“พาณิชย์”แฉโรงสีปั่นราคาข้าว ซื้อเก็บ แต่ไม่ขาย ทำผู้ส่งออกเดือดร้อนหาซื้อข้าวไม่ได้ เล็งดัดหลังเสนอ “มาร์ค” ไฟเขียวระบายข้าวในสต๊อก ก่อนทุกอย่างป่วน
รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ราคาข้าวที่สูงขึ้นขณะนี้ มีสาเหตุหลักมาจากโรงสีหลายแห่งชะลอการขายข้าวให้กับผู้ส่งออก เพื่อหวังปั่นราคาเก็งกำไร โดยร่วมกับนายทุนกว้านซื้อข้าวจากชาวนาจนเกือบหมดตั้งแต่ต้นฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้ผู้ส่งออกหาซื้อข้าวในตลาดได้ยาก โดยราคาข้าวขาว 100% ชั้น 2 เมื่อต้นเดือน ธ.ค.อยู่ที่ตันละ 19,000-19,100 บาท จากต้นเดือนพ.ย.ที่ตันละ 16,250-16,750 บาท ข้าวขาว 5% ตันละ 18,100 บาท จาก 17,000 บาท และคาดว่าจนถึงสิ้นเดือนธ.ค.นี้น่าขึ้นไปแตะที่ตันละเกือบ 20,000 บาทได้
กรณีดังกล่าว ไม่เป็นผลดีต่อการค้าข้าวไทย เพราะนอกจากจะปั่นราคาแล้ว ยังทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากการซื้อข้าวถุงที่แพงขึ้น และยังเป็นการส่งสัญญาณผิดให้กับเกษตรกร เพราะเมื่อฟองสบู่ราคาข้าวจากการปั่นราคาแตกลง ราคาข้าวก็จะตกต่ำลงในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุมาจากภัยธรรมชาติทำให้ผู้ผลิตข้าวหลายประเทศมีผลผลิตลดลง ประกอบกับ ผู้ส่งออกไทยชนะประมูลขายข้าวขาว 25% ให้ฟิลิปปินส์ได้ 100,000 ตัน เฉลี่ยตันละ 620 เหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงมาก ส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศสูงขึ้นมาก ดังนั้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์จึงทำหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาเร่งระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเพื่อส่งออกเป็นระยะๆ ตามความเหมาะสมไม่เกินครั้งละ 300,000-400,000 และระบายผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) อีก 1-1.5 ล้านตัน หากรัฐไม่เร่งระบายข้าวออกอาจเสียโอกาสจากราคาข้าวที่สูงขึ้นได้
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ราคาข้าวที่สูงขึ้น ส่งผลให้มีการเก็งกำไรราคาข้าวจริง ซึ่งกรมฯ จะจับตาอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันและควบคุมไม่ให้ส่งผลกระทบกับราคาข้าวในประเทศได้ โดยขณะนี้ข้าวกว่า 80% ไม่ได้อยู่ในมือเกษตรกร เพราะขายไปหมดแล้ว มีเหลือกับเกษตรกรประมาณ 20% ที่มียุ้งฉางเก็บ ดังนั้น จากนี้ไปข้าวราคาจะขึ้นหรือลงเกษตรกรจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ผู้ค้าที่ซื้อข้าวไว้จะต้องจับตาราคาข้าวว่าจะขึ้นหรือลงมากกว่า
“ขณะนี้รัฐบาลมีข้าวอยู่ในมือกว่า 6 ล้านตัน หากพบว่า มีการกว้านซื้อข้าวเพื่อเก็งกำไรอย่างที่ไม่สามารถควบคุม หรือกักตุนข้าวจนกระทบผู้บริโภค และตลาดข้าวในประเทศเสียหาย รัฐก็จำเป็นต้องระบายข้าวในสต๊อก หรือหากจำเป็นจริงๆ คงต้องทบทวนแผนการผลิตข้าวถุง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน แต่จะไม่ให้กระทบกับตลาดแน่นอน” นางสาวชุติมากล่าว
รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ราคาข้าวที่สูงขึ้นขณะนี้ มีสาเหตุหลักมาจากโรงสีหลายแห่งชะลอการขายข้าวให้กับผู้ส่งออก เพื่อหวังปั่นราคาเก็งกำไร โดยร่วมกับนายทุนกว้านซื้อข้าวจากชาวนาจนเกือบหมดตั้งแต่ต้นฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้ผู้ส่งออกหาซื้อข้าวในตลาดได้ยาก โดยราคาข้าวขาว 100% ชั้น 2 เมื่อต้นเดือน ธ.ค.อยู่ที่ตันละ 19,000-19,100 บาท จากต้นเดือนพ.ย.ที่ตันละ 16,250-16,750 บาท ข้าวขาว 5% ตันละ 18,100 บาท จาก 17,000 บาท และคาดว่าจนถึงสิ้นเดือนธ.ค.นี้น่าขึ้นไปแตะที่ตันละเกือบ 20,000 บาทได้
กรณีดังกล่าว ไม่เป็นผลดีต่อการค้าข้าวไทย เพราะนอกจากจะปั่นราคาแล้ว ยังทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากการซื้อข้าวถุงที่แพงขึ้น และยังเป็นการส่งสัญญาณผิดให้กับเกษตรกร เพราะเมื่อฟองสบู่ราคาข้าวจากการปั่นราคาแตกลง ราคาข้าวก็จะตกต่ำลงในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุมาจากภัยธรรมชาติทำให้ผู้ผลิตข้าวหลายประเทศมีผลผลิตลดลง ประกอบกับ ผู้ส่งออกไทยชนะประมูลขายข้าวขาว 25% ให้ฟิลิปปินส์ได้ 100,000 ตัน เฉลี่ยตันละ 620 เหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงมาก ส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศสูงขึ้นมาก ดังนั้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์จึงทำหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาเร่งระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเพื่อส่งออกเป็นระยะๆ ตามความเหมาะสมไม่เกินครั้งละ 300,000-400,000 และระบายผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) อีก 1-1.5 ล้านตัน หากรัฐไม่เร่งระบายข้าวออกอาจเสียโอกาสจากราคาข้าวที่สูงขึ้นได้
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ราคาข้าวที่สูงขึ้น ส่งผลให้มีการเก็งกำไรราคาข้าวจริง ซึ่งกรมฯ จะจับตาอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันและควบคุมไม่ให้ส่งผลกระทบกับราคาข้าวในประเทศได้ โดยขณะนี้ข้าวกว่า 80% ไม่ได้อยู่ในมือเกษตรกร เพราะขายไปหมดแล้ว มีเหลือกับเกษตรกรประมาณ 20% ที่มียุ้งฉางเก็บ ดังนั้น จากนี้ไปข้าวราคาจะขึ้นหรือลงเกษตรกรจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ผู้ค้าที่ซื้อข้าวไว้จะต้องจับตาราคาข้าวว่าจะขึ้นหรือลงมากกว่า
“ขณะนี้รัฐบาลมีข้าวอยู่ในมือกว่า 6 ล้านตัน หากพบว่า มีการกว้านซื้อข้าวเพื่อเก็งกำไรอย่างที่ไม่สามารถควบคุม หรือกักตุนข้าวจนกระทบผู้บริโภค และตลาดข้าวในประเทศเสียหาย รัฐก็จำเป็นต้องระบายข้าวในสต๊อก หรือหากจำเป็นจริงๆ คงต้องทบทวนแผนการผลิตข้าวถุง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน แต่จะไม่ให้กระทบกับตลาดแน่นอน” นางสาวชุติมากล่าว