“เท็ดดี้เฮ้าส์” เปิดเกมรุกต่างประเทศจริงจัง เล็งเอเชีย-ก่อนสู่ยุโรป ชูโมเดลขายแฟรนไชส์ นำร่องเปิดแล้วที่เวียดนาม อินโดนีเซีย ฮ่องกง พร้อมตั้งดิสทริบิวเตอร์ที่สวีเดนเป็นศูนย์กลางดูแลยุโรป ลั่นปีนี้โต 20%
นายปิตุภูมิ หิรัณยพิชญ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เท็ดดี้เฮ้าส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจตุ๊กตาหมีเท็ดดี้เฮ้าส์ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะรุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มที่หลังจากที่ดำเนินธุรกิจในไทยมานาน 11 ปีแล้ว โดยเป้าหมายแรกคือ ตลาดเอเซีย ซึ่งหากทำตลาดเอเซียได้แข็งแกร่งแล้วก็จะรุกหนักขยายสู่ตลาดยุโรปเต็มตัว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทฯได้ปูพื้นฐานทางธุรกิจไว้ทั้งเอเซียและยุโรปแล้ว
รูปแบบการขยายธุรกิจจะเป็นการขายแฟรนไชส์รายเดียวในแต่ละประเทศ เน้นคอนเซ็ปท์หมีของคนไทยสู่สากล และหากรายที่รับสิทธินั้นสามารถทำได้ตามสัญญาทั้งยอดขาย จำนวนสาขา รุปแบบการทำโปรโมชั่น และอื่นๆ ก็จะยกระดับเลื่อนขึ้นเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์เพื่อให้ดูแลประเทศนั้นๆ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแต่ตั้งมาสเตอร์แฟรนไชส์แต่อย่างใด ปัจจุบันมีแฟรนไชส์ 3 ประเทศในเอเซียคือ เวียดนามมี 7 สาขา อินโดนีเซีย มี 3 สาขา และฮ่องกง มี 1สาขา
นอกจากนั้นก็ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขยายตลาดสู่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีและจีน ซึ่งทั้งสามประเทศนี้เป็นตลาดที่น่าสนใจและใหญ่มาก แต่ก็เป็นตลาดที่ยากเช่นกัน เพราะว่ามีแบรนด์โลคอลมากและมีความแข็งแกร่ง โดยที่ในจีนนั้นได้ให้แฟรนไชส์ที่ฮ่องกงไปเจรจากับกลุ่มเซ็นทรัลที่มีแผนจะลงทุนที่จีนเช่นกัน ส่วนที่ญี่ปุ่นนั้นมีแผนร่วมธุรกิจกับทางห้างสรรพสินค้าชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วภูมิภาคนี้ทำตลาดร่วมกัน ขณะที่ตลาดยุโรปนั้น ได้ทำการแต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์แล้วที่ประเทศสวีเดนเพื่อให้ดูแลตลาดยุโรป
สำหรับแผนธุรกิจในไทยนั้น นายปิตุภูมิกล่าวว่า จะมีการขยายสาขาต่อเนื่องทั้งลงทุนเองและแฟรนไชส์ โดยในกรุงเทพฯจะเปิดอีก 2 สาขาบริเวณรัชโยธินและงามวงศ์วานซึ่งเป็นของแฟรนไชส์ และอีก1 สาขาที่เชียงใหม่ ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขาเปิดบริการทั้งหมด แบ่งเป็น ในกทม. 9 สาขา ต่างจังหวัด 8 สาขา และต่างประเทศ 11 สาขา ทั้งนี้ในปี 2552 นี้เปิดสาขาใหม่มากถึง 9 สาขาทั้งในและต่างประเทศ
นายปิตุภูมิกล่าวต่อว่า หลังจากฉลองครบรอบ 11 ปี ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคมศกนี้ที่เซ็นทรัลชิดลมแล้ว จะนำคอลเลคชั่น “เทียร่า-เซียร่า” ไปจำหน่ายทุกสาขาของเท็ดดี้เฮ้าส์ และมีแผนจะขยายไลน์สินค้าสู่เสื้อยืด กระเป๋า เครื่องเขียน เป็นต้น
สำหรับผลประกอบการในปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเติบโต 20% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 70 ล้านบาท จากตลาดรวมตุ๊กตาทั้งหมดประมาณ 1,000 ล้านบาท โดย 3 ปีที่ผ่านมารายได้บริษัทฯเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ซึ่งสัดส่วนรายได้มาจาก ในประเทศ 40% ต่างประเทศ 40% และออนไลน์ 20% ซึ่งสินค้าตุ๊กตาหมีและอุปกรณ์เสริมผลิตจากโรงงานของบริษัทฯทั้งหมด โดยผลิตแบรนด์ตัวเอง 90% และรับจ้างผลิต 10% แต่ปีหน้าคาดว่าสัดส่วนจะเปลี่ยนเป็น ในประเทศ 45% ต่างประเทศ 45% และออนไลน์ 10%
ส่วนปีหน้าก็อยู่ระหว่างการเตรียมแผนที่จะขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นด้วย หลังจาก ทุ่มงบประมาณไปรวม 25 ล้านบาทแล้วตั้งแต่เริมกิจการ เพื่อรองรับตลาดที่ขยายตัวออกไป ซึ่งทุกวันนี้มีกำลังผลิตคิดเป็นมูลค่า 60 ล้านบาทต่อปี
นางสาวเขมนิจ จามิกรณ์ และ ศุกลวัฒน์ คณารศ กรรมการบริหารเท็ดดี้เฮ้าส์สาขาสยามสแควร์ ร่วมกันกล่าวว่า ปีหน้าชาจะขยายอีก 2 สาขาคือที่ งามวงศ์วานและรีชดยิน ซึ่งสาขาแรกที่สยามสแควร์ ยอดขายเติบโต 20% หลังจากเปิดมาแค่ 3 เดือน และขยายกลุ่มเป้าหมายสู่อายุ 15-25 ได้ จากเดิมอยุ่ที่ 25-35 ปีเป็นหลัก และมีสมาชิก 3,000 คน และอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจซื้อไลเซนซิ่งของเทียร่า-เซียร่าคอลลเคชั่น ผลิตสินค้าและบริการด้วย ซึ่งจะผลิตเป็นกล่องหมีดนตรี
นายปิตุภูมิ หิรัณยพิชญ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เท็ดดี้เฮ้าส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจตุ๊กตาหมีเท็ดดี้เฮ้าส์ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะรุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มที่หลังจากที่ดำเนินธุรกิจในไทยมานาน 11 ปีแล้ว โดยเป้าหมายแรกคือ ตลาดเอเซีย ซึ่งหากทำตลาดเอเซียได้แข็งแกร่งแล้วก็จะรุกหนักขยายสู่ตลาดยุโรปเต็มตัว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทฯได้ปูพื้นฐานทางธุรกิจไว้ทั้งเอเซียและยุโรปแล้ว
รูปแบบการขยายธุรกิจจะเป็นการขายแฟรนไชส์รายเดียวในแต่ละประเทศ เน้นคอนเซ็ปท์หมีของคนไทยสู่สากล และหากรายที่รับสิทธินั้นสามารถทำได้ตามสัญญาทั้งยอดขาย จำนวนสาขา รุปแบบการทำโปรโมชั่น และอื่นๆ ก็จะยกระดับเลื่อนขึ้นเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์เพื่อให้ดูแลประเทศนั้นๆ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแต่ตั้งมาสเตอร์แฟรนไชส์แต่อย่างใด ปัจจุบันมีแฟรนไชส์ 3 ประเทศในเอเซียคือ เวียดนามมี 7 สาขา อินโดนีเซีย มี 3 สาขา และฮ่องกง มี 1สาขา
นอกจากนั้นก็ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขยายตลาดสู่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีและจีน ซึ่งทั้งสามประเทศนี้เป็นตลาดที่น่าสนใจและใหญ่มาก แต่ก็เป็นตลาดที่ยากเช่นกัน เพราะว่ามีแบรนด์โลคอลมากและมีความแข็งแกร่ง โดยที่ในจีนนั้นได้ให้แฟรนไชส์ที่ฮ่องกงไปเจรจากับกลุ่มเซ็นทรัลที่มีแผนจะลงทุนที่จีนเช่นกัน ส่วนที่ญี่ปุ่นนั้นมีแผนร่วมธุรกิจกับทางห้างสรรพสินค้าชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วภูมิภาคนี้ทำตลาดร่วมกัน ขณะที่ตลาดยุโรปนั้น ได้ทำการแต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์แล้วที่ประเทศสวีเดนเพื่อให้ดูแลตลาดยุโรป
สำหรับแผนธุรกิจในไทยนั้น นายปิตุภูมิกล่าวว่า จะมีการขยายสาขาต่อเนื่องทั้งลงทุนเองและแฟรนไชส์ โดยในกรุงเทพฯจะเปิดอีก 2 สาขาบริเวณรัชโยธินและงามวงศ์วานซึ่งเป็นของแฟรนไชส์ และอีก1 สาขาที่เชียงใหม่ ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขาเปิดบริการทั้งหมด แบ่งเป็น ในกทม. 9 สาขา ต่างจังหวัด 8 สาขา และต่างประเทศ 11 สาขา ทั้งนี้ในปี 2552 นี้เปิดสาขาใหม่มากถึง 9 สาขาทั้งในและต่างประเทศ
นายปิตุภูมิกล่าวต่อว่า หลังจากฉลองครบรอบ 11 ปี ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคมศกนี้ที่เซ็นทรัลชิดลมแล้ว จะนำคอลเลคชั่น “เทียร่า-เซียร่า” ไปจำหน่ายทุกสาขาของเท็ดดี้เฮ้าส์ และมีแผนจะขยายไลน์สินค้าสู่เสื้อยืด กระเป๋า เครื่องเขียน เป็นต้น
สำหรับผลประกอบการในปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเติบโต 20% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 70 ล้านบาท จากตลาดรวมตุ๊กตาทั้งหมดประมาณ 1,000 ล้านบาท โดย 3 ปีที่ผ่านมารายได้บริษัทฯเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ซึ่งสัดส่วนรายได้มาจาก ในประเทศ 40% ต่างประเทศ 40% และออนไลน์ 20% ซึ่งสินค้าตุ๊กตาหมีและอุปกรณ์เสริมผลิตจากโรงงานของบริษัทฯทั้งหมด โดยผลิตแบรนด์ตัวเอง 90% และรับจ้างผลิต 10% แต่ปีหน้าคาดว่าสัดส่วนจะเปลี่ยนเป็น ในประเทศ 45% ต่างประเทศ 45% และออนไลน์ 10%
ส่วนปีหน้าก็อยู่ระหว่างการเตรียมแผนที่จะขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นด้วย หลังจาก ทุ่มงบประมาณไปรวม 25 ล้านบาทแล้วตั้งแต่เริมกิจการ เพื่อรองรับตลาดที่ขยายตัวออกไป ซึ่งทุกวันนี้มีกำลังผลิตคิดเป็นมูลค่า 60 ล้านบาทต่อปี
นางสาวเขมนิจ จามิกรณ์ และ ศุกลวัฒน์ คณารศ กรรมการบริหารเท็ดดี้เฮ้าส์สาขาสยามสแควร์ ร่วมกันกล่าวว่า ปีหน้าชาจะขยายอีก 2 สาขาคือที่ งามวงศ์วานและรีชดยิน ซึ่งสาขาแรกที่สยามสแควร์ ยอดขายเติบโต 20% หลังจากเปิดมาแค่ 3 เดือน และขยายกลุ่มเป้าหมายสู่อายุ 15-25 ได้ จากเดิมอยุ่ที่ 25-35 ปีเป็นหลัก และมีสมาชิก 3,000 คน และอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจซื้อไลเซนซิ่งของเทียร่า-เซียร่าคอลลเคชั่น ผลิตสินค้าและบริการด้วย ซึ่งจะผลิตเป็นกล่องหมีดนตรี
