ครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบร่างทีโออาร์เปิดประมูล "ไทยแลนด์ อีลิท การ์ด" คาดเปิดประมูลได้ภายใน 1 เดือน พร้อมแจงภาครัฐจะไม่ดำเนินโครงการไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ต่อไป ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะนับตั้งแต่ก่อตั้งในยุค "แม้ว" โครงการนี้ล้มเหลวตั้งแต่แรก ผลดำเนินงานขาดทุนบักโกรก ไม่เคยสร้างประโยชน์อะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้กับประเทศชาติ หากปล่อยทิ้งคาราคาซัง ก็จะยิ่งเสียหายหนัก ไม่มีวันจะโงหัวขึ้นได้ ชี้ หากไม่มีใครสนใจประมูล ก็จะโอนไปให้ ททท.เก็บเข้ากรุไว้เป็นอนุสรณ์เตือนใจ
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เห็นชอบร่างทีโออาร์เพื่อเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาดำเนินโครงการไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี) ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ถือหุ้น 100%
ขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลการประมูล ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ทั้งบริษัทไทยและต่างประเทศเข้าร่วมประมูล คาดว่าหลังจากตั้งคณะกรรมการฯ แล้วจะสามารถเปิดประมูลได้ภายใน 1 เดือน
นายกรณ์ กล่าวว่า แนวทางที่ภาครัฐจะไม่ดำเนินโครงการไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ต่อไป ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ หากปล่อยให้บริษัทดังกล่าวดำเนินการต่อไป ก็จะทำให้ภาระขาดทุนมากขึ้นเรื่อยๆ และต้องแบกรับภาระความเสียหายไม่มีที่สิ้นสุด
"โครงการนี้ล้มเหลวมาตั้งแต่แรก เมื่อนำมาสู่การปฏิบัติก็ขาดทุนต่อเนื่อง ปัจจุบันมีเงินทุนเหลือเพียง 300 ล้านบาท ขาดทุนไปแล้วพันกว่าล้าน และไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ เพราะฉะนั้นในแง่หลักการที่ไม่อยากจะดำเนินโครงการนี้ต่อไปเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ถ้าปล่อยคาราคาซังอย่างนี้ติดลบแน่นอน ไม่มีวันจะโงหัวขึ้นได้ เงื่อนไขที่กำหนดไว้ก็หละหลวมมาก"
ด้านกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานที่ประชุมว่า เงื่อนไขสำคัญในทีโออาร์เปิดประมูลโครงการไทยแลนด์อิลิทการ์ดกำหนดให้เอกชนที่ประมูลได้จะต้องรับซื้อหุ้นที่มีอยู่ไปทั้งหมด, ต้องรับผิดชอบในการดูแลสมาชิก 2,750 รายไปตลอดเงื่อนไขสัญญา, หากมีคดีความหรือข้อผูกพันทางสัญญาหรือกฎหมายก็จะต้องรับไปด้วย รวมถึงการรับผิดชอบต่อทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่เดิม
ปัจจุบัน บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด มีสมาชิกอยู่ทั้งหมดประมาณ 2,750 ราย มีเงินสดอยู่ 304 ล้านบาท มีสินทรัพย์ราว 54 ล้านบาท หนี้สินกว่า 100 ล้านบาท และมียอดขาดทุนสะสมทางบัญชีอีกราว 1,400 ล้านบาท ซึ่งหากจะเปิดประมูลขายให้แก่เอกชน คาดว่าจะต้องได้ราคาเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 2-3 พันล้านบาท
อย่างไรก็ดี มีการสำรวจข้อมูลพบว่าจำนวนสมาชิกในปัจจุบันที่มีอยู่ราว 2,750 รายนั้น มีการเข้าเป็นสมาชิกอย่างไม่ถูกต้องถึง 700 คน อันเนื่องจากไม่เข้าคุณสมบัติที่จะได้รับสิทธิเข้าเป็นสมาชิกบัตรไทยแลนด์อีลิทการ์ด เช่น เป็นบุคคล 2 สัญชาติ หรือการเข้ามาเป็นสมาชิกบัตรเพื่อหวังจะใช้เป็นช่องทางในการทำธุรกิจในไทย หรือการมีวาระซ่อนเร้นอื่นๆ ซึ่งทำให้จำนวนสมาชิกที่มีคุณสมบัติที่ถูกต้องจะมีเพียง 1,700 คนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากในท้ายที่สุดแล้วไม่มีเอกชนสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการดังกล่าว ก็มีข้อตกลงที่จะโอนโครงการนี้ให้กับ ททท.ดูแลต่อไป
