ระนองรักษ์แถลงผลงานรอบ 12 เดือน โชว์ผลงานผลักดดัน 3G ตัดหน้าพม่า พร้อมคลอดโครงการไอซีทีสร้างคนสร้างชาติลดช่องวางการเข้าถึงเทคโนโลยีระหว่างคนเมืองกับชนบท ฝันปีนี้เพิ่มโทรศัพท์บ้าน 1 ล้านเลขหมาย พร้อมดันบรอดแบนด์ เพิ่มเป็น 50% ของประชากร ชี้กรณีคลังเล็งโล๊ะบอร์ดทีโอทีไม่มีมูล เพราะบอร์ดไม่มีความผิด
ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที กล่าวถึงผลงานไอซีทีช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาว่า ผลงานที่โดดเด่นคือการผลักดันให้ประเทศไทยมี 3 Gก่อนพม่าได้สำเร็จ ทำให้ไม่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศสุดท้ายที่มี 3Gโดยมีบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดตัวทำการตลาดไปเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ไอซีทียังได้จัดทำโครงการไอซีทีสร้างคน สร้างชาติ เพื่อลดช่องวางการเข้าถึงเทคโนโลยีระหว่างคนเมืองกับคนต่างจังหวัด พร้อมทั้งเดินหน้าขยายศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน ได้ครบ 277 แห่ง
สำหรับแผนการทำงานของไอซีทีในปีนี้ จะเน้นเพิ่มคุณภาพ 3G ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลให้มีคุณภาพมากที่สุด โดยจะดำเนินการขยายสัญญาไปในจุดบอดให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ซึ่งขณะนี้ได้รับการยืนยันจากบอร์ดทีโอทีแล้วว่าจะสามารถดำเนินการได้ก่อนกรอบเวลาที่กำหนด ส่วนแผน 3G ทั่วประเทศไอซีทีจะเร่งเดินหน้าดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุดเพื่อการให้บริการ 3G แก่ประชาชนทั่วประเทศ
“แผน 3G ในปีนี้เมื่อเปิดให้บริการไปแล้วขั้นตอนต่อไป คุณภาพจะต้องมีคับแก้ว โดยได้ให้นโยบายว่าต้องดำเนินการขยายสัญญาณในจุดบอดให้ครบใน 90 วัน”
ทั้งนี้ ในส่วนโครงการไอซีทีสร้างคนสร้างชาติ ปีนี้จะเดินหน้าสานต่อจากปีที่แล้วให้ครบทุกภาค โดยปีนี้จะเริ่มจัดที่จังหวัดอุบลราชธานี และล่าสุดได้รับการประสานงานจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้จัดงานดังกล่าวที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 1-10พ.ค. 53 ก่อนจะเข้ามาจัดงานไอซีทีสร้างคนสร้างชาติงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร
พร้อมกันนี้ ไอซีทียังมีแผนจะขยายศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชนเป็น 600แห่ง โดยมีเป้าหมายขยายศูนย์ดังกล่าวเข้าไปทุกอำเภอทั่วประเทศลงลึกไปในตำบลและหมู่บ้านใหญ่ๆ และไอซีทีมีแผนให้ทีโอทีขยายบริการโทรศัพท์บ้านเข้าไปในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยตั้งเป้าให้มีเลขหมายโทรศัพท์บ้านในปีนี้ 1 ล้านเลขหมาย ซึ่งได้มอบหมายให้ทีโอทีไปวางแผนดำเนินงาน รวมทั้งยังมีแผนผลักดันบอร์ดแบนด์ให้ถึง50% ของจำนวนประชากร
ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์กล่าวถึงสัญญาสัมปทานดาวเทียมว่า ขณะนี้ไอซีทีอยู่ระหว่างรอการตีความจากกับสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าการยิงดาวเทียมไทยคม 6 ต้องดำเนินการทำสัญญาใหม่ และเข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 หรือไม่ คาดว่าสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุป สัปดาห์หน้า บริษัทไทยคม จะเข้าพบ หลังจากนั้นก็จะเข้าพบนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ก่อนนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีต่อไป
อย่างไรก็ดี จากการพิจารณาเบื้องต้นพบว่าอายุสัญญาสัมปทานของไทยคมเหลือเพียง 9 ปี แต่อายุการใช้งานดาวเทียมใหม่ปัจจุบันนานถึง 20 ปี เนื่องจากเทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น ซึ่งหากจะให้ไทยคมยิงดาวเทียมดวงใหม่เพื่อรองรับการใช้งานจากดาวเทียมไทยคม 1และ 2 ที่จะหมดอายุไล่เลี่ยกัน อาจจะต้องมีการต่ออายุสัญญาสัปทานให้แก่เอกชนเพิ่ม
ส่วนกรณีสัญญาสัมปทานมือถือที่ถูกกล่าวหาว่าทำให้รัฐสูญเสียรายได้นั้น รมว.ไอซีซีกล่าวว่า จะมีการประชุมนัดแรกอย่างเป็นทางการเพื่อนำสัมปทาน 10 สัญญาที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ระบุว่ามีการแก้ไขแล้วทำให้รัฐเสียหาย โดยการตรวจสอบเบื้องต้นจะตรวจสอบว่าสัญญาถูกแก้ไขในสมัยบอร์ดชุดใดบ้าง และในวันที่ 15 ม.ค.53 จะมีการตรวจสอบการแก้ไขสัญญาลงลึกทุกฉบับอีกครั้ง
ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวกระทรวงการคลังเตรียมปรับบอร์ดทีโอที ยกชุดว่า ยังไม่รับทราบและไม่มีนโยบายปรับบอร์ดและบอร์ดชุดดังกล่าว เพราะไม่มีความผิดอะไรในระหว่างการทำงานจนต้องมีการปรับใหม่
“การตั้งบอร์ดต้องผ่านกระบวนการสรรหาไม่ใช่จะชี้เอาใครก็ได้ และถ้าจะมีการปรับบอร์ดก็ไม่เห็นว่าบอร์ดชุดนี้จะมีความผิดอะไร”