“กอร์ปศักดิ์” ไม่ขัด “พรทิวา” ไฟเขียวขายข้าวโพดเน่า 3.3 แสนตันเกลี้ยงสต๊อก ได้เงินรวม 1.5 พันล้านบาท แต่รวมขายทั้งหมดเกือบ 1 ล้านตัน ได้เงินแค่ 4.5 พันล้านบาท ขาดทุนยับเฉียด 5 พันล้านบาท จากราคาจำนำ 8.4 พันล้านบาท
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบการระบายข้าวโพดที่เหลือในโกดังจำนวน 338,194.65 ตัน ตามที่คณะอนุกรรมการด้านการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มีรมว.พาณิชย์ เป็นประธานเสนอโดยอนุมัติขายให้ผู้เสนอซื้อเพื่อส่งออกที่ให้ราคาสูงสุด 2 ราย ภายหลังการต่อราคาที่เฉลี่ยตันละ 4,741 บาท และ 4,443 บาท จากที่เสนอซื้อเพียงตันละ 2,500-4,180 บาท หรือต่อรองราคาได้เพิ่มขึ้นรวม 380 ล้านบาท ส่งผลให้การขายครั้งนี้มีมูลค่ารวม 1,590.53 ล้านบาท ขาดทุนจากราคารับจำนำ 1,284.02 ล้านบาท เพราะมีราคารับจำนำที่ 2,874.65 ล้านบาท โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ธ.ค.นี้พิจารณาอนุมัติต่อไป
“เราจำเป็นต้องเร่งขายข้าวโพดล็อตนี้ให้หมด เพราะคุณภาพเสื่อมลงแล้ว และถ้ายิ่งเก็บไว้อีก กระทรวงพาณิชย์จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา ค่ารมยา ดูแลคุณภาพอีกเดือนละ 26 ล้านบาท ซึ่งไม่คุ้มกันเลย” นางพรทิวากล่าว
ทั้งนี้ เมื่อรวมการขายข้าวโพดครั้งนี้ กับทั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมา มีปริมาณทั้งสิ้น 991,849.33 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 4,575.33 ล้านบาท ขาดทุนรวม 4,955.81 ล้านบาท (แบ่งเป็น ขาดทุนจากราคารับจำนำ 3,855.81 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ 1,100 ล้านบาท) จากราคารับจำนำทั้งสิ้น 8,431.14 ล้านบาท
ส่วนการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีการผลิต 52/53 นั้น ล่าสุด ณ วันที่ 4 ธ.ค.52 รัฐจ่ายเงินส่วนต่างให้เกษตรกรแล้ว 4,855.47 ล้านบาท และคาดจนถึงสิ้นโครงการจะต้องจ่ายไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
สำหรับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขณะนี้ สูงขึ้นตามราคาตลาดโลก โดยราคาวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 6.74 บาท จากเดือนพ.ย.ที่กิโลกรัมละ 5.54 บาท ขณะที่ราคาประกันกิโลกรัมละ 7.10 บาท แต่โรงงานอาหารสัตว์ รับซื้อที่กิโลกรัมละ 8 บาท เพราะความต้องการภายในประเทศที่สูงขึ้น ขณะที่ผลผลิตที่ออกส่ตลาดมีไม่มาก เพราะเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบการระบายข้าวโพดที่เหลือในโกดังจำนวน 338,194.65 ตัน ตามที่คณะอนุกรรมการด้านการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มีรมว.พาณิชย์ เป็นประธานเสนอโดยอนุมัติขายให้ผู้เสนอซื้อเพื่อส่งออกที่ให้ราคาสูงสุด 2 ราย ภายหลังการต่อราคาที่เฉลี่ยตันละ 4,741 บาท และ 4,443 บาท จากที่เสนอซื้อเพียงตันละ 2,500-4,180 บาท หรือต่อรองราคาได้เพิ่มขึ้นรวม 380 ล้านบาท ส่งผลให้การขายครั้งนี้มีมูลค่ารวม 1,590.53 ล้านบาท ขาดทุนจากราคารับจำนำ 1,284.02 ล้านบาท เพราะมีราคารับจำนำที่ 2,874.65 ล้านบาท โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ธ.ค.นี้พิจารณาอนุมัติต่อไป
“เราจำเป็นต้องเร่งขายข้าวโพดล็อตนี้ให้หมด เพราะคุณภาพเสื่อมลงแล้ว และถ้ายิ่งเก็บไว้อีก กระทรวงพาณิชย์จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา ค่ารมยา ดูแลคุณภาพอีกเดือนละ 26 ล้านบาท ซึ่งไม่คุ้มกันเลย” นางพรทิวากล่าว
ทั้งนี้ เมื่อรวมการขายข้าวโพดครั้งนี้ กับทั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมา มีปริมาณทั้งสิ้น 991,849.33 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 4,575.33 ล้านบาท ขาดทุนรวม 4,955.81 ล้านบาท (แบ่งเป็น ขาดทุนจากราคารับจำนำ 3,855.81 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ 1,100 ล้านบาท) จากราคารับจำนำทั้งสิ้น 8,431.14 ล้านบาท
ส่วนการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีการผลิต 52/53 นั้น ล่าสุด ณ วันที่ 4 ธ.ค.52 รัฐจ่ายเงินส่วนต่างให้เกษตรกรแล้ว 4,855.47 ล้านบาท และคาดจนถึงสิ้นโครงการจะต้องจ่ายไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
สำหรับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขณะนี้ สูงขึ้นตามราคาตลาดโลก โดยราคาวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 6.74 บาท จากเดือนพ.ย.ที่กิโลกรัมละ 5.54 บาท ขณะที่ราคาประกันกิโลกรัมละ 7.10 บาท แต่โรงงานอาหารสัตว์ รับซื้อที่กิโลกรัมละ 8 บาท เพราะความต้องการภายในประเทศที่สูงขึ้น ขณะที่ผลผลิตที่ออกส่ตลาดมีไม่มาก เพราะเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว