"เหมือนโดนน้ำร้อนสาด" สำหรับลิ่วล้อ นช.ทักษิณ เมื่อ "อุดม เฟื่องฟุ้ง" อดีต คตส. ออกมายกตัวอย่างคดีที่ศาลฎีกาเคยตัดสินคดียึดทรัพย์ "อุดม" บอกว่าตามหลักการคดีร่ำรวยผิดปกติจะต้องยึดทั้งหมด เนื่องจากทรัพย์สินตั้งต้นถือเป็น "ตัวล่อ" ให้เกิดการเพิ่มพูน หากยึดเฉพาะเงินที่เพิ่มมาภายหลังก็เหมือนผู้กระทำผิดไม่ได้ถูกลงโทษเลย ไม่ต่างอะไรกับคนขโมยของไปพอถูกจับได้เอาของมาคืนก็ จบกัน...เห็นด้วยอย่างยิ่ง...
รายแรกที่ดิ้นพล่าน อดีตพระเอกมิวสิกวีดิโอตกอับ "พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์" ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย บอกอดีต คตส.พูดไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม แสดงความเห็นชี้นำศาล เด็จพี่อ้างว่า "อุดม" ถือเป็นปฏิปักษ์ ใช้ความรู้สึกและอคติส่วนตัว...แต่ละอย่างที่เด็จพี่อ้าง เข้าตัวทั้งนั้น ไม่เชื่อหากระจกมาส่อง...
รายต่อมา "วิชัย ทองแตง" อดีตมือกฎหมาย นช.ทักษิณ "คดีซุกหุ้น" ขอให้ดูว่าทักษิณเล่นการเมืองเมื่อไหร่ มีทรัพย์สินเท่าไหร่ เมื่อเล่นการเมืองแล้วมีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่ วิชัยอ้างว่า หลักเหตุผลทางกฎหมายก็ไม่ควรจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ย้อนหลังไป...อืมเข้าทางทักษิณ...
ไปดูคดีที่ "อุดม" ยกตัวอย่างคดีที่ข้าราชการคนหนึ่งขายที่ดินให้กับหน่วยงานราชการแพงเกินจริง สมมติขายให้ในราคา 25 ล้านบาท จากราคาจริง 10 ล้านบาท ภายหลังถูกจับได้แล้วศาลตัดสินว่ามีความผิด ก็เกิดข้อถกเถียงว่าต้องริบทรัพย์ 25 ล้านบาท หรือส่วนที่เกินมา 15 ล้านบาท ที่สุดศาลฎีกาก็ตัดสินใจริบทรัพย์ทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าหากริบเฉพาะ15 ล้านบาท ข้าราชการคนดังกล่าวจะไม่ถูกลงโทษเลย...ว่ากันไป สุดท้ายขึ้นอยู่กับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เห็นว่า 26 ก.พ.รู้เรื่องแน่...
ผู้แทนการค้าไทย หรือ ทีทีอาร์ ขอความร่วมมือจากรัฐบาลผ่านสถาบันการเงินของรัฐเข้าไปช่วยเหลือด้วยการหาพันธมิตรจากสถาบันการเงินของประเทศนั้นๆ เนื่องจากอุปสรรคของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยที่จะบุกต่างประเทศคือการต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการใช้บริการจากสถาบันการเงินที่ค่าบริการแพงมาก ...
ทีทีอาร์จึงขอให้ธนาคารกรุงไทย เอ็กซิมแบงก์และเอสเอ็มอีแบงก์ เข้ามาช่วยเหลือภายใต้คณะทำงานช่วยเหลือเอกชนด้านอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ประสบปัญหาในต่างประเทศ โดยกลุ่มเป้าหมายได้แก่ ประเทศอินเดีย เวียดนาม บรูไน บาห์เรน ตะวันออกกลางและแอฟริกา...
"เกียรติ สิทธีอมร" ในฐานะประธานทีทีอาร์ เชื่อว่าวิธีการนี้มั่นใจว่าจะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาท ประเดิมงานแรกเอกชนไทยมีแนวโน้มที่จะได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้รับงานก่อสร้างบ้านจัดสรรในประเทศบาห์เรนวงเงิน 50,000 ล้านบาท ส่วนที่กำลังเจรจาคือการขอพื้นที่ในเวียดนามและอินเดียเพื่อให้เอกชนไทยไปสร้างหมู่บ้านจัดสรร ปลุกวงการอสังหาฯ ให้คึกคักทันตา!!
ในงานสัมมนา "แนวโน้มเศรษฐกิจและหุ้นปี "53" ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา "กรณ์ จาติกวณิช" พูดถึงแนวโน้มหุ้นปี 53 ชัดเจนเป็นครั้งแรกว่าทิศทางหุ้น "เป็นขาขึ้น" เนื่องจากมีสัญญาณบวกหลายด้านที่เป็นสมมติฐานให้ดัชนีปรับตัวดีขึ้น ทั้งจากตัวเลขการส่งออกขยายตัวดีขึ้นจากเดือนธ.ค.52 ต่อเนื่องมาถึงเดือน ม.ค.53...
ขุนคลังอ้างด้วยว่าการปรับขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมาจากระดับ 400 จุด ไปอยู่ที่ระดับกว่า 700 จุด สะท้อนความเชื่อมั่นในการลงทุน เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลออกมาตรการพลิกฟื้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง...
ท้ายนี้ แมลงเท่าที่อยากลงทุนคงเห็นแล้วว่าหุ้นกลุ่มอสังหาฯ-วัสดุก่อสร้าง "น่าสนใจ" แต่ถ้าชอบความตื่นเต้น "เล่นสั้น" แนะให้ลุ้นหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 52 นอกจากทหารไทย (TMB) แล้วหลายแบงก์กำไรพุ่ง แม้ดัชนีโดยรวมอาจจะแกว่งตัวและผันผวน แต่ทิศทางในรอบสัปดาห์ ปรับขึ้น ฟันธง!
รายแรกที่ดิ้นพล่าน อดีตพระเอกมิวสิกวีดิโอตกอับ "พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์" ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย บอกอดีต คตส.พูดไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม แสดงความเห็นชี้นำศาล เด็จพี่อ้างว่า "อุดม" ถือเป็นปฏิปักษ์ ใช้ความรู้สึกและอคติส่วนตัว...แต่ละอย่างที่เด็จพี่อ้าง เข้าตัวทั้งนั้น ไม่เชื่อหากระจกมาส่อง...
รายต่อมา "วิชัย ทองแตง" อดีตมือกฎหมาย นช.ทักษิณ "คดีซุกหุ้น" ขอให้ดูว่าทักษิณเล่นการเมืองเมื่อไหร่ มีทรัพย์สินเท่าไหร่ เมื่อเล่นการเมืองแล้วมีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่ วิชัยอ้างว่า หลักเหตุผลทางกฎหมายก็ไม่ควรจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ย้อนหลังไป...อืมเข้าทางทักษิณ...
ไปดูคดีที่ "อุดม" ยกตัวอย่างคดีที่ข้าราชการคนหนึ่งขายที่ดินให้กับหน่วยงานราชการแพงเกินจริง สมมติขายให้ในราคา 25 ล้านบาท จากราคาจริง 10 ล้านบาท ภายหลังถูกจับได้แล้วศาลตัดสินว่ามีความผิด ก็เกิดข้อถกเถียงว่าต้องริบทรัพย์ 25 ล้านบาท หรือส่วนที่เกินมา 15 ล้านบาท ที่สุดศาลฎีกาก็ตัดสินใจริบทรัพย์ทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าหากริบเฉพาะ15 ล้านบาท ข้าราชการคนดังกล่าวจะไม่ถูกลงโทษเลย...ว่ากันไป สุดท้ายขึ้นอยู่กับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เห็นว่า 26 ก.พ.รู้เรื่องแน่...
ผู้แทนการค้าไทย หรือ ทีทีอาร์ ขอความร่วมมือจากรัฐบาลผ่านสถาบันการเงินของรัฐเข้าไปช่วยเหลือด้วยการหาพันธมิตรจากสถาบันการเงินของประเทศนั้นๆ เนื่องจากอุปสรรคของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยที่จะบุกต่างประเทศคือการต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการใช้บริการจากสถาบันการเงินที่ค่าบริการแพงมาก ...
ทีทีอาร์จึงขอให้ธนาคารกรุงไทย เอ็กซิมแบงก์และเอสเอ็มอีแบงก์ เข้ามาช่วยเหลือภายใต้คณะทำงานช่วยเหลือเอกชนด้านอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ประสบปัญหาในต่างประเทศ โดยกลุ่มเป้าหมายได้แก่ ประเทศอินเดีย เวียดนาม บรูไน บาห์เรน ตะวันออกกลางและแอฟริกา...
"เกียรติ สิทธีอมร" ในฐานะประธานทีทีอาร์ เชื่อว่าวิธีการนี้มั่นใจว่าจะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาท ประเดิมงานแรกเอกชนไทยมีแนวโน้มที่จะได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้รับงานก่อสร้างบ้านจัดสรรในประเทศบาห์เรนวงเงิน 50,000 ล้านบาท ส่วนที่กำลังเจรจาคือการขอพื้นที่ในเวียดนามและอินเดียเพื่อให้เอกชนไทยไปสร้างหมู่บ้านจัดสรร ปลุกวงการอสังหาฯ ให้คึกคักทันตา!!
ในงานสัมมนา "แนวโน้มเศรษฐกิจและหุ้นปี "53" ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา "กรณ์ จาติกวณิช" พูดถึงแนวโน้มหุ้นปี 53 ชัดเจนเป็นครั้งแรกว่าทิศทางหุ้น "เป็นขาขึ้น" เนื่องจากมีสัญญาณบวกหลายด้านที่เป็นสมมติฐานให้ดัชนีปรับตัวดีขึ้น ทั้งจากตัวเลขการส่งออกขยายตัวดีขึ้นจากเดือนธ.ค.52 ต่อเนื่องมาถึงเดือน ม.ค.53...
ขุนคลังอ้างด้วยว่าการปรับขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมาจากระดับ 400 จุด ไปอยู่ที่ระดับกว่า 700 จุด สะท้อนความเชื่อมั่นในการลงทุน เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลออกมาตรการพลิกฟื้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง...
ท้ายนี้ แมลงเท่าที่อยากลงทุนคงเห็นแล้วว่าหุ้นกลุ่มอสังหาฯ-วัสดุก่อสร้าง "น่าสนใจ" แต่ถ้าชอบความตื่นเต้น "เล่นสั้น" แนะให้ลุ้นหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 52 นอกจากทหารไทย (TMB) แล้วหลายแบงก์กำไรพุ่ง แม้ดัชนีโดยรวมอาจจะแกว่งตัวและผันผวน แต่ทิศทางในรอบสัปดาห์ ปรับขึ้น ฟันธง!