“ประเสริฐ”วางกรอบควบรวมกิจการในกลุ่มปตท. เบื้องต้นพิจารณาควบรวมเฉพาะโรงงานที่ตั้งอยู่ในระยองทั้ง 3 บริษัท คือ ” IRPC-PTTAR-PTTCH” โดยตัด”ไทยออยล์”ออกไปก่อน อ้างโรงงานตั้งอยู่ไกล ยันปีนี้ได้เห็นการควบรวมกิจการแน่อย่างน้อย 2 บริษัทฯ และการควบรวมกิจการจะเสร็จสมบูรณ์ทั้ง 4กิจการในปี 2555
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าการควบรวมกิจการบริษัทในเครือฯปตท.ว่า ในเบื้องต้นการควบรวมกิจการในเครือปตท.จะทำเฉพาะบริษัทฯที่มีโรงงานตั้งอยู่ในจังหวัดระยองก่อน คือ บมจ.ปตท.อะโรเมติกสต์และการกลั่น (PTTAR) บมจ.ไออาร์พีซี ( IRPC) และบมจ.ปตท.เคมิคอล( PTTCH ) โดยจะยกเว้นบมจ.ไทยออยล์(TOP)ในช่วงแรก เนื่องจากโรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ห่างไกลบริษัทอื่นๆ
ทั้งนี้การควบรวมกิจการในกลุ่มปตท.จะมีความชัดเจนภายในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งจะควบรวมกิจการ 2 บริษัทหรือ 3 บริษัทฯนั้นจะได้มีข้อสรุป หลังจากนั้นจะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯทราบรวมทั้งเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาต่อไป
"ขณะนี้บริษัทฯที่ตั้งอยู่ชลบุรียังไม่ยุ่ง จะควบรวมเฉพาะที่จังหวัดระยองก่อนมารวมใน Step แรก ก็ต้องดูว่าจะควบรวม 2หรือ 3บริษัท สุดท้ายก็จะดึงบริษัทที่ 4 (ไทยออยล์)เข้ามารวมด้วย เนื่องจากไม่สามารถควบรวมทั้ง 4บริษัทได้ภายในครั้งเดียว คงต้องใช้เวลานาน เนื่องจากไทยไม่เคยมีการควบรวมกิจการ 3-4 บริษัท เป็นเรื่องที่ท้าทาย "นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทในกลุ่มปตท.อย่าง 2 บริษัทจะสามารถควบรวมกิจการกันได้ หลังจากนั้นจะควบรวมบริษัทที่เหลือในปีถัดไป มั่นใจว่าการควบรวมกิจการในกลุ่มปตท.จะสมบูรณ์ภายในปี 2555
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2552 จะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2551 และมีแนวโน้มที่บริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงขึ้นกว่าปี2551 ตามผลประกอบการ และคาดว่าปีนี้บริษัทฯ จะมีกำไรดีกว่าปีก่อน ตามราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้น
นายประเสริฐ กล่าวถึงทิศทางราคาน้ำมันโลกว่าจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ ปตท.ยังจะไม่ปรับลดราคาขายปลีกลงแต่จะรอดูสถานการณ์ไปก่อนหากราคาน้ำมันโลกปรับตัวลงต่อเนื่องจะค่อยปรับราคาขายปลีกน้ำมันเมื่อค่าการตลาดเหมาะสมที่ 1.50 บาท/ลิตร ทั้งนี้ค่าการตลาดเฉลี่ยเดือนม.ค. อยู่ที่ 50 สตางค์/ลิตร ล่าสุดค่าการตลาดอยู่ที่ 1บาท/ ลิตร
ทั้งนี้ ปตท.ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบในปีนี้อยู่ที่เฉลี่ย 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หากราคาขายน้ำมันดีเซลสูงกว่า 30 บาท/ลิตร รัฐก็มีกองทุนน้ำมันและภาษีที่สามารถนำมาใช้ตรึงราคาขายน้ำมันไม่สูงไปกว่านี้ได้ ส่วนก๊าซหุงต้ม (LPG) กองทุนน้ำมันยังต้องอุดหนุนอยู่กก.ละ 15-16 บาท เนื่องจากต้องนำเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 1แสนตันในราคาที่ 800 เหรียญสหรัฐ/ตันมาขายที่ราคาควบคุม 330เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้รัฐอุดหนุนส่วนต่างอยู่เกือบ 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าการควบรวมกิจการบริษัทในเครือฯปตท.ว่า ในเบื้องต้นการควบรวมกิจการในเครือปตท.จะทำเฉพาะบริษัทฯที่มีโรงงานตั้งอยู่ในจังหวัดระยองก่อน คือ บมจ.ปตท.อะโรเมติกสต์และการกลั่น (PTTAR) บมจ.ไออาร์พีซี ( IRPC) และบมจ.ปตท.เคมิคอล( PTTCH ) โดยจะยกเว้นบมจ.ไทยออยล์(TOP)ในช่วงแรก เนื่องจากโรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ห่างไกลบริษัทอื่นๆ
ทั้งนี้การควบรวมกิจการในกลุ่มปตท.จะมีความชัดเจนภายในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งจะควบรวมกิจการ 2 บริษัทหรือ 3 บริษัทฯนั้นจะได้มีข้อสรุป หลังจากนั้นจะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯทราบรวมทั้งเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาต่อไป
"ขณะนี้บริษัทฯที่ตั้งอยู่ชลบุรียังไม่ยุ่ง จะควบรวมเฉพาะที่จังหวัดระยองก่อนมารวมใน Step แรก ก็ต้องดูว่าจะควบรวม 2หรือ 3บริษัท สุดท้ายก็จะดึงบริษัทที่ 4 (ไทยออยล์)เข้ามารวมด้วย เนื่องจากไม่สามารถควบรวมทั้ง 4บริษัทได้ภายในครั้งเดียว คงต้องใช้เวลานาน เนื่องจากไทยไม่เคยมีการควบรวมกิจการ 3-4 บริษัท เป็นเรื่องที่ท้าทาย "นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทในกลุ่มปตท.อย่าง 2 บริษัทจะสามารถควบรวมกิจการกันได้ หลังจากนั้นจะควบรวมบริษัทที่เหลือในปีถัดไป มั่นใจว่าการควบรวมกิจการในกลุ่มปตท.จะสมบูรณ์ภายในปี 2555
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2552 จะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2551 และมีแนวโน้มที่บริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงขึ้นกว่าปี2551 ตามผลประกอบการ และคาดว่าปีนี้บริษัทฯ จะมีกำไรดีกว่าปีก่อน ตามราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้น
นายประเสริฐ กล่าวถึงทิศทางราคาน้ำมันโลกว่าจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ ปตท.ยังจะไม่ปรับลดราคาขายปลีกลงแต่จะรอดูสถานการณ์ไปก่อนหากราคาน้ำมันโลกปรับตัวลงต่อเนื่องจะค่อยปรับราคาขายปลีกน้ำมันเมื่อค่าการตลาดเหมาะสมที่ 1.50 บาท/ลิตร ทั้งนี้ค่าการตลาดเฉลี่ยเดือนม.ค. อยู่ที่ 50 สตางค์/ลิตร ล่าสุดค่าการตลาดอยู่ที่ 1บาท/ ลิตร
ทั้งนี้ ปตท.ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบในปีนี้อยู่ที่เฉลี่ย 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หากราคาขายน้ำมันดีเซลสูงกว่า 30 บาท/ลิตร รัฐก็มีกองทุนน้ำมันและภาษีที่สามารถนำมาใช้ตรึงราคาขายน้ำมันไม่สูงไปกว่านี้ได้ ส่วนก๊าซหุงต้ม (LPG) กองทุนน้ำมันยังต้องอุดหนุนอยู่กก.ละ 15-16 บาท เนื่องจากต้องนำเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 1แสนตันในราคาที่ 800 เหรียญสหรัฐ/ตันมาขายที่ราคาควบคุม 330เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้รัฐอุดหนุนส่วนต่างอยู่เกือบ 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน