“จิตตนาถ” แจง “เอเอสทีวี” ยกเลิกจำหน่ายข้าวถุง “ตรามือ” หลังหมดสัญญากับผู้ผลิตรายเดิม เมื่อ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมวางจำหน่ายข้าวสารตรา “รอยัลเชฟ” แทน 15 ธ.ค.เป็นต้นไป และเตรียมวางตลาดข้าวสารอีกแบรนด์ต้นปีหน้า โดยราคาจะใกล้เคียงกับแบรนด์เดิม ยืนยันร้านค้า-เอเยนต์จะไม่ได้รับผลกระทบ
หลังจากที่ “เอเอสทีวี” ได้ประกาศยกเลิกการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ ทั้ง 4 ชนิด ที่ผลิตโดยบริษัท ธัญทิพย์ อันได้แก่ ข้าวขาว 100%, ข้าวหอมทิพย์, ข้าวหอมมะลิ และข้าวกล้องหอมมะลิ ก็ได้ก่อให้เกิดความสับสนแก่ผู้บริโภคและตัวแทนจำหน่ายเป็นอย่างมาก เนื่องจากยังคงพบเห็น ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ วางขายอยู่ในตลาด จึงไม่ทราบว่าทางเอเอสทีวีเลิกจำหน่ายสินค้าดังกล่าวจริงหรือไม่ และนับจากนี้เงินรายได้จากการซื้อ ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ จะยังคงเป็นของเอเอสทีวีตามเจตนารมณ์ของผู้ซื้อหรือเปล่า
ดังนั้น เพื่อไม่เกิดความสับสน นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล CEO เครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ชี้แจงถึงประเด็นปัญหาดังกล่าวอย่างชัดเจนในทุกเรื่องว่า ตอนแรกที่เริ่มโครงการผลิตข้าวสารออกจำหน่ายเพื่อนำรายได้มาช่วยเหลือกิจการของเอเอสทีวีนั้น ทางเอเอสทีวีได้ให้สิทธิ์ผู้ประกอบการเจ้าเดียว คือบริษัท ธัญทิพย์ เป็นผู้ผลิต โดยใช้แบรนด์ ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ แต่ขณะนี้ได้หมดสัญญาลงแล้ว และด้วยเหตุผลบางประการทำให้เอเอสทีวีไม่ได้มีการต่อสัญญา ทางเอเอสทีวีจึงได้ประกาศยกเลิกการผลิตและจำหน่าย ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ นับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2552 เป็นต้นไป และจะร่วมมือกับผู้ประกอบการรายอื่นในการผลิตข้าวสารออกจำหน่ายแทน แต่เนื่องจากสัญลักษณ์ตรามือนั้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท ธัญทิพย์ ทางบริษัท ธัญทิพย์ ซึ่งผลิตข้าวถุงออกจำหน่ายอยู่แล้วจึงยังคงสามารถใช้สัญลักษณ์ตรามือได้ต่อไป แต่จะไม่มีชื่อเอเอสทีวีอยู่ในแบรนด์
ส่วนทางเอเอสทีวีจะร่วมมือกับ บริษัท รักศรีไทยใหม่ ในการผลิตข้าวถุงออกจำหน่าย ภายใต้แบรนด์ ‘เอเอสทีวี รอยัลเชฟ’ โดยจะนำออกวางจำหน่ายช่วงประมาณกลางเดือนธันวาคม 2552 นี้ นอกจากนั้นประมาณเดือนมกราคม 2553 ก็จะมีข้าวจากบริษัทเอเอสทีวีออกมาจำหน่ายอีกแบรนด์หนึ่ง แต่ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดชื่อยี่ห้อ
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนก็ขอให้ผู้ซื้อดูชื่อแบรนด์เป็นหลัก ถ้ามีคำว่า ‘เอเอสทีวี’ อยู่ด้วยก็แสดงว่าเป็นสินค้าของเรา สำหรับในส่วนของตัวแทนจำหน่ายนั้นเราก็ได้มีการทำจดหมายแจ้งไปยังเอเยนต์ร้านค้าต่างๆ ให้รับทราบแล้ว พร้อมทั้งมีการออกสปอตให้ผู้ซื้อทราบว่าข้าวตรามือไม่ได้อยู่ในโครงการของเราต่อไปแล้ว” นายจิตตนาถ กล่าว
อย่างไรก็ดี อาจมี ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ บางส่วนที่ตัวแทนจำหน่ายสั่งซื้อไปตั้งแต่ช่วงก่อน วันที่ 1 ธันวาคม 2552 แต่ยังจำหน่ายไม่หมด ซึ่งในส่วนนี้ก็ยังถือว่าเป็นข้าวของเอเอสทีวีและรายได้จากการจำหน่ายก็ยังคงเป็นรายได้ของเอเอสทีวี
“ทีนี้มันก็มีปัญหาว่าพอเราประกาศว่าจะยกเลิก ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ ในช่วงก่อนหมดสัญญา ผู้ผลิตก็พยายามที่จะระบายข้าวออก โดยการให้เปอร์เซ็นต์ส่วนต่างแก่ร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น บางร้านได้รับจดหมายจากเราแต่อาจจะเกิดความไม่เข้าใจว่าเราได้ยกเลิกสัญญากับบริษัทผู้ผลิตเดิมไปแล้วก็เลยสั่งข้าวเพิ่มขึ้นทำให้เป็นภาระในการระบายข้าวออก แต่พอเราออกโฆษณาไปว่าจะยกเลิกข้าวตรามือ ร้านค้าก็ได้ความเดือดร้อนเพราะสินค้าที่ใช้แบรนด์ ‘เอเอสทีวี ตรามือ’ เนี่ยเขาขายไม่ได้ ส่วนผู้บริโภคก็สับสนว่าทำไมยังมีข้าว‘เอเอสทีวี ตรามือ’ ในตลาดอยู่ ซึ่งตรงนี้ผมก็ขอเรียนกับผู้บริโภคว่าสามารถซื้อได้ เพราะข้าวเอเอสทีวีตรามือที่ร้านค้าสั่งซื้อก่อนวันที่ 1 ธันวาคม ก็ยังอยู่ในโครงการช่วยเหลือเอเอสทีวีอยู่ แต่ต้องสังเกตว่าต้องมีคำว่าเอเอสทีวีอยู่ด้วย ถ้ามีแค่ตรามือ แต่ไม่มีคำว่าเอเอสทีวีก็ไม่ใช่ของโครงการเรา” CEO เครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ระบุ
สำหรับเรื่องราคา การจัดส่ง และตัวแทนจำหน่ายนั้น คุณจิตนาถยืนยันว่า ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง โดยตัวแทนจำหน่ายสามารถสั่งซื้อข้าวถุงของเอเอสทีวี ซึ่งจะใช้ชื่อแบรนด์ใหม่ว่า ‘เอเอสทีวี รอยัลเชฟ’ ในราคาที่ใกล้เคียงกับยี่ห้อเดิม (ขึ้นอยู่กับราคาตลาดของข้าวในขณะนั้น) ส่วนตัวแทนจำหน่ายก็ยังคงได้ส่วนต่างเท่าเดิมคือ 10% ของราคาจำหน่าย ขณะที่บริการด้านการจัดส่งนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม คือยังมีบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงบ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
“ยืนยันว่าตัวแทนจำหน่ายจะไม่ได้รับผลกระทบเพราะถึงจะเปลี่ยนชื่อยี่ห้อก็ยังได้เปอร์เซ็นต์เท่าเดิม ผู้บริโภคก็ไม่ได้รับผลกระทบเพราะราคาก็จะใกล้เคียงกับแบรนด์เดิมและยังคงส่งให้ถึงบ้านเหมือนเดิม ทั้งนี้ หากลูกค้าสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆที่อยู่ภายใต้แบรนด์เอเอสทีวีด้วย สินค้าทั้งหมดก็จะไปส่งในคราวเดียวกัน ไม่ได้แยกส่งเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ สะดวกแก่คนรับมากขึ้น”
นอกจากนั้น ผู้บริหารเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ยังเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้เอเอสทีวีมีสินค้าอุปโภคบริโภคที่ผลิตและจำหน่ายภายใต้แบรนด์เอเอสทีวีถึง 50-60 ชนิดแล้ว ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าเพราะลูกค้าสามารถโทร.สั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิดได้ โดยมีบริการส่งฟรีถึงบ้าน ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่วนผู้ที่มาจับจ่ายซื้อสินค้าที่บ้านเจ้าพระยา สำนักงานเอเอสทีวี ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าหลากหลายชนิดได้ในคราวเดียว
ทั้งนี้สินค้าของเอเอสทีวีโปรดักส์ทุกรายการสามารถสอบถามรายละเอียดและสั่งซื้อได้ที่ ASTV Call center 0-2633-5353 ที่เดียวเท่านั้น
“ตอนนี้เรามีสินค้าอุปโภคบริโภคให้เลือกเยอะมาก ทั้งข้าวสาร ซีอิ๊ว ผงซักฟอก ยาสีฟัน ไปจนกระทั่งทิชชู และก็กำลังทยอยออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงปีใหม่นี้เราจะมีกิฟต์เซตของขวัญ กระเช้าของขวัญออกมาให้ลูกค้าเลือกซื้ออย่างจุใจในราคาที่ไม่แพง ซึ่งเชื่อว่าผู้รับจะประทับใจเพราะได้ของขวัญเป็นสินค้าคุณภาพดีไว้ใช้ นับเป็นการต้อนรับศักราชใหม่ที่สดใสและมีคุณค่า” CEO เครือเอเอสทีวีผู้จัดการ กล่าวตบท้ายถึงโครงการผลิตและจำหน่ายสินค้าของเอเอสทีวีที่กำลังจะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
หลังจากที่ “เอเอสทีวี” ได้ประกาศยกเลิกการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ ทั้ง 4 ชนิด ที่ผลิตโดยบริษัท ธัญทิพย์ อันได้แก่ ข้าวขาว 100%, ข้าวหอมทิพย์, ข้าวหอมมะลิ และข้าวกล้องหอมมะลิ ก็ได้ก่อให้เกิดความสับสนแก่ผู้บริโภคและตัวแทนจำหน่ายเป็นอย่างมาก เนื่องจากยังคงพบเห็น ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ วางขายอยู่ในตลาด จึงไม่ทราบว่าทางเอเอสทีวีเลิกจำหน่ายสินค้าดังกล่าวจริงหรือไม่ และนับจากนี้เงินรายได้จากการซื้อ ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ จะยังคงเป็นของเอเอสทีวีตามเจตนารมณ์ของผู้ซื้อหรือเปล่า
ดังนั้น เพื่อไม่เกิดความสับสน นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล CEO เครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ชี้แจงถึงประเด็นปัญหาดังกล่าวอย่างชัดเจนในทุกเรื่องว่า ตอนแรกที่เริ่มโครงการผลิตข้าวสารออกจำหน่ายเพื่อนำรายได้มาช่วยเหลือกิจการของเอเอสทีวีนั้น ทางเอเอสทีวีได้ให้สิทธิ์ผู้ประกอบการเจ้าเดียว คือบริษัท ธัญทิพย์ เป็นผู้ผลิต โดยใช้แบรนด์ ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ แต่ขณะนี้ได้หมดสัญญาลงแล้ว และด้วยเหตุผลบางประการทำให้เอเอสทีวีไม่ได้มีการต่อสัญญา ทางเอเอสทีวีจึงได้ประกาศยกเลิกการผลิตและจำหน่าย ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ นับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2552 เป็นต้นไป และจะร่วมมือกับผู้ประกอบการรายอื่นในการผลิตข้าวสารออกจำหน่ายแทน แต่เนื่องจากสัญลักษณ์ตรามือนั้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท ธัญทิพย์ ทางบริษัท ธัญทิพย์ ซึ่งผลิตข้าวถุงออกจำหน่ายอยู่แล้วจึงยังคงสามารถใช้สัญลักษณ์ตรามือได้ต่อไป แต่จะไม่มีชื่อเอเอสทีวีอยู่ในแบรนด์
ส่วนทางเอเอสทีวีจะร่วมมือกับ บริษัท รักศรีไทยใหม่ ในการผลิตข้าวถุงออกจำหน่าย ภายใต้แบรนด์ ‘เอเอสทีวี รอยัลเชฟ’ โดยจะนำออกวางจำหน่ายช่วงประมาณกลางเดือนธันวาคม 2552 นี้ นอกจากนั้นประมาณเดือนมกราคม 2553 ก็จะมีข้าวจากบริษัทเอเอสทีวีออกมาจำหน่ายอีกแบรนด์หนึ่ง แต่ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดชื่อยี่ห้อ
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนก็ขอให้ผู้ซื้อดูชื่อแบรนด์เป็นหลัก ถ้ามีคำว่า ‘เอเอสทีวี’ อยู่ด้วยก็แสดงว่าเป็นสินค้าของเรา สำหรับในส่วนของตัวแทนจำหน่ายนั้นเราก็ได้มีการทำจดหมายแจ้งไปยังเอเยนต์ร้านค้าต่างๆ ให้รับทราบแล้ว พร้อมทั้งมีการออกสปอตให้ผู้ซื้อทราบว่าข้าวตรามือไม่ได้อยู่ในโครงการของเราต่อไปแล้ว” นายจิตตนาถ กล่าว
อย่างไรก็ดี อาจมี ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ บางส่วนที่ตัวแทนจำหน่ายสั่งซื้อไปตั้งแต่ช่วงก่อน วันที่ 1 ธันวาคม 2552 แต่ยังจำหน่ายไม่หมด ซึ่งในส่วนนี้ก็ยังถือว่าเป็นข้าวของเอเอสทีวีและรายได้จากการจำหน่ายก็ยังคงเป็นรายได้ของเอเอสทีวี
“ทีนี้มันก็มีปัญหาว่าพอเราประกาศว่าจะยกเลิก ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ ในช่วงก่อนหมดสัญญา ผู้ผลิตก็พยายามที่จะระบายข้าวออก โดยการให้เปอร์เซ็นต์ส่วนต่างแก่ร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น บางร้านได้รับจดหมายจากเราแต่อาจจะเกิดความไม่เข้าใจว่าเราได้ยกเลิกสัญญากับบริษัทผู้ผลิตเดิมไปแล้วก็เลยสั่งข้าวเพิ่มขึ้นทำให้เป็นภาระในการระบายข้าวออก แต่พอเราออกโฆษณาไปว่าจะยกเลิกข้าวตรามือ ร้านค้าก็ได้ความเดือดร้อนเพราะสินค้าที่ใช้แบรนด์ ‘เอเอสทีวี ตรามือ’ เนี่ยเขาขายไม่ได้ ส่วนผู้บริโภคก็สับสนว่าทำไมยังมีข้าว‘เอเอสทีวี ตรามือ’ ในตลาดอยู่ ซึ่งตรงนี้ผมก็ขอเรียนกับผู้บริโภคว่าสามารถซื้อได้ เพราะข้าวเอเอสทีวีตรามือที่ร้านค้าสั่งซื้อก่อนวันที่ 1 ธันวาคม ก็ยังอยู่ในโครงการช่วยเหลือเอเอสทีวีอยู่ แต่ต้องสังเกตว่าต้องมีคำว่าเอเอสทีวีอยู่ด้วย ถ้ามีแค่ตรามือ แต่ไม่มีคำว่าเอเอสทีวีก็ไม่ใช่ของโครงการเรา” CEO เครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ระบุ
สำหรับเรื่องราคา การจัดส่ง และตัวแทนจำหน่ายนั้น คุณจิตนาถยืนยันว่า ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง โดยตัวแทนจำหน่ายสามารถสั่งซื้อข้าวถุงของเอเอสทีวี ซึ่งจะใช้ชื่อแบรนด์ใหม่ว่า ‘เอเอสทีวี รอยัลเชฟ’ ในราคาที่ใกล้เคียงกับยี่ห้อเดิม (ขึ้นอยู่กับราคาตลาดของข้าวในขณะนั้น) ส่วนตัวแทนจำหน่ายก็ยังคงได้ส่วนต่างเท่าเดิมคือ 10% ของราคาจำหน่าย ขณะที่บริการด้านการจัดส่งนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม คือยังมีบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงบ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
“ยืนยันว่าตัวแทนจำหน่ายจะไม่ได้รับผลกระทบเพราะถึงจะเปลี่ยนชื่อยี่ห้อก็ยังได้เปอร์เซ็นต์เท่าเดิม ผู้บริโภคก็ไม่ได้รับผลกระทบเพราะราคาก็จะใกล้เคียงกับแบรนด์เดิมและยังคงส่งให้ถึงบ้านเหมือนเดิม ทั้งนี้ หากลูกค้าสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆที่อยู่ภายใต้แบรนด์เอเอสทีวีด้วย สินค้าทั้งหมดก็จะไปส่งในคราวเดียวกัน ไม่ได้แยกส่งเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ สะดวกแก่คนรับมากขึ้น”
นอกจากนั้น ผู้บริหารเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ยังเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้เอเอสทีวีมีสินค้าอุปโภคบริโภคที่ผลิตและจำหน่ายภายใต้แบรนด์เอเอสทีวีถึง 50-60 ชนิดแล้ว ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าเพราะลูกค้าสามารถโทร.สั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิดได้ โดยมีบริการส่งฟรีถึงบ้าน ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่วนผู้ที่มาจับจ่ายซื้อสินค้าที่บ้านเจ้าพระยา สำนักงานเอเอสทีวี ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าหลากหลายชนิดได้ในคราวเดียว
ทั้งนี้สินค้าของเอเอสทีวีโปรดักส์ทุกรายการสามารถสอบถามรายละเอียดและสั่งซื้อได้ที่ ASTV Call center 0-2633-5353 ที่เดียวเท่านั้น
“ตอนนี้เรามีสินค้าอุปโภคบริโภคให้เลือกเยอะมาก ทั้งข้าวสาร ซีอิ๊ว ผงซักฟอก ยาสีฟัน ไปจนกระทั่งทิชชู และก็กำลังทยอยออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงปีใหม่นี้เราจะมีกิฟต์เซตของขวัญ กระเช้าของขวัญออกมาให้ลูกค้าเลือกซื้ออย่างจุใจในราคาที่ไม่แพง ซึ่งเชื่อว่าผู้รับจะประทับใจเพราะได้ของขวัญเป็นสินค้าคุณภาพดีไว้ใช้ นับเป็นการต้อนรับศักราชใหม่ที่สดใสและมีคุณค่า” CEO เครือเอเอสทีวีผู้จัดการ กล่าวตบท้ายถึงโครงการผลิตและจำหน่ายสินค้าของเอเอสทีวีที่กำลังจะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้