เท็ดดี้เฮ้าส์ เปิดแผนรุกต่างประเทศหนักเต็มรูปแบบ ทั้งขายแฟรนไชส์ร้าน ขยายตลาดสินค้าหาช่องทางใหม่ เล็งตลาดยุโรปเป็นหลัก ส่วนไทย ได้ แพนเค้ก-เวียร์ ซื้อแฟรนไชส์ล่าสุด เปิดแฟลกชิปสโตร์ที่สยามสแควร์ มั่นใจปีนี้รายได้เติบโต 5%
นายปิตุภูมิ หิรัณยพิชญ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เท็ดดี้ เฮ้าส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายและบริหารร้านเท็ดดี้เฮ้าส์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในแง่ของการขายสินค้าตุ๊กตาหมี แอสเซทซอรี่อื่นๆ การเปิดสาขารูปแบบแฟรนไชส์มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดยุโรป เช่น เยอรมนี สวีเดน ซึ่งราคาตุ๊กตาหมีของเท็ดดี้ถูกกว่าที่ขายในเยอรมนีมากกว่า 30%
ทั้งนี้ มีการขยายธุรกิจต่างประเทศบ้างแล้ว ทั้งการขายแฟรนไชส์และการนำเสนอสินค้าเข้าไปขายผ่านทางดิสทริบิวเตอร์ โดยต่างประเทศที่เปิดร้านไปแล้วส่วนใหญ่จะเป็นในเอเชียเท่านั้น เช่นที่ เวียดนาม 7 สาขา, อินโดนีเซีย 1 สาขา และเตรียมขยายเพิ่มอีก 3 คือที่ฮ่องกง 2 แห่ง และอินโดนีเซีย 1 แห่ง ภายในปลายปี 2552
นอกจากนั้น เป็นการส่งออกตุ๊กตาหมีไปยังกลุ่มประเทศยุโรป เป็นหลัก โดยมีตัวแทนจำหน่ายที่สวีเดน ส่วนในภูมิภาคเอเชียดำเนินการตลาดเองทั้งในรูปแบบตัวแทน เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน และในรูปแบบแฟรนไชส์ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ฮ่องกง ซึ่งยอดการส่งออกในปัจจุบันยังเป็นบวกอยู่ เนื่องจากตลาดหลักอยู่ที่ยุโรปและเอเชีย ไม่ใช่สหรัฐอเมริกาและกลุ่มลูกค้าเป็นระดับไฮเอนด์
สำหรับในตลาดประเทศไทย ภาพรวมของเท็ดดี้เฮ้าส์ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติบ้างช่วงต้นปี แต่ขณะนี้เริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่า ไตรมาสสุดท้ายจะเติบโตดีเพราะเป็นช่วงเทศกาลส่งความสุข โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตปีนี้ 5% จากยอดขายรวมปีที่แล้วที่ทำได้ 70 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้เป็น ตลาดในประเทศ 40% ตลาดส่งออก 40%และการขายอื่นๆเช่น ออนไลน์ ผลิตสินค้าที่เป็นพรีเมียม 20% และเป็นการผลิตแบรนด์ตัวเอง 90% และรับจ้างผลิตหรือโออีเอ็ม 10%
แผนการขยายสาขาในไทย ในส่วนของกรุงเทพฯคาดว่าอาจจะยังไม่มีการเปิดใหม่ในช่วงจากนี้ไป เพราะตลาดเริ่มอิ่มตัวระดับหนึ่ง ซึ่งสาขาล่าสุดที่เปิดเป็นของแฟรนไชส์ซึ่งผู้ซื้อแฟรนไชส์ คือ “แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์” ที่ร่วมกับ “เวียร์-ศกุลวัฒน์ คณารส” ร่วมกันเปิดที่สยามสแควร์ ซอย 11 และถือเป็นแฟลกชิปใหญ่ที่สุดและเป็นสแตนด์อโลนแห่งแรกในกรุงเทพฯด้วย ขณะที่ทั้งปีนี้เปิดใหม่จำนวน 3 สาขา ซึ่งแผนจากนี้ไปจะเปิดสาขาต่างจังหวัดมากขึ้นตามความเหมาะสมของแต่พื้นที่ว่ามีความต้องการและมีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน
ปัจจุบันมีร้านเท็ดดี้เฮ้าส์ในห้างสรรพสินค้าแล้วแบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 9 สาขา และต่างจังหวัด 6 สาขา ซึ่งกระจายอยู่ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสันเป็นหลัก โดยเป็นร้านของบริษัทเอง 9 แห่ง และของแฟรนไชส์ประมาณ 6 แห่ง โดยมียอดสมาชิกประมาณ 15,000 คนในไทย กลุ่มลูกค้าอายุเฉลี่ย 25-35 ปี
สาขาที่สยามสแควร์นี้ได้นำเสนอคอลเลกชันใหม่ “เทียร่า-เซียร่า คอลเลคชั่น” เป็นการออกแบบโดย แพนเค้กกับเวียร์ รวมกัน แต่ลิขสิทธิ์ชื่อเป็นของบริษัทฯ โดยจะมีการวางจำหน่ายในสาขาอื่นด้วย ซึ่งจะมีทั้งตุ๊กตาหมี เสื้อผ้า อุปกรณ์เสริมอื่นๆ เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น 1,500 ชุด ขายในไทย 500 ชุด ส่งออก 1,000 ชุด มีออเดอร์แล้ว 60%
อีกทั้งมีแผนที่จะแตกธุรกิจออกไปสู่ระบบไลเซนส์ซิ่งด้วย เป็นครั้งแรกของเท็ดดี้เฮ้าส์ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของตัวเองร่วมงานกับเรา โดยการให้ลิขสิทธิ์เท็ดดี้เฮ้าส์ไปใช้ในสินค้า เช่น กลุ่มดิจิตอลมีเดีย สินค้าแฟชั่น เมอร์ชันไดส์ต่างๆ
นายปิตุภูมิ หิรัณยพิชญ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เท็ดดี้ เฮ้าส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายและบริหารร้านเท็ดดี้เฮ้าส์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในแง่ของการขายสินค้าตุ๊กตาหมี แอสเซทซอรี่อื่นๆ การเปิดสาขารูปแบบแฟรนไชส์มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดยุโรป เช่น เยอรมนี สวีเดน ซึ่งราคาตุ๊กตาหมีของเท็ดดี้ถูกกว่าที่ขายในเยอรมนีมากกว่า 30%
ทั้งนี้ มีการขยายธุรกิจต่างประเทศบ้างแล้ว ทั้งการขายแฟรนไชส์และการนำเสนอสินค้าเข้าไปขายผ่านทางดิสทริบิวเตอร์ โดยต่างประเทศที่เปิดร้านไปแล้วส่วนใหญ่จะเป็นในเอเชียเท่านั้น เช่นที่ เวียดนาม 7 สาขา, อินโดนีเซีย 1 สาขา และเตรียมขยายเพิ่มอีก 3 คือที่ฮ่องกง 2 แห่ง และอินโดนีเซีย 1 แห่ง ภายในปลายปี 2552
นอกจากนั้น เป็นการส่งออกตุ๊กตาหมีไปยังกลุ่มประเทศยุโรป เป็นหลัก โดยมีตัวแทนจำหน่ายที่สวีเดน ส่วนในภูมิภาคเอเชียดำเนินการตลาดเองทั้งในรูปแบบตัวแทน เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน และในรูปแบบแฟรนไชส์ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ฮ่องกง ซึ่งยอดการส่งออกในปัจจุบันยังเป็นบวกอยู่ เนื่องจากตลาดหลักอยู่ที่ยุโรปและเอเชีย ไม่ใช่สหรัฐอเมริกาและกลุ่มลูกค้าเป็นระดับไฮเอนด์
สำหรับในตลาดประเทศไทย ภาพรวมของเท็ดดี้เฮ้าส์ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติบ้างช่วงต้นปี แต่ขณะนี้เริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่า ไตรมาสสุดท้ายจะเติบโตดีเพราะเป็นช่วงเทศกาลส่งความสุข โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตปีนี้ 5% จากยอดขายรวมปีที่แล้วที่ทำได้ 70 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้เป็น ตลาดในประเทศ 40% ตลาดส่งออก 40%และการขายอื่นๆเช่น ออนไลน์ ผลิตสินค้าที่เป็นพรีเมียม 20% และเป็นการผลิตแบรนด์ตัวเอง 90% และรับจ้างผลิตหรือโออีเอ็ม 10%
แผนการขยายสาขาในไทย ในส่วนของกรุงเทพฯคาดว่าอาจจะยังไม่มีการเปิดใหม่ในช่วงจากนี้ไป เพราะตลาดเริ่มอิ่มตัวระดับหนึ่ง ซึ่งสาขาล่าสุดที่เปิดเป็นของแฟรนไชส์ซึ่งผู้ซื้อแฟรนไชส์ คือ “แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์” ที่ร่วมกับ “เวียร์-ศกุลวัฒน์ คณารส” ร่วมกันเปิดที่สยามสแควร์ ซอย 11 และถือเป็นแฟลกชิปใหญ่ที่สุดและเป็นสแตนด์อโลนแห่งแรกในกรุงเทพฯด้วย ขณะที่ทั้งปีนี้เปิดใหม่จำนวน 3 สาขา ซึ่งแผนจากนี้ไปจะเปิดสาขาต่างจังหวัดมากขึ้นตามความเหมาะสมของแต่พื้นที่ว่ามีความต้องการและมีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน
ปัจจุบันมีร้านเท็ดดี้เฮ้าส์ในห้างสรรพสินค้าแล้วแบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 9 สาขา และต่างจังหวัด 6 สาขา ซึ่งกระจายอยู่ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสันเป็นหลัก โดยเป็นร้านของบริษัทเอง 9 แห่ง และของแฟรนไชส์ประมาณ 6 แห่ง โดยมียอดสมาชิกประมาณ 15,000 คนในไทย กลุ่มลูกค้าอายุเฉลี่ย 25-35 ปี
สาขาที่สยามสแควร์นี้ได้นำเสนอคอลเลกชันใหม่ “เทียร่า-เซียร่า คอลเลคชั่น” เป็นการออกแบบโดย แพนเค้กกับเวียร์ รวมกัน แต่ลิขสิทธิ์ชื่อเป็นของบริษัทฯ โดยจะมีการวางจำหน่ายในสาขาอื่นด้วย ซึ่งจะมีทั้งตุ๊กตาหมี เสื้อผ้า อุปกรณ์เสริมอื่นๆ เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น 1,500 ชุด ขายในไทย 500 ชุด ส่งออก 1,000 ชุด มีออเดอร์แล้ว 60%
อีกทั้งมีแผนที่จะแตกธุรกิจออกไปสู่ระบบไลเซนส์ซิ่งด้วย เป็นครั้งแรกของเท็ดดี้เฮ้าส์ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของตัวเองร่วมงานกับเรา โดยการให้ลิขสิทธิ์เท็ดดี้เฮ้าส์ไปใช้ในสินค้า เช่น กลุ่มดิจิตอลมีเดีย สินค้าแฟชั่น เมอร์ชันไดส์ต่างๆ