญหาขัดแย้งกับ พ.ร.บ.ดังกล่าวหรือไม่ ขอให้ บมจ.อสมท เร่งมีหนังสือหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นดังกล่าว รวมทั้งหารือแนวทางและขั้นตอนของการต่อสัญญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานฯ ไปในคราวเดียวกัน
อีกทั้งแม้สัญญาร่วมดำเนินกิจการโทรทัศน์สีระหว่าง บมจ.อสมท และบริษัท บางกอกเอนเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด จะมีวงเงินหรือทรัพย์สินไม่ถึงห้าพันล้านบาท แต่กฎหมายก็มิได้ห้ามการจ้างที่ปรึกษา ดังนั้น บมจ.อสมท อาจพิจารณาจ้างที่ปรึกษากฎหมาย และที่ปรึกษาด้านการเงิน เพื่อช่วยพิจารณาตีความข้อกฎหมายและสัญญา รวมทั้งพิจารณาค่าตอบแทนตามสัญญาที่เหมาะสม
โดยที่คณะกรรมการดำเนินโครงการฯ มีข้อเสนอดังนี้ 1.ความเห็นของ บมจ.อสมท ว่าควรดำเนินการต่อสัญญากับ บางกอกเอนเตอร์เทนแม้นต์ ตามเงื่อนไขของสัญญาที่แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 3 หรือไม่ อัตราค่าตอบแทนตามสัญญา ตลอดจน บมจ.อสมท มีความประสงค์ให้ บริษัทบางกอกฯ ปฎิบัติอะไรเพิ่มเติมสำหรับระยะเวลาที่จะขยายไปอีก 10 ปี
2.บมจ.อสมท เห็นสมควรมีหนังสือหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 และ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ รวมทั้งหารือแนวทางและขั้นตอนการต่อสัญญาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 หรือไม่
3.บมจ.อสมท เห็นสมควรจัดจ้างที่ปรึกษากฎหมาย และที่ปรึกษาด้านการเงิน เพื่อช่วยพิจารณาตีความข้อกฎหมายและสัญญา รวมทั้งพิจารณาค่าตอบแทนที่เหมาะสมหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานบอร์ด อสมท ซึ่งเป็นประธานที่ประชมวันนั้นเอง กลับมีความเห็นต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการดำเนินโครงการฯว่า กรณีที่คณะกรรมการดำเนินโครางการฯ มีความเห็นว่ามีประเด็นเรื่องการต่อสัญญาอาจขัดแย้งกับ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ซึ่งหาก บมจ.อสมท เห็นว่าอาจขัดแย้ง บมจ.อสมท ควรหารือสำนักงานคณะกรรมการกฎษฎีกานั้น เห็นว่า คณะกรรมการ บมจ.อสมท ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย 2-3 ท่าน ซึ่งอาจร่วมกันพิจารณาได้ จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะหารือ
รายงานข่าวแจ้งว่า การที่ประธานบอร์ด อสมท ไม่เสนอเรื่องดังกล่าวเพื่อหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น อาจจะเป็นไปได้ว่าเพื่อต้องการที่จะหลบเลี่ยงปัญหา เพราะถ้าหากว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นต่างกัน เป็นโครงการที่เข้าข่ายขัดแย้งกับ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 รวมทั้งเข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ก็ทำให้การต่อสัญญาช่อง 3 สะดุดแน่นอน ซึ่งดูเหมือนว่า บอร์ด อสมท ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
เสนอ กมธ.ชุดใหญ่พิจารณา
นายฮอชาลี ม่าเหร็ม ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการศึกษากฎหมายและระเบียบทางด้านสื่อสารและโทรคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุฯ หารือเรื่องการต่อสัญญาช่อง 3 ในการปรับเนื้อหา 6 ประเด็น โดยเฉพาะการได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องของรายได้และค่าตอบแทนที่ อสมท จะได้รับจากบริษัท บางกอกฯ ส่วน อสมท จะนำข้อมูลที่คณะอนุฯได้ศึกษาไปดำเนินการต่อหรือไม่ เป็นสิทธิของอสมท ซึ่งในวันนี้ (24 ก.พ.) จะนำเสนอข้อมูลให้คณะกรรมาธิการฯ ชุดใหญ่ หากเห็นตรงกันจะทำเป็นหนังสือส่งให้นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ต่อไป
ส่วนประเด็นที่ว่ามีการล็อบบี้เสนอเงินจำนวนมากให้ กมธ.นั้น ยืนยันว่าไม่มี ส่วนที่มีข่าวว่ามี กมธ.ไปทานข้าวกับผู้บริหารช่อง 3 นั้นไม่รู้ว่าเป็นใคร ไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อน