กรมการค้าต่างประเทศสบช่องใช้ประโยชน์อาฟตา จัดทัพนักธุรกิจไทยบุกลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซียและอินโดนีเซีย เพิ่มยอดการค้าการลงทุน
นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ มีแผนที่จะจัดคณะผู้แทนการค้าการลงทุนไปเยือนประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะใช้โอกาสจากการเปิดเสรีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ที่ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2553 ที่ผ่านมา ชักชวนนักธุรกิจของไทยเข้าไปสำรวจลู่ทางการค้าการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซียและอินโดนีเซีย เพราะเล็งเห็นว่า เมื่ออาฟตาไม่มีภาษีระหว่างกันแล้ว จะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะสามารถนำวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาผลิตเป็นสินค้าหรือเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านโดยมีต้นทุนที่ต่ำลง เพื่อผลิตสินค้าส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดเฉพาะประเทศที่ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับอาเซียน
สำหรับสินค้าของไทยที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเสรีอาฟตา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เกษตร แฟชั่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค เฟอร์นิเจอร์ และวัสดุก่อสร้าง ส่วนธุรกิจของไทยที่มีโอกาสทางการค้าการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตร บริการท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่อง สุขภาพและความงาม การก่อสร้างและออกแบบ เป็นต้น
“ประโยชน์ที่ผู้ประกอบการไทยจะได้จากการนำเข้าสินค้าเกษตรและทรัพยากรธรรมชาติจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมแล้ว ไทยยังจะได้ประโยชน์ในเรื่องของความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาค โดยเฉพาะในเรื่องของการยกระดับรายได้ของประชาชนในประเทศเพื่อนบ้าน อันเป็นการลดความเหลี่ยมล้ำทางด้านรายได้ของประเทศสมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของอาเซียน ซึ่งจะเป็นการช่วยพัฒนากำลังซื้อของอาเซียนต่อไป” นายวิจักรกล่าว
นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ มีแผนที่จะจัดคณะผู้แทนการค้าการลงทุนไปเยือนประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะใช้โอกาสจากการเปิดเสรีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ที่ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2553 ที่ผ่านมา ชักชวนนักธุรกิจของไทยเข้าไปสำรวจลู่ทางการค้าการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซียและอินโดนีเซีย เพราะเล็งเห็นว่า เมื่ออาฟตาไม่มีภาษีระหว่างกันแล้ว จะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะสามารถนำวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาผลิตเป็นสินค้าหรือเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านโดยมีต้นทุนที่ต่ำลง เพื่อผลิตสินค้าส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดเฉพาะประเทศที่ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับอาเซียน
สำหรับสินค้าของไทยที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเสรีอาฟตา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เกษตร แฟชั่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค เฟอร์นิเจอร์ และวัสดุก่อสร้าง ส่วนธุรกิจของไทยที่มีโอกาสทางการค้าการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตร บริการท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่อง สุขภาพและความงาม การก่อสร้างและออกแบบ เป็นต้น
“ประโยชน์ที่ผู้ประกอบการไทยจะได้จากการนำเข้าสินค้าเกษตรและทรัพยากรธรรมชาติจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมแล้ว ไทยยังจะได้ประโยชน์ในเรื่องของความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาค โดยเฉพาะในเรื่องของการยกระดับรายได้ของประชาชนในประเทศเพื่อนบ้าน อันเป็นการลดความเหลี่ยมล้ำทางด้านรายได้ของประเทศสมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของอาเซียน ซึ่งจะเป็นการช่วยพัฒนากำลังซื้อของอาเซียนต่อไป” นายวิจักรกล่าว
