สทท.เพิ่งตื่น เตรียมหารือคณะกรรมการสร้างเกราะป้องกัน รับมือเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน ที่เริ่มมีผลแล้วตั้งแต่ 1 ม.ค.53พร้อมหนุนบีโอไอใช้โอกาสนี้ดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ สทท. สัปดาห์นี้ จะนำเรื่องการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับนโยบายเปิดการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟต้า เข้าหารือเพื่อขอความคิดเห็นด้วย โดยขณะนี้ สทท.อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลการประเมินผลกระทบ ข้อดี ข้อเสีย ตลอดจนประโยชน์ที่ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะได้รับจากการเปิดเสรีอาฟต้า ที่เริ่มทยอยมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ต้นปี 2553ที่ผ่านมา และ จะเปิดเต็ม 100% ภายในปี 2558
เบื้องต้นมองว่าหากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) สามารถใช้ข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรีนี้ส่งเสริมให้นักลงทุนในอาเซียนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยภายใต้แนวทางที่ประเทศไทยต้องการได้จะเป็นเรื่องที่ดีและมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก เช่นการลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจแต่เอกชนคนไทยมีความสามารถไม่พอหรือไม่สนใจที่จะลงทุน เป็นต้น
การลงทุนของบริษัทข้ามชาติในระดับมืออาชีพ นอกจากจะช่วยกระจายรายได้ให้แก่คนไทยแล้ว ยังได้ประโยชน์ในเรื่องของการถ่ายทอดความรู้สู่คนไทยอีกด้วย แต่ทั้งนี้ไทยต้องมีการเตรียมพร้อม ด้านบุคลากร แต่ไทยก็ต้องมีการเตรียมพร้อมด้านบุคคลากรและเงินทุนในบางส่วนด้วย
นอกจากนั้นการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน ยังทำให้คนไทย หรือนักธุรกิจไทย อออกไปทำงานหรือลงทุนในประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียน หรือคู่ค้าของประเทศอาเซียนได้ด้วย ดังนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องช่วยกันผลักดันส่งเสริมในสิ่งที่ประเทศไทยมีความถนัด ให้มีความรู้ความชำนาญมากยิ่งขึ้น เช่น ธุรกิจสปา ธุรกิจอาหารไทย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามมองว่า ศักยภาพของประเทศในอาเซียนที่พร้อมจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยภายหลังการเปิดเขตการค้าเสรีได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ ดังนั้นหากบีโอไอใช้กลไกที่มีอยู่ส่งเสริมการลงทุนให้อยู่ในทิศทางที่ประเทศไทยต้องการได้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ สทท. สัปดาห์นี้ จะนำเรื่องการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับนโยบายเปิดการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟต้า เข้าหารือเพื่อขอความคิดเห็นด้วย โดยขณะนี้ สทท.อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลการประเมินผลกระทบ ข้อดี ข้อเสีย ตลอดจนประโยชน์ที่ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะได้รับจากการเปิดเสรีอาฟต้า ที่เริ่มทยอยมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ต้นปี 2553ที่ผ่านมา และ จะเปิดเต็ม 100% ภายในปี 2558
เบื้องต้นมองว่าหากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) สามารถใช้ข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรีนี้ส่งเสริมให้นักลงทุนในอาเซียนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยภายใต้แนวทางที่ประเทศไทยต้องการได้จะเป็นเรื่องที่ดีและมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก เช่นการลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจแต่เอกชนคนไทยมีความสามารถไม่พอหรือไม่สนใจที่จะลงทุน เป็นต้น
การลงทุนของบริษัทข้ามชาติในระดับมืออาชีพ นอกจากจะช่วยกระจายรายได้ให้แก่คนไทยแล้ว ยังได้ประโยชน์ในเรื่องของการถ่ายทอดความรู้สู่คนไทยอีกด้วย แต่ทั้งนี้ไทยต้องมีการเตรียมพร้อม ด้านบุคลากร แต่ไทยก็ต้องมีการเตรียมพร้อมด้านบุคคลากรและเงินทุนในบางส่วนด้วย
นอกจากนั้นการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน ยังทำให้คนไทย หรือนักธุรกิจไทย อออกไปทำงานหรือลงทุนในประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียน หรือคู่ค้าของประเทศอาเซียนได้ด้วย ดังนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องช่วยกันผลักดันส่งเสริมในสิ่งที่ประเทศไทยมีความถนัด ให้มีความรู้ความชำนาญมากยิ่งขึ้น เช่น ธุรกิจสปา ธุรกิจอาหารไทย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามมองว่า ศักยภาพของประเทศในอาเซียนที่พร้อมจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยภายหลังการเปิดเขตการค้าเสรีได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ ดังนั้นหากบีโอไอใช้กลไกที่มีอยู่ส่งเสริมการลงทุนให้อยู่ในทิศทางที่ประเทศไทยต้องการได้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย
