พร็อพพาแกนด้า เร่งคิดนอกกรอบเต็มที่ ปีหน้าโหมหนัก “ขายไลเซ่นส์-ผลิตของพรีเมียม –ส่งออก” เล็งผุดเพิ่มอีก 1 สาขา
นายสาธิต กาลวันตวานิช ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ และหนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัท พร็อพพาแกนดิสท์ จำกัด เจ้าของแบรนด์พร็อพพาแกนด้าของไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ตั้งแต่ต้นปีนี้ธุรกิจต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจตลอดทั้งปี และปัญหาความรุนแรงทางการเมืองช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา รวมทั้งวิกฤติเศรษฐกิจของโลกด้วย ส่งผกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯเช่นเดียวกับบริษัทอื่น ทำให้รายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 นี้ตกลงไปมากกว่า 30% ขณะที่ตลาดในประเทศนั้นก็ตกลง กำลังซื้อผู้บริโภคหดหาย นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ลดลงด้วย
“แต่หากมองกลับกันการเผชิญวิกฤติก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้เรามีเวลาหันมามองตัวเอง เมื่อเกิดภาวะหลังพิงฝา เราเลยต้องคิดนอกกรอบมากขึ้น และต้องมุ่งเน้นมากขึ้นด้วย ซึ่งแต่เดิมธุรกิจหลักของเราคือ การครีเอทีฟสินค้าแล้ววางขายผ่านหน้าร้านรีเทล ซึ่งมี 2 สาขาเท่านั้น คือ ที่สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์กับดิเอ็มโพเรียม กับตลาดโฮลเซลคือขายส่งออกต่างประเทศ ดังนั้นจึงน่าจะมีช่องทางอื่นมาเสริมเพิ่มมากขึ้นด้วย”
นายสาธิต กล่าวต่อว่า ที่จริงแล้วธุรกิจของเรามันก็มีลักษณะเหมือนกับนโยบาย ครีเอทีฟ อีโคโนมี ที่เพิ่งออกมา ทั้งที่เราทำมานานกว่า 15 ปีแล้ว ในการขายไอเดีย ขายความคิด ซึ่งช่วงแรกนั้น ต้องต่อสู้อย่างมาก เพราะเป็นเรื่องใหม่ในตลาดในขณะนั้น ยังไม่มีใครทำชัดเจนเเหมือนเรา
กลยุทธ์ใหม่ที่บริษัทฯจะมุ่งเน้นและโหมหนักขึ้นคือ การทำตลาดในรูปแบบการขายไลเซ่นส์ คือการให้สิทธิ์โลโก้และผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯให้กับพันธมิตรไปใช้ในเชิงธุรกิจ โดยที่ผ่านมาได้ขายไลเซ่นส์โลโก้ “Mr P” ให้กับบริษัท ฟอร์เทรส ของฮ่องกง ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับร้านวัตสัน ซื้อติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แล้ว นำไปใช้ในการทำโปรโมชั่นกับธุรกิจ ส่วนไลเซ่นส์คำว่า “Use Me” ได้ขายไลเซ่นส์ให้กับทาง บริษัท โกลบอล ฟอร์ม คอนกรีต ที่ญี่ปุ่น ในการนำไปเป็นคำประกอบลงบนสินค้าเมอร์ชันไดส์เช่น กระเป๋าผ้า ที่ใส่ตะเกียบ เสื้อผ้า กล่องข้าว เป็นต้น ทำมา 2 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ไม่ได้เพิ่งเริ่มปีนี้แต่เคยทดลองทำมาแล้วเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาแต่ยังไม่ได้ขยายธุรกิจมากนัก แต่จากนี้ไปจะให้ความสำคัญมากขึ้น และขยายพันธมิตรรายใหม่ๆมากขึ้นด้วย
นอกจากนั้นก็เป็นกลยุทธ์การผลิตของพรีเมียมให้กับธุรกิจ ห้างร้าน องค์กร ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีออร์เดอร์จากลูกค้าตลอด เช่น ดีแทค เอสซีบี เอสบีเฟอร์นิเจอร์ แกรมมี่ เป็นต้น ซึ่งกลยุทธ์นี้ในปีนี้ได้บุกตลาดอย่างมาก และได้รับผลสำเร็จอย่างดี ซึ่งปีนี้กลุ่มพรีเมียมมีการเติบโตมากถึง 10 เท่า ล่าสุด คือ กลยุทธ์การหาพันธมิตรที่มีวิชั่นและนโยบายสอดคล้องกับบริษัทฯล่าสุดคือ ร่วมมือกับทาง จักรยาน แอล.เอ. ในการทำโปรโมชั่นร่วมกัน
ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะรุกหนักในตลาดส่งออกมากขึ้นในรูปแบบโฮลเซล โดยผ่านทางเอเย่นต์ที่มีอยู่ 20 ราย และลูกค้าที่มีออร์เดอร์ประจำ 42 ราย และมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดอเมริกา และยุโรปมากขึ้น รวมทั้งจะขยายตลาดรูปแบบการผลิตของพรีเมียมจำหน่าย และการขายไลเซ่นส์เหมือนที่ทำในญี่ปุ่นและฮ่องกงด้วย ซึ่งตลาดต่างประเทศขณะนี้มีประมาณ 42 ประเทศ เช่น เดนมาร์ค อังกฤษ ไต้หวัน กรีซ ฮอลแลนด์ เชค เป็นต้น
ทั้งนี้ปีหน้าวางแผนจะเปิดร้นอีก 1 สาขา และจากการรุกหนัก ในปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 20% ขณะที่ปีนี้คาดว่ายอดขายจะโตเฉลี่ย 5-10% จากยอดขายรวมปีที่แล้วประมาณ 35 ล้านบาท
นายสาธิต กาลวันตวานิช ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ และหนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัท พร็อพพาแกนดิสท์ จำกัด เจ้าของแบรนด์พร็อพพาแกนด้าของไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ตั้งแต่ต้นปีนี้ธุรกิจต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจตลอดทั้งปี และปัญหาความรุนแรงทางการเมืองช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา รวมทั้งวิกฤติเศรษฐกิจของโลกด้วย ส่งผกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯเช่นเดียวกับบริษัทอื่น ทำให้รายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 นี้ตกลงไปมากกว่า 30% ขณะที่ตลาดในประเทศนั้นก็ตกลง กำลังซื้อผู้บริโภคหดหาย นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ลดลงด้วย
“แต่หากมองกลับกันการเผชิญวิกฤติก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้เรามีเวลาหันมามองตัวเอง เมื่อเกิดภาวะหลังพิงฝา เราเลยต้องคิดนอกกรอบมากขึ้น และต้องมุ่งเน้นมากขึ้นด้วย ซึ่งแต่เดิมธุรกิจหลักของเราคือ การครีเอทีฟสินค้าแล้ววางขายผ่านหน้าร้านรีเทล ซึ่งมี 2 สาขาเท่านั้น คือ ที่สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์กับดิเอ็มโพเรียม กับตลาดโฮลเซลคือขายส่งออกต่างประเทศ ดังนั้นจึงน่าจะมีช่องทางอื่นมาเสริมเพิ่มมากขึ้นด้วย”
นายสาธิต กล่าวต่อว่า ที่จริงแล้วธุรกิจของเรามันก็มีลักษณะเหมือนกับนโยบาย ครีเอทีฟ อีโคโนมี ที่เพิ่งออกมา ทั้งที่เราทำมานานกว่า 15 ปีแล้ว ในการขายไอเดีย ขายความคิด ซึ่งช่วงแรกนั้น ต้องต่อสู้อย่างมาก เพราะเป็นเรื่องใหม่ในตลาดในขณะนั้น ยังไม่มีใครทำชัดเจนเเหมือนเรา
กลยุทธ์ใหม่ที่บริษัทฯจะมุ่งเน้นและโหมหนักขึ้นคือ การทำตลาดในรูปแบบการขายไลเซ่นส์ คือการให้สิทธิ์โลโก้และผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯให้กับพันธมิตรไปใช้ในเชิงธุรกิจ โดยที่ผ่านมาได้ขายไลเซ่นส์โลโก้ “Mr P” ให้กับบริษัท ฟอร์เทรส ของฮ่องกง ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับร้านวัตสัน ซื้อติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แล้ว นำไปใช้ในการทำโปรโมชั่นกับธุรกิจ ส่วนไลเซ่นส์คำว่า “Use Me” ได้ขายไลเซ่นส์ให้กับทาง บริษัท โกลบอล ฟอร์ม คอนกรีต ที่ญี่ปุ่น ในการนำไปเป็นคำประกอบลงบนสินค้าเมอร์ชันไดส์เช่น กระเป๋าผ้า ที่ใส่ตะเกียบ เสื้อผ้า กล่องข้าว เป็นต้น ทำมา 2 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ไม่ได้เพิ่งเริ่มปีนี้แต่เคยทดลองทำมาแล้วเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาแต่ยังไม่ได้ขยายธุรกิจมากนัก แต่จากนี้ไปจะให้ความสำคัญมากขึ้น และขยายพันธมิตรรายใหม่ๆมากขึ้นด้วย
นอกจากนั้นก็เป็นกลยุทธ์การผลิตของพรีเมียมให้กับธุรกิจ ห้างร้าน องค์กร ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีออร์เดอร์จากลูกค้าตลอด เช่น ดีแทค เอสซีบี เอสบีเฟอร์นิเจอร์ แกรมมี่ เป็นต้น ซึ่งกลยุทธ์นี้ในปีนี้ได้บุกตลาดอย่างมาก และได้รับผลสำเร็จอย่างดี ซึ่งปีนี้กลุ่มพรีเมียมมีการเติบโตมากถึง 10 เท่า ล่าสุด คือ กลยุทธ์การหาพันธมิตรที่มีวิชั่นและนโยบายสอดคล้องกับบริษัทฯล่าสุดคือ ร่วมมือกับทาง จักรยาน แอล.เอ. ในการทำโปรโมชั่นร่วมกัน
ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะรุกหนักในตลาดส่งออกมากขึ้นในรูปแบบโฮลเซล โดยผ่านทางเอเย่นต์ที่มีอยู่ 20 ราย และลูกค้าที่มีออร์เดอร์ประจำ 42 ราย และมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดอเมริกา และยุโรปมากขึ้น รวมทั้งจะขยายตลาดรูปแบบการผลิตของพรีเมียมจำหน่าย และการขายไลเซ่นส์เหมือนที่ทำในญี่ปุ่นและฮ่องกงด้วย ซึ่งตลาดต่างประเทศขณะนี้มีประมาณ 42 ประเทศ เช่น เดนมาร์ค อังกฤษ ไต้หวัน กรีซ ฮอลแลนด์ เชค เป็นต้น
ทั้งนี้ปีหน้าวางแผนจะเปิดร้นอีก 1 สาขา และจากการรุกหนัก ในปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 20% ขณะที่ปีนี้คาดว่ายอดขายจะโตเฉลี่ย 5-10% จากยอดขายรวมปีที่แล้วประมาณ 35 ล้านบาท