xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ “จิตตนาถ”พร้อมสานเจตนารมณ์"สนธิ"นำ"ASTV-ผู้จัดการ"ยืนเคียงข้างประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ผู้สืบทอดเจตนารมณ์สื่อในเครือ ASTV-ผู้จัดการ








คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ "แอน จินดารัตน์"

รายการ “แอน จินดารัตน์” ดำเนินรายการโดย นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ออกอากาศทาง ASTV เวลา 20.30-22.00 น. วันจันทร์ที่ 16 พ.ย.2552 ได้รับเกียรติจาก นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือ ASTVผู้จัดการ มากล่าวเปิดใจกับภาระกิจที่ได้รับมอบหมายดูแลกิจการในเครือ ASTV ทั้งหมด ต่อจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล 

คำต่อคำ "จิตตนาถ ลิ้มทองกุล"เปิดใจผ่านรายการ"แอน จินดารัตน์"

จินดารัตน์ - กลับมาช่วงนี้อย่างที่เรียนคุณผู้ชมไปแล้วว่าเราจะมาเปิดใจทายาทคนเดียวของ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล คุณจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASTV ผู้จัดการ ค่ะ สวัสดีค่ะคุณจิตตนาถคะ

จิตตนาถ - ครับ

จินดารัตน์ - ต้องขออภัยจริงๆ วันพุธที่ผ่านมาคุยกันสั้นจริงๆ นะคะ หลายคนอึดอัด หงุดหงิด

จิตตนาถ - อยากได้ความจริง

จินดารัตน์ - ใช่อยากได้ความจริง

จิตตนาถ - เดี๋ยวโปรดิวเซอร์ต้องโดนจัดการงานนี้มาตัดผมไปหมดเลย

จินดารัตน์ - งั้นไม่เป็นไร แอนให้แก้ตัววันนี้ แก้ตัวแทนน้องๆ โปรดิวเซอร์ด้วย วันนี้อยากคุยกับคุณปั๊บ หลายคนกำลังรู้สึกว่า อยากรู้ว่าคุณปั๊บรู้สึกอย่างไร คุณจิตตนาถรู้สึกอย่างไรว่า เป็นทายาทคนเดียวของคุณสนธิ รับภาระแบบนี้ ขายของก็อีก ต้องทำให้ ASTV อยู่รอด เอาทีละเรื่องก็แล้วกันนะคะ

จิตตนาถ - ดีครับ ดีครับ

จินดารัตน์ - วันนี้คุณจิตตนาถรับผิดชอบหน้าที่อะไร อย่างไรบ้าง

จิตตนาถ - หน้าที่ของผมก็คือ ดูแลธุรกิจในเครือ ASTVผู้จัดการ ทั้งหมด

จินดารัตน์ - ทั้งหมดเลย ทั้งสิ่งพิมพ์ ทีวี

จิตตนาถ - ครับ

จินดารัตน์ - นิตยสาร หมดเลย

จิตตนาถ - หมดเลยครับ รวมทั้ง ASTV โปรดักส์ด้วย แล้วก็บริษัทไทยเดย์ ด็อทคอม ด้วย คือพูดง่ายๆ ว่า อะไรที่เป็นธุรกิจของคุณสนธิดูแลหมดเลยตอนนี้ เต็มตัว

จินดารัตน์ - เต็มตัว เต็มเหนี่ยว

จิตตนาถ - ใช่ๆ ทั้งธุรกิจด้วย ทั้งในเรื่องของเนื้อหาด้วย แล้วก็เรื่องของบุคลากร การเงิน ทุกอย่าง

จินดารัตน์ - จริงๆ คุณจิตตนาถเตรียมตัวเตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าวันนึงจะต้องมาถึงแน่ๆ

จิตตนาถ - ครับ คิดว่าคงจะเป็นอย่างนั้น

จินดารัตน์ - แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้หรือเปล่าคะ

จิตตนาถ - ไม่ครับ จริงๆ ผมเป็น CEO ของ ผมเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของผู้จัดการ มาตั้งหลายปีแล้วตั้ง 5-6 ปีแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ทำหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่เป็น"ผู้จัดการเปลี่ยนไป" ผมเข้ามารับตำแหน่งนี้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่างานบางอย่างยังไม่โอนเข้ามาเต็มตัวเพราะว่า เนื่องจากตอนนั้นมีบุคลากรหลายๆ อย่าง แต่หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนก็ค่อยๆ เต็มตัวมากขึ้น

จินดารัตน์ - ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายนัก เพียงแต่มากขึ้นนิดหน่อย แล้วก็จะต้องรับผิดชอบเต็มๆ เลย

จิตตนาถ - ใช่

จินดารัตน์ - เอาเรื่องสินค้าก่อน ASTV โปรดักส์ ตอนนี้มีสินค้าทั้งหมดกี่ชนิดแล้วคะ

จิตตนาถ - สินค้าทั้งหมดตอนนี้น่าจะประมาณ 50 กว่าชนิดแล้วครับ

จินดารัตน์ - 50 กว่าชนิด ใช้เวลากี่เดือนมาแล้วคะที่เราเริ่ม

จิตตนาถ - เริ่มตั้งแต่เดือน น่าจะ มี.ค.นะครับ

จินดารัตน์ - ไม่กี่เดือนเองนะคะ

จิตตนาถ - ใช่ครับ

จินดารัตน์ - 50 กว่าชนิด แล้วผู้ประกอบการส่วนใหญ่ เจ้าของสินค้าก็คือพันธมิตรฯ รึเปล่า จำเป็นต้องเป็นพันธมิตรไหม

จิตตนาถ - ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพันธมิตรฯ หรือไม่ก็เป็นคนที่ คือมีทั้งพันธมิตรฯ ที่แสดงออก แล้วก็เป็นพันธมิตรฯ ที่ไม่แสดงออก

จินดารัตน์ - รักนะแต่ไม่แสดงออก

จิตตนาถ - ใช่ เพราะคนที่เป็นพันธมิตรฯ หลายๆ คนไม่กล้าที่จะแสดงตัวก็มีครับ แต่ส่วนใหญ่ พูดง่ายๆ ว่าคนที่มาทำกับเราต้องมีใจให้กับเราอยู่แล้วไม่อย่างนั้นไม่กล้าเสี่ยงที่จะเข้ามา

จินดารัตน์ - เพราะถ้ามาคือเปิดตัวอย่างชัดเจน

จิตตนาถ - ใช่

จินดารัตน์ - อย่างน้ำปลา ซอสหอยนางรม พวกซอสทั้งหลายนี่เพิ่งมาทีหลังใช่ไหมคะ

จิตตนาถ - ครับ

จินดารัตน์ - สินค้าชนิดแรกคือ ข้าว

จิตตนาถ - ใช่ครับ

จินดารัตน์ - วันนี้ข้าวยอดขายเป็นอย่างไรบ้าง

จิตตนาถ - ข้าวนี่นะครับ ยอดขายถือว่าเป็นอันดับ 1

จินดารัตน์ - สินค้าทั้งหมด 50 กว่าชนิด

จิตตนาถ - อันดับ 1 ของสินค้าทั้งหมด เดือนนึงโดยเฉลี่ยแล้วผมคิดว่าน่าจะอยู่ คือรวมข้าวทุกประเภทนะครับ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 7.8 หมื่นถุง

จินดารัตน์ - ต่อเดือนหรอคะ

จิตตนาถ - ต่อเดือนครับ

จินดารัตน์ - อู้หู!! เคยคุยกับบรรดาผู้ส่งข้าวตามห้าง หรือว่ารายย่อยอื่นๆ ไหมคะว่า ยอดขนาดนี้ฟังแล้วน่าตกใจไหม

จิตตนาถ - เขาตกใจกันหมดครับ

จินดารัตน์ - มีคนบ่นเรื่องราคาไหมคะ

จิตตนาถ - ราคามีบ้างครับ อันนี้พูดถึงข้าวก่อนนะครับ จริงๆ แล้วมีราคาหลายระดับ ซึ่งผู้ผลิตเอง อย่างข้าวตรามือ เขาก็เล่นราคาสำหรับผู้บริโภคหลายๆ ระดับ เช่นเดียวกัน ฉะนั้น บางคนไม่เข้าใจ บางคนมองว่าของเป็นราคาเดียว มาตรฐานเดียวกันหมด จริงๆ ไม่ใช่ ก็แล้วแต่คุณไปเดินโลตัส ไปเดินเซ็นทรัล ของก็มีหลายเกรด เช่นเดียวกันครับ

จินดารัตน์ - ก็ตามราคานะคะ อย่างข้าวแพงที่สุดก็คือ เห็นจะเป็นข้าววิถีไทย

จิตตนาถ - ใช่ครับ

จินดารัตน์ - ที่เป็นข้าวเกษตรอินทรีย์แท้ๆ 100%

จิตตนาถ - ใช่ครับ อันนี้ไม่มีที่ไหนขายมาก่อน ไม่มีห้างไหน ไม่มีที่ไหนขายมาก่อน เรามองว่า เราอยากให้ ASTV ถ้าจะมีสินค้าที่ดี ก็ต้องมีสินค้าที่ดีที่สุดด้วย คุณจ่ายแพงกว่าอีกนิดนึง 70-80 บาทต่อ 5 กิโลกรัม แต่คุณได้ข้าวที่เป็นข้าวหอมที่ไม่มีการปนเลยจริงๆ เพราะว่า วิถีไทย เท่าที่ผมคุยกับเจ้าของ เขาส่งไปตรวจที่แล็บตลอด เจ้าอื่นจะอ้างว่าปนบ้างไม่ปนบ้าง เราบอกตรงๆ ว่า มันคงตรวจไม่ได้ แม้แต่ในเทสโก้โลตัสเองก็ตรวจไม่ได้ แต่วิถีไทยเขามีผลแล็บ เขาส่งแล็บตลอด มีค่าใช้จ่ายตรงนี้ตลอด นอกจากนี้ยังไปซื้อจากฟาร์มที่ทำเกษตรอินทรีย์ 100% จริงๆ

จินดารัตน์ - ไม่มีสารตกค้างแน่นอน

จิตตนาถ - ไม่มีเลยครับ

จินดารัตน์ - คือถ้าบ้านไหน แอนได้ยินมานะคะว่า บ้านไหนมีลูกเล็กเขายอมลงทุนซื้อข้าววิถีไทยไปกิน เพราะลูกเขา เขาเชื่อมั่นว่าจะไม่มีสารพิษตกค้าง

จิตตนาถ - เป็นเจ้าเดียวที่ทำเป็นเรื่องเป็นราวในเมืองไทยเลยก็ว่าได้

จินดารัตน์ - เหมือนที่พี่เพชรบอก ถุงข้าวสวยมาก

จิตตนาถ - ใช่

จินดารัตน์ - สวยมากจริงๆ นะคะ คือต้องบอกว่าซื้อเป็นของขวัญปีใหม่ยังน่าซื้อให้เลย จากข้าว มาสินค้าตัวไหนที่ขายดิบขายดีอีก รองลงมา

จิตตนาถ - รองลงมานะครับ ใกล้เคียงกันแล้วก็ผมคิดว่าอีกหน่อยจะแซงข้าว ก็คือ ปุ๋ยลุงจำลอง

จินดารัตน์ - อ๋อ ยอดขายกระฉูด

จิตตนาถ - ใช่ กระฉูดจริงๆ เขาเรียกว่า คุณสนธิบอกว่า คนบอกว่าใช้แล้วดินดีขึ้น พันธมิตรฯ มาบอกกัน ใช้แล้วดินดีขึ้น เพราะว่าลุงจำลอง ก็คือโรงงาน ธรรมดาโรงงานปุ๋ยที่มีปัญหา ก็คือว่า ผู้ผลิตหลายรายพอไปดิวกับโรงงานได้สูตรไปแล้วสักพักโรงงานปุ๋ยมักจะทำของปลอมขึ้นมา หรือมีผสมอะไรขึ้นมามันเลยไม่ได้ผลจริง แต่ลุงจำลองท่านเอาชาวอโศกของท่าน กองทัพธรรมของท่าน ใช้คำว่า กองทัพธรรมดีกว่า ไปนอนเฝ้าเลย ไปดูเลย ฉะนั้นของลุงจำลองรับรองว่าไม่มีปลอม แล้วทำให้ผลผลิตดีขึ้น เลยเป็นคำขวัญว่า ปุ๋ยขวัญดิน เป็นปุ๋ยซ่อมแผ่นดิน นึกดูซิครับว่า ภาคการเกษตรของไทยกินปริมาณเท่าไหร่ ปริมาณการใช้ปุ๋ย ปุ๋ยก็ราคาไม่ได้แพงอะไร ไปเอาจากโรงงานก็ตัดค่านายหน้าไปตั้งเยอะ ทำให้ปุ๋ยค่อยๆ กระจายไปเรื่อยๆ บอกต่อปากต่อปาก จนกระทั่งหลายคนบอกว่า ถ้าอย่างนั้นช่วยทำเป็นปุ๋ยขนาดเล็ก ขนาด 5 กิโลกรัมได้ไหม บางคนอยู่คอนโด อยู่ในเมือง

จินดารัตน์ - ไปใช้ตามบ้าน

จิตตนาถ - ก็เลยเป็นที่มาของปุ๋ยขวัญดิน ถุงละ 5 กิโล ปุ๋ยลุงจำลอง ขายได้ รู้สึกว่าล่าสุดประมาณ 20 กว่าล้านบาทต่อเดือน

จินดารัตน์ - ต่อเดือนหรอคะ นี่ขายมาไม่กี่เดือนเองนะคะ

จิตตนาถ - ใช่ครับ

จินดารัตน์ - มิน่าคุณลุงมาอวดใหญ่เลย คุณลุงบอกว่า คือเคยมีคนถามแอนว่า แล้วเชื่อใจได้ยังไงว่า ลุงจะไปรู้ได้ยังไงว่าปนหรือไม่ปน แอนก็เลยตอบไปอย่างนี้ไม่รู้ถูกหรือเปล่านะ แอนบอกว่า เชื่อใจคุณลุงไหมล่ะ ถ้าเชื่อใจคุณลุงก็ต้องเชื่อปุ๋ยคุณลุงด้วย

จิตตนาถ - ถูกครับ คุณลุงเอากองทัพธรรมไปนอนเฝ้าเลยครับ ใครกล้าปลอมก็ให้มันรู้ไป

จินดารัตน์ - คุณจิตตนาถคะ มีเกษตรกรรายนึงมาคุยกับแอน เขาบอกว่า เขาซื้อปุ๋ยคุณลุงจำลอง ไม่เพียงแต่ต้นไม้เขาสวย เขามีความรู้สึกว่าตัวเขาเองได้ช่วยแผ่นดินด้วย

จิตตนาถ - ใช่ครับ

จินดารัตน์ - หลายคนคิดอย่างนั้น

จิตตนาถ - ทำให้ดินที่เสื่อมจากสารเคมีมันฟื้นฟูขึ้นมา ถึงบอกเป็นปุ๋ยซ่อมแผ่นดินไงครับ

จินดารัตน์ - แต่ราคาไม่ได้แพงกว่าท้องตลาดทั่วไปใช่ไหมคะ

จิตตนาถ - ไม่แพงเลยครับ ใช่ครับ

จินดารัตน์ - ยอดขาย 20 ล้าน คุณลุงและคุณจิตตนาถตั้งเป้าเอาไว้มากกว่านี้ไหมแต่ละเดือนต่อไปในอนาคตข้างหน้า

จิตตนาถ - ผมคิดว่าโอกาสการขยายตัวน่าจะเป็นไปได้ครับ เพราะว่ามันปากต่อปาก ไม่ต้องอะไรครับ อันนี้ก็เป็นอีก 1 ผลิตภัณฑ์ที่ทั้งเสื้อแดง เสื้ออะไรก็เอาไปใช้กัน ตามต่างจังหวัดเขาก็มารับจากเราไปใช้ เพราะมันใช้ได้จริง เป็นตัวเชื่อมที่ทำให้คนได้เห็นว่า ASTV เวลาเขาทำของ พันธมิตรฯ เวลาเขาทำของ เขาทำของดีๆ ให้คนใช้ เขาไม่ได้ทำของมามอมเมาคน ทำให้ทัศนคติของคนตามต่างจังหวัดเริ่มเข้าใจเรา เริ่มมองเราดี

จินดารัตน์ - ถอดเสื้อแดงไว้สักพักนึง แต่มาซื้อปุ๋ยดีๆ ไปใช้ก่อน

จิตตนาถ - ก็อาจจะเสื้อแดงแต่ฉันจะใช้ปุ๋ยแก ปุ๋ยแกดี อันนี้คนไม่ดีจะให้บริการที่ดีได้หรอ

จินดารัตน์ - จากปุ๋ย มีสินค้าตัวอื่นๆ ทั้งอุปโภคบริโภค มีแชมพู ครีมนวด เจลล้างมือ ยาสีฟัน สบู่ สบู่เราคุยกันเมื่อวันพุธ สบู่พรรณงาม ยอดกระฉูดอีกเหมือนกัน

จิตตนาถ - ยอดกระฉูดอีกครับ

จินดารัตน์ - คุณจิตตนาถก็ใช้ใช่ไหมคะ

จิตตนาถ - ใช้ครับ ใช้แล้วติดเลยครับ เพราะตั้งแต่ล้างหน้ายันตัวได้ดีมากๆ

จินดารัตน์ - หลังจากวันพุธนั้น แอนก็รับอาสามาซื้อให้คนแถวบ้านเยอะเลยคะ

จิตตนาถ - สังเกต อย่างแชมพู ครีมนวด หรือว่าครีมอาบน้ำ จะทำมาจากข้าวนิล อันนี้เป็นผลิตภัณฑ์จากข้าว เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากภาคการเกษตรของเรา สบู่ก็เป็นสบู่สมุนไพร ยาสีฟัน อย่างกรีนเซเว่น ก็เป็นยาสีฟันสมุนไพร ทุกอย่าง

จินดารัตน์ - ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม

จิตตนาถ - ใช่ มาจากภูมิปัญญาไทย

จินดารัตน์ - ทุกอย่างเน้นเลย

จิตตนาถ - ครับ อันนึงคือมาจากภูมิปัญญาไทย และเป็นผลิตผลของไทย กับอันที่สอง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

จินดารัตน์ - สินค้า ASTV แสดงว่า จุดเด่น หรือคอนเซปต์ของสินค้า หลักๆ คืออะไรคะ

จิตตนาถ - เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เอาเป็นว่า คุณภาพเหมือนกับสินค้าขายตรง แต่สามารถซื้อได้ทั่วไป ราคาโดยเฉลี่ยแล้วเท่ากับซื้อตามเทสโก้โลตัส ในสินค้าที่ไม่ได้โปรโมชั่น เพราะว่าต้นทุนการผลิตเราสูงกว่า อันที่สองคือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างกระดาษทิชชู คนก็นึกว่า กระดาษทิชชูของเราเหมือนชาวบ้านเขา จริงๆ ไม่ใช่ครับ กระดาษทิชชูเราไม่มีสารเรืองแสง

จินดารัตน์ - กระดาษทิชชูทั่วไปเขาจะใส่สารเรืองแสงเพื่อให้มันขาว

จิตตนาถ - ใช่

จินดารัตน์ - ซึ่งเป็นสารอันตรายนะคะ สารฟอกขาว

จิตตนาถ - ครับ อย่างน้อยก็สบายใจได้ว่าก้นคุณไม่เป็นมะเร็ง

จินดารัตน์ - ยอดขายโดยรวมทั้งหมดสินค้า ASTV ตกเดือนนึงขายได้เท่าไหร่

จิตตนาถ - เดือนนึงขายได้เท่าไหร่ใช่ไหมครับ ผมว่ารวมๆ เดือนนึงตอนนี้ได้ประมาณ 20-30 ล้าน

จินดารัตน์ - อู้ฮู!!

จิตตนาถ - ถึงนะครับ แต่อย่าลืมมันก็ต้องหักค่าใช้จ่าย นี่คือยอดขายอย่างเดียว

จินดารัตน์ - ยอดขายแต่ยังไม่ได้หักค่าต้นทุน

จิตตนาถ - ยังไม่ได้รวมว่ารายได้ถึง ASTV เท่าไหร่

จินดารัตน์ - แต่ยังไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ASTV ไม่สามารถนำรายได้จากตรงนี้ล้วนๆ ไปบริหาร ASTV ให้อยู่ได้ใช่ไหมคะ

จิตตนาถ - ขณะนี้ถือว่าเรื่องการเงินของ ASTV ดีขึ้น คือพนักงานอาจไม่ถึงขนาด อย่างผม ผมอาจจะไม่ต้องรอขนาด 3 เดือนเงินออกที ผมอาจจะรอสักประมาณ เดือนนึงหรือครึ่งเดือนเงินออกที

จินดารัตน์ - มิน่า เดือนที่แล้วเข้าต้นเดือน ตกใจค่ะ ปกติเข้าวันที่ 20 ตกใจทุกครั้ง

จิตตนาถ - ใช่ครับ แต่ถามว่าสามารถคัฟเวอร์ได้หรือยัง เรียนตรงๆ ว่า ยังไม่ได้คัฟเวอร์หมด แต่ถามว่าในอนาคตถ้าเกิดว่ามันเป็นไปตามที่มันเป็นอยู่ ขยายตัวในอัตรานี้อยู่ แล้วดี ผมเชื่อว่าน่าจะดี น่าจะคัฟเวอร์ได้หมดและน่าจะมีกำไรที่เอาไปทำอะไรได้อีกหลายอย่าง

จินดารัตน์ - คือถ้าแฟนๆ รายการหรือคนดู ASTV ยังสนับสนุนแบบนี้อยู่

จิตตนาถ - ใช่ครับ

จินดารัตน์ - หลายคนก็ดีนะคะ หลายคนก็บอกว่า เออดีกว่า ซื้อสินค้ายังได้สินค้า ดีกว่าหยอดเงินตู้บริจาค เพราะเราเองก็ไม่สบายใจที่ต้องมารับเงินบริจาคแบบนั้น เพราะคุณได้สินค้าดีๆ ไปใช้ ส่วนต่างกำไร

จิตตนาถ - การที่เราทำโมเดลสินค้า ASTV ขึ้นมา คุณสนธิบอกเอง ผมก็เห็นด้วยกับท่านว่า นี่คือประวัติศาสตร์ครั้งแรกในโลก ในโลกนี้เลย ว่าสื่อมวลชนทำสินค้าออกจำหน่ายแล้วได้รับการตอบรับจากประชาชนที่มีศรัทธาขึ้นมา เพราะเขาศรัทธาอยากให้เราเป็นสื่อที่ดีแบบนี้ อยู่ด้วยตัวเองได้ เพราะฉะนั้นการที่คนคิดดีทำดี กับคนที่อยากช่วยเหลือ คิดดีทำดี มันก็เลย อานิสงส์เลยทำให้เกิด Benefit ทั้งสองฝ่ายขึ้นมา ผมจะเล่าให้ฟังแล้วกันว่า ยังไงบ้าง อย่างเช่น ผู้ประกอบการมีหลายเจ้าที่เขาเป็นสูตรดั้งเดิมของครอบครัว เขาทำสินค้าเล็กๆ น้อยๆ อยากจะขายบนห้าง อย่างเทสโก้โลตัสบ้าง ตามห้างเซ็นทรัลอะไรบ้าง ปรากฏว่า ร้านโมเดิร์นเทรดพวกนี้ไม่รับเขา เนื่องจากว่าเขาไม่ใช่ผลิตภัณฑ์จากยูนิรีเวอร์ เขาไม่พร้อม หรือแม้กระทั่งเซเว่นอีเลฟเว่น เขาไม่พร้อมจะจ่ายค่าวางตามเชล์ฟ น่าตลกไหมครับ คนผลิตสินค้ามาคุณเอากำไรเขาไปแล้วคุณไปเก็บค่าวางเขาอีก เขาก็ไม่สามารถจะตั้งตัวได้

จินดารัตน์ - แล้วค่าวางแต่ละชั้นไม่เท่ากันด้วยนะคะ แพงต่างกันอีก

จิตตนาถ - ใช่ ฉะนั้นพอเขามาทำกับเรา เรากระจายสินค้าแล้วเขาประสบความสำเร็จ สูตรที่อยู่ตั้งแต่ปู่ ย่า ตา ยาย หรือสูตรที่เป็นวิชาเฉพาะของเขา มันสามารถเมคมันนี่ให้ตัวเขาได้ ธุรกิจกลาง คนขนาดเล็กที่มีวิชาชีพ มีมันสมอง สามารถอยู่ได้ตรงนี้ อันที่สอง คือว่า ธุรกิจบางคน เจ้าของสินค้า ใช้คำว่าโรงงานดีกว่า พอผลิตสินค้าเข้าเทสโก้โลตัสได้แล้ว สินค้าเกิดขายดี คุณภาพดี โดนเทสโก้โลตัสบอกว่า ต่อไปนี้ คุณไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่ๆ อย่างยูนิรีเวอร์ คุณต้องผลิตแบรนด์ให้ผมใช้แบรนด์ว่าเทสโก้โลตัส

จินดารัตน์ - ผลิตสินค้ามาแล้วใช้ตราเทสโก้โลตัส

จิตตนาถ - ใช่ ไม่มีแบรนด์ของคุณเอง โดนบังคับเลย แล้วต้องส่งในราคาโรงงาน อาจจะกำไรอันนึงนิดๆ หน่อยๆ แทบจะไม่เหลือเลยด้วยซ้ำ ที่แย่กว่านั้นคือว่า กว่าเทสโก้โลตัสจะจ่ายเงิน ต้องรอถึง 6 เดือน

จินดารัตน์ - 6 เดือนหรอคะ

จิตตนาถ - 6 เดือนครับ ใครคิดว่าเจ้าของโรงงานสบู่ โรงงานน้ำปลารวย ไม่จริงนะครับ โดนเทสโก้โลตัสทำอย่างนี้หมดเลย ก็อยู่ไม่ได้ พอมาค้าขายกับเรา เราเคลียร์เงินทุก 15 วัน ขายได้เท่าไหร่เรารู้ยอดจากคอลเซ็นเตอร์เลย

จินดารัตน์ - รับเงินสดไปเลย

จิตตนาถ - คุณก็รับเงินสดไปเลย

จินดารัตน์ - เขาได้กลับไปพัฒนาสินค้า ไปทำให้สินค้าเขาแตกแบรนด์หรือดีขึ้น นี่เป็นการสร้างผู้ผลิต

จิตตนาถ - ใช่

จินดารัตน์ - สร้าง SMEs รายใหม่

จิตตนาถ - ใช่ สามคืออะไรครับ สามคือว่า ร้านโชห่วยเขาอยู่ได้ เพราะร้านโชห่วยจะสู้โมเดิร์นเทรด จะสู้เซเว่นอีเลฟเว่น ให้คุณปรับปรุงยังไง ปรับปรุงร้านให้แอร์เย็น ปรับปรุงร้านให้ยังไงคุณก็สู้เขาไม่ได้เพราะตราบใดที่ผลิตภัณฑ์ในร้านคุณยังเหมือนเขาอยู่ ทุนเขาใหญ่กว่าคุณก็สู้เขาไม่ได้ ตรงนี้สินค้า ASTV เป็นสินค้าที่มีความแตกต่างมากกว่าสินค้าจากร้านโมเดิร์นเทรดทั่วไป เราเป็นสินค้าที่เรียนตอนแรก คือเกรดพรีเมี่ยม มีหลายอย่าง แต่อย่างน้อยสินค้าเกรดพรีเมี่ยมมี เราแบ่งสินค้าด้วยกันประมาณ 4-5 หมวด จะได้เข้าใจชัดเจน หมวดแรกคือ สินค้าอุปโภคบริโภค ที่ซื้อได้ทั่วไป เรียกว่า คอนซูเมอร์โปรดักส์ หมวดที่ 2 เรียกว่า สินค้าเวชภัณฑ์ เวชสำอางค์ หรือฟามาซูติเคิลโปรดักซ์ หมวดที่ 3 สินค้า เรียกว่า สเปเชียลโปรดักส์ หรือว่าออแกนิกซ์ คือสินค้าอินทรีย์ปลอดสารพิษ อย่างเช่น ข้าว อย่างที่ 4 คือ สินค้ามัลติมีเดีย คือ SMS ของ ASTV ซีดีวงแฮมเมอร์ เป็นมัลติมีเดีย และอย่างที่ 5 เรื่องของเซอร์วิส เช่น ประกันภัย ประกันวินาศภัย ซึ่งตอนนี้สามารถทำกับเราได้ แล้วอย่างที่ 6 ที่กำลังจะตามมาคือเรื่องของ เทคโนโลยี เราอาจจะมีเน็ตบุ๊ค หรือโน้ตบุ๊คของ ASTV หรือโทรศัพท์ที่ดูทีวีได้ ผลิตโดยคนไทย ตามออกมาเร็วๆ นี้ อย่างที่ 7 ที่เรากำลังจะทำออกมา ก็คือเรื่องของ ASTV Shopping Channel คือเป็นช่องที่ช่วยผู้ประกอบการขนาดกลาง หรือคนที่มีนวัตกรรมดีๆ ออกมาแสดงนวัตกรรม แล้วส่งตรงถึงบ้าน

จินดารัตน์ - ขายสินค้าเลย ขายตรงอย่างนั้นเลย คล้ายๆ กับช็อปปิ้งโฮม แอดโฮม ทีวีไดเร็ก อย่างนั้นเลย

จิตตนาถ - ใช่ แล้วอย่างที่ 8 เป็นเพอร์ซันแนลเอเจนต์ ลักษณะขายตรง ลักษณะขายแอมเวย์ตรงนั้นเอง แต่ว่าอาจจะซีเล็กทีฟสินค้าบางประเภทด้วยเงินลงทุนที่ไม่มากนักมาซื้อสินค้ากับเรา แล้วเติมสินค้ากับเราด้วยเงินลงทุนที่ไม่มากนัก แทนที่คุณจะต้องเสียหลายเรเวลผ่านแอมเวย์ ทุกคนสามารถซื้อผ่านเราได้ คุณสามารถทำตลาดได้ ผลกำไรตอบแทนสินค้าบางประเภทอาจมีให้กับผู้ที่นำไปขาย ถึง 20-30% เขาสามารถตั้งตัวได้

จินดารัตน์ - อันนี้เมื่อไหร่คะ

จิตตนาถ - สินค้าบางประเภทเริ่มเอาไปทำแล้ว เรารอสินค้าเพิ่มอีกประมาณ 4-5 อย่าง ไม่น่าจะเกิน ม.ค.เราจะเปิดรับสมัครตรงนี้เลย พูดง่ายๆ ว่า Channel การขายของ ASTV ทำให้เศรษฐกิจไทยอยู่ได้จริงๆ ร้านโชห่วยก็ไม่ตาย กลับมาถึงร้านโชห่วย เห็นเลยว่า ถ้าเราดูจากการขยายตัวปัจจุบันเรามีเอเย่นต์ร้านค้ามากกว่า 500 ร้านทั่วประเทศ

จินดารัตน์ - เป็นตัวแทนโดยตรงเลย ขึ้นป้าย ASTV เลยว่าขายสินค้า ASTV 500 กว่าร้านทั่วประเทศ มีครบทุกจังหวัดหรือยังคะ

จิตตนาถ - น่าจะครบแล้วนะครับ ที่น่าตกใจคือว่า เรากำลังสร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นไทยเข้มแข็งขึ้นมาให้รัฐบาลดู เป็นตัวอย่างจริงๆ เช่น พันธมิตรฯ บุรีรัมย์ เขาขายหุ้นร้าน ลงขันกัน 2 แสน

จินดารัตน์ - เปิดร้านใหม่เลย

จิตตนาถ - เปิดร้านใหม่เลย

จินดารัตน์ - เป็น Shop ASTV

จิตตนาถ - ใช่ครับ แล้วนี่แหละไปเปิด Shop ASTV ลงหุ้นกัน พันธมิตรฯ ที่ขอนแก่นตั้งเป็นสหกรณ์ขึ้น

จินดารัตน์ - บางทีข่าวคราวไม่ค่อยได้รับทราบกันนะคะว่ามีวิธีการแบบนี้ อ่านในเว็บ Manager จะเห็น เราจะเห็นว่ามีโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่เริ่มจากเรา ทำให้คนชั้นกลาง หรือไม่ต้องชั้นกลาง คนที่เป็นรากหญ้า รากแก้วเขาอยู่ได้ เขาผลิตข้าว สมุนไพรมาให้เรา เขาก็อยู่ได้ เขาได้ค่าแรงในการทำ ถ้าเจ้าของโรงงานไม่เจ๊ง เศรษฐกิจ เขาก็สามารถไปจ้างได้ คนชั้นกลางสามารถอยู่ได้ ร้านค้าสามารถอยู่ได้ หรือบางคนมีทุนส่วนตัว สามารถเอาสินค้าเราไปขายตรง อันนี้ไทยเข้มแข็งของจริง

จินดารัตน์ - แต่ว่าคุณภาพสินค้าเป็นเรื่องสำคัญ คุณจิตตนาถมีวิธีการควบคุมดูแลคุณภาพไหม เพราะหลายคนเป็นห่วงว่า เดี๋ยวทำออกมาเยอะไม่มีเวลาไปดูแลควบคุมคุณภาพ เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

จิตตนาถ - สินค้า ASTV ต้องเรียนว่า ช่วงแรกๆ อาจจะมีปัญหาบ้าง เราต้องยอมรับ ปัญหาเกิดจากอะไร เกิดจากการที่ทุกคนเป็นมือใหม่ ฉะนั้นเราต้องค่อยๆ แก้ไขกันไป แต่สิ่งที่เราเน้นเลยว่า สินค้าคุณถ้าไม่มี อย. สินค้าจำเป็นต้องมี อย. ต้องขอ อย.ให้เรียบร้อย เราต้องเช็กคุณภาพสินค้าแล้วว่าดี ที่สำคัญเราบอกเลยว่าใครมาทำสินค้ากับเรา คอนแทร็กต่อทุกๆ 6 เ ดือนเท่านั้น ทุกๆ 6 เดือนคุณต้องมารีวิวคอนแทร็กกันใหม่ ฉะนั้นถ้าคุณทำสินค้าไม่ดี

จินดารัตน์ - โดนร้องเรียนมาเยอะ

จิตตนาถ - โดยร้องเรียนมาเยอะ คุณเอาเปรียบประชาชน เราไม่ต่อคอนแทร็กให้คุณ เอาเป็นว่า คนไหนผ่านเข้าโครงการ เราจะให้ใช้ตรา ASTV ว่าสนับสนุน ASTV เราจะดูแลเรื่องแพ็คเกจจิ้ง ต้องดี เราดูแลเรื่องคอลเซ็นเตอร์

จินดารัตน์ - การส่ง-รับ

จิตตนาถ - และการจัดส่ง จัดจำหน่าย แล้วเก็บเงินจากลูกค้าให้

จินดารัตน์ - ตอนนี้คอลเซ็นเตอร์ทำงานเต็มร้อยหรือยังคะ

จิตตนาถ - เต็มร้อยแล้วครับ ช่วงแรกๆ ที่มีปัญหา ที่โทรเข้ามาเหมือนกับสายว่างแต่ไม่มีคนรับ จริงๆ ไม่ใช่ครับ โอเปอเรเตอร์รับสายตลอดเวลา เราเพิ่มโอเปอเรเตอร์เป็น 20 กว่าคนตอนนี้

จินดารัตน์ - ตอนนี้ถ้ามีปัญหาอะไรแจ้งที่คอลเซ็นเตอร์ได้เลย

จิตตนาถ - ได้เลยครับ แล้วเราก็รับร้องเรียนเรื่อยๆ อย่าง ตอนแรกขอพูดซ้ำรายการ ค.คน ว่าปัญหาช่วงแรกจะเป็นขั้นตอนอย่างนี้ ขั้นตอนแรก เราไม่คิดว่าคอลเซ็นเตอร์คนจะโทรเข้ามาเยอะขนาดนี้ ทำให้การรับ คอลเซ็นเตอร์เราตอนแรกๆ จะโดนคอมเพลนท์เยอะ คอลเซ็นเตอร์เราแก้โดยที่เราเพิ่มคน อาจจะมีตะกุกตะกักบ้าง คนที่เข้ามาใหม่อาจจะเทรนไม่ดีก็ให้เวลาเขานิดนึง อีกอย่างเราต้องเขียนโปรแกรมขึ้นมาใหม่ ต้องลงทุนเขียนโปรแกรม 4-5 แสน ดีๆ เลย ขึ้นหน้าจอให้เรียบร้อย สอง เมื่อยอดออเดอร์เยอะมาก เจ้าของผลิตภัณฑ์ผลิตไม่ทัน อย่างยาสีฟันกรีนเซเว่น เขาคิดว่า ขายได้ 3 พันก็เก่งแล้ว

จินดารัตน์ - ต่อเดือน

จิตตนาถ - ต่อเดือนก็เก่งแล้ว เขาก็ผลิตมาแค่นั้น กำลังการผลิตเขาแค่นั้นจริงๆ ปรากฏว่ายอดสั่งเดือนแรกหมื่นกว่า หมื่นกว่าหลอด ลุงแกก็ช็อก แกต้องไปหาที่ปั๊มใหม่ ที่อะไรใหม่ มันก็เป็นการติดขัดขยักที่สอง การติดขัดขยักที่สาม คือว่า เรื่องการจัดจำหน่าย คือตอนแรกเราใจดี ประมาณว่า นี่ต้องเข้าใจนะครับ ไอเทมเดียวเราก็ส่ง

จินดารัตน์ - ชิ้นเดียวส่ง สมมุติว่า สบู่ก้อนเดียวส่ง

จิตตนาถ - ใช่ สบู่ก้อนนึงส่ง

จินดารัตน์ - หลายคนแปลกใจ เกรงใจชิ้นเดียวไม่กล้าโทร ชิ้นเดียวเขาก็ส่ง

จิตตนาถ - ใช่ คราวนี้มีคนที่เขารักเรามาก แต่เขาอาจจะไม่ได้เช็กของ แกโทรสั่งทุกวันวันละชิ้น วันนึงน้ำยาล้างจาน อีกวันยาสีฟัน อย่างนี้ครับ แล้วมันก็ส่งไม่ทัน ยอดค้างก็มี หรือบางทีโทรสั่งแล้ว สมมุติสั่งสินค้า 5 ชนิด สินค้าไม่มี 2 ชนิด ฉันจะรอฉันไม่ให้เธอส่งจนกว่าของฉันจะครบ ก็รอกันไปของก็ค้างเข้าไปอีก ฉะนั้นเรื่องการจัดส่งเราต้องแก้กติกากันใหม่ โอเคต่อไปนี้เรายินดีส่งให้ ขอความกรุณากรุงเทพฯ และปริมณฑล เราขอจำนวนประมาณ 500 บาทขั้นต่ำ ซึ่งสินค้าเรามีกว่า 50 รายการ 500 บาทนิดๆ หน่อยๆ

จินดารัตน์ - เอาละก่อนซื้อคิดก่อนอยากได้อะไรบ้างสั่งทีเดียว ช่วยกันประหยัดค่าขนส่ง

จิตตนาถ - เห็นไหมครับมันจะมีขั้นตอนของแต่ละอันขึ้นมา อีกอย่างคลังเราเล็กมาก พอสินค้าเริ่มเยอะมันไม่พอ ตอนหลังเราเช่าคลังใหม่ ประมาณ 1,000 กว่าตารางเมตร พอแล้ว สบาย

จินดารัตน์ - ตอนนี้เรียกว่าระบบการขนส่งหรือแม้แต่การสั่งของ คอลเซ็นเตอร์ ทุกอย่างเข้าที่

จิตตนาถ - เข้าที่ครับ อย่างโปรแกรมคอมพิวเตอร์เขียนขึ้นมาใหม่ บางทีบางท่านโอนเงินเข้ามาแล้ว สั่งเข้ามาแล้ว มันมีที่คอมพ์มันไม่ปริ๊นออกมา ตอนนี้มีระบบครอสเช็ก-ดับเบิ้ลเช็ก ก็จบไป

จินดารัตน์ - จะไม่มีใครค้างว่าโอนเงินมาแล้วแล้วไม่ได้ของเป็นเดือน จะไม่มีแล้วปัญหานี้

จิตตนาถ - อีกอย่างเรากำลังช่วยร้านค้าที่รับของเราไปขาย แรกๆ ฝั่งของเรา ใครจะสั่งในราคาส่งก็ต้องสั่งของเป็นชนิดๆ ไปล็อตนึงเยอะๆ ให้คุ้มกับค่าขนส่ง เรามองว่าร้านค้าบางทีต้องการของมิกซ์กัน

จินดารัตน์ - ผสมกันหลายๆ อย่าง หลากหลาย

จิตตนาถ - เราก็ตั้งกฎใหม่ว่า ถ้าอย่างนั้น 20,000 บาททีนึง

จินดารัตน์ - อะไรก็ได้ 20,000 บาท

จิตตนาถ - อะไรก็ได้รวมกัน 20,000 บาท คุณอยากเอาสินค้าเราไปขาย เขาส่งให้ในราคาส่ง ส่งฟรีด้วย

จินดารัตน์ - ทั่วประเทศหรอคะ

จิตตนาถ - ทั่วประเทศ

จินดารัตน์ - ฟรี ถ้า 20,000 บาทขึ้นไป

จิตตนาถ - แต่เรื่องของค่าขนส่งเราจะลดให้พิเศษหลังจากค่าจีพี อะไรที่เกินนั้นต้องรับผิดชอบกันนิดนึง มีการบ่นออกมาอีกว่า ของฉัน 20,000 ยังไม่หมด สั่งทีละน้อยได้ไหม เราเลยเปลี่ยนใหม่ อยากเติมของ เติมทีละ 5,000 บาท ซึ่งของมีตั้ง 50-60 ไอเทม ก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง ตอนนี้ระบบทุกอย่างเรียบร้อย เรามีทะเบียนลูกค้าครบหมด เพราะฉะนั้นจบครับ

จินดารัตน์ - คุณจิตตนาถไม่น่ามีอะไรหนักใจเกี่ยวกับเรื่องโปรดักส์

จิตตนาถ - ใช่

จินดารัตน์ - เกี่ยวกับสินค้า ASTV แล้ว ทุกอย่างเข้าที่ เพียงแต่ว่าจะหาสินค้าไปเพิ่มเติมอย่างไรในอนาคตเท่านั้นเองใช่ไหมคะ

จิตตนาถ - ใช่ครับ

จินดารัตน์ - แต่อนาคตมองไว้ว่าจะมีมากกว่านี้แน่ๆ

จิตตนาถ - มากกว่านี้แน่ๆ ผมว่าสิ้นปีหน้าน่าจะมีประมาณ 200 กว่ารายการ

จินดารัตน์ - 200 กว่ารายการ อีกหน่อยต้องทำเป็นคู่มือเลยนะคะ

จิตตนาถ - ตอนนี้เรามีโบรชัวร์แจกอยู่แล้ว

จินดารัตน์ - งั้นเดี๋ยวพักกันก่อนนะคะ อันนี้เรื่องของสินค้า เดี๋ยวช่วงหน้ากลับมาเราจะคุยกันต่อ เรื่องที่คุณผู้ชมอยากรู้เหลือเกินว่า คุณจิตตนาถรู้สึกอย่างไรกับภาระอื่นๆ อีกที่ได้รับมอบหมายและต้องลงมือทำอย่างจริงจัง และหลายคนตั้งความหวังเอาไว้มากกับผู้ชายคนนี้ พักกันก่อนค่ะช่วงหน้ากลับมาฟังคำตอบค่ะ

ช่วงที่ 2

กลับมาช่วงสุดท้ายค่ะ รายการแอนจินดารัตน์คะ วันนี้เราคุยกับคุณจิตตนาถ ลิ้มทองกุล มาถึงช่วงสำคัญของรายการในค่ำคืนวันนี้แล้วนะคะ หลายคนกำลังมีคำถามอยู่ในใจว่า เอ...จิตตนาถ ลิ้มทองกุล จะเหมือนสนธิ ลิ้มทองกุลไหม เราจะคาดหวัง ฝากความหวังไว้กับเขาได้มากน้อยแค่ไหน เขามีแรงกดดันไหมที่พ่อได้โยนภาระอันหนักอึ้งขนาดนี้ให้สืบสานกิจการต่อโดยเฉพาะสำคัญ ASTV ต้องอยู่ได้ และโดยเฉพาะพินัยกรรมที่คุณคำนูณ สิทธิสมานได้เขียนบทความเอาไว้ หลายคนกำลังมีคำถามในใจว่านี่กดดันลูกชายตัวเองมากไปหรือเปล่า เราจะมาฟังคำตอบจากเขากันนะคะ คุณจิตตนาถตกลงว่าตอนนี้ ตัวเองเนี่ยนอกจากสินค้าแล้ว เรื่อง ASTV คงจะเป็นเรื่องหนักเลยที่สุดหรือเปล่า ในบรรดาบริษัทในเครือทั้งหมด

จิตตนาถ - ไม่นะครับ

จินดารัตน์ - ไม่หรือคะ

จิตตนาถ - ครับ ไม่มีอะไรหนักเลย

จินดารัตน์ - หรือคะ

จิตตนาถ - เพราะจริงๆ แล้วเรื่องของสื่อเนี้ย ผมอยู่กับสื่อมาตั้งแต่เด็ก เด็กๆ เนี่ยคุณพ่อตั้ง "หนังสือพิมพ์ชีวิตต้องสู้" อยู่หน้าบ้านนะครับ ผมก็ไปวิ่งเล่นอยู่ในออฟฟิศ ผมเห็นคุณพ่อทำสื่อมาตลอด หรือแม้แต่ตอนที่เริ่มทำหนังสือผู้จัดการรายเดือน นิตยสารเล่มแรกอยู่ที่หน้าบ้านคุณย่า ตรงวิสุทธิกษัตริย์ ผมก็ไปนั่งเล่น ไปวิ่งเล่นอยู่ใช่ไหมครับ พอโตมาออฟฟิศผู้จัดการผมอยู่มาตั้งแต่เด็กนะครับ ปิดเทอมก็ต้องเป็นเด็กเดินเอกสาร

จินดารัตน์ - อ๋อ คลุกคลีอยู่กับวงการนี้ อยู่กับหนังสือพิมพ์อะไรมาตลอด ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองต้องรับภาระอะไรนักหนา

จิตตนาถ - ไม่เลย

จินดารัตน์ - ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรสำหรับเรา

จิตตนาถ - ใช่ หรือแม้แต่ตอนที่เริ่มทำช่องนิวส์วันขึ้นมาตอนแรกๆเนี้ยนะครับ ผมก็อยู่กับคุณสนธิ อยู่กับคุณพ่อมาตลอด เราก็จะเห็นตลอดว่าโมเดลธุรกิจเป็นยังไง เราควรจะทำอะไรยังไง ฉะนั้นผมอยู่กับท่านมาจนมันอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว สายเลือดของสื่อ

จินดารัตน์ - ก็ทำสื่อปกติแบบนั้น มีโฆษณา มีอะไรก็แล้วแต่นะคะที่เคยทำมา แต่วันนี้สถานการณ์ของ ASTV ผู้จัดการไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่เราเลือกข้างเนี่ยนะคะ แล้วมันทำให้คุณจิตตนาถหนักใจหรือเปล่า

จิตตนาถ - ไม่หรอกครับ เพราะว่าอย่าลืมนะครับว่าตอนที่เราเลือกที่จะสู้เนี่ยมัน 5 ปีมาแล้ว 5 ปีมาเนี้ยเราผ่านจุดบัททอมของตัววีมาแล้ว ตอนที่มัน

จินดารัตน์ - คือต่ำสุด

จิตตนาถ - ใช่ ตอนที่เป็นบัททอมของตัววีนี่นะครับ จะบอกให้ว่าแบงก์บางแบงก์เนี่ย เคยให้เรากู้มามาทำสตูดิโอ 100-200 ล้าน พอเรามีปัญหากับรัฐบาลมันแคนเซิลสัญญาเลย เราต้องหาเงินไปใช้มัน

จินดารัตน์ - ฉีกสัญญาทิ้งเลย ไม่สนใจด้วย

จิตตนาถ - ใช่ ฟ้องล้มละลายบริษัท ไอ้ของแบบนี้เราเจอมาหมดแล้ว ก็เลยไม่มีอะไรที่มันมาจากดดันอีก หรือแม้แต่พี่แอนก็อยู่ เวลาชุมนุมประท้วงโดยที่เรายังมองไม่เห็นเลยว่าเราจะชนะยังไง

จินดารัตน์ - ใช่ มองไม่เห็นอนาคตอะไรเลยนะค่ะ

จิตตนาถ - ตอนที่ทักษิณ ตอนที่อะไรแข็งแกร่งมาก

จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ

จิตตนาถ - นั่นคือช่วงที่มันก็ดาวน์ที่สุดแล้วนะครับ ฉะนั้นถ้าถามว่าตอนนี้กับตอนนั้นเนี่ย มันจะไปกดดันอะไรล่ะครับ มันถึงบอกว่ามันไม่มีอะไรกดดัน

จินดารัตน์ - แต่หลายคนก็ยังเป็นห่วงนะค่ะว่าเอาละ ASTV ก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติ คือ ASTV ไม่มีวันที่จะได้เป็นฟรีทีวี ไม่มีวันที่จะได้โฆษณาดีๆ จากรัฐบาล ไม่มีวันที่จะได้เงินสนับสนุนจากเอกชนดีๆ เพราะ ASTV เลือกที่จะตรวจสอบการเมืองและนักการเมือง แล้วอย่างนี้มองเห็นอนาคตตัวเองไหมคะว่า ถ้าอยู่อย่างนี้ไปแล้วเราจะอยู่ยังไง หรือว่ามันก็อยู่ของมันได้ หรือยังไงคะ

จิตตนาถ - ก็เราก็อยู่มาอย่างนี้แล้ว เราก็คงจะอยู่ได้ แล้วเราอยู่ได้อย่างเข้มแข็งขึ้น เพราะ ASTV และ ASTV ผู้จัดการทำให้สังคมไทยตื่น เห็นไหมครับ เรื่องที่เราสู้มาตลอดเวลาตอนนี้ โดยเฉพาะเรื่องของทักษิณพยายามจะล้มสถาบันเนี่ย เราก็เห็นเลยว่าความจริงมันก็เปิดเผยว่าตอนนี้เป็นยังไง ตอนนี้นักวิชาการ นักวิชาเกินเงียบกันเป็นแถว ใช่ไหมครับ ตอนนี้การเลือกข้าง แสดงพลังออกมาชัดเจนกันทุกอย่าง เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเมื่อสังคมไทยตื่น สิ่งที่เราทำงานผ่านมามันมีข้อพิสูจน์ เราได้รับการยอมรับ มันไม่ใช่เรื่องยากแล้วครับ แต่ก่อนที่จะได้รับการยอมรับนี่ซิ มันคือเรื่องที่ยากนะครับ

จินดารัตน์ - ต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเอง

จิตตนาถ - ใช่ๆๆ

จินดารัตน์ - คุณจิตตนาถช่วงระยะเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา ที่ท่านต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่คุณสนธิเนี่ยนะคะ เคยมีซักวันนึงไหมมานั่งคิดไหม ฉันทำอะไรอยู่เนี้ย ทำไมฉันไม่ได้ใช้ชีวิตแบบลูกเจ้าสัวทั่วๆไป ทำไมฉันไม่มีรถสปอร์ตดีๆ ขับ กลับมาจากเมืองนอกอะไรชีวิตมันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เคยคิดบ้างไหมค่ะ เคยมีช่วงอารมณ์แบบนั้นบ้างไหมค่ะ

จิตตนาถ - ไม่ครับ คือบางคนนะครับ คือบางทีคุณสนธิเองก็พูดว่า เฮ้ย! ผมมันหนุ่มไฮโซ หนุ่มแบบผู้มีอันจะกิน หนุ่มอะไร จริงๆ นี่มันก็ไม่ใช่อะไรขนาดนั้นนะครับ มันก็ไม่ใช่อะไรขนาดนั้นคือผมโตมาเนี่ย ผมก็ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย คุณสนธิตอนที่ผมเพิ่งเกิดมาเนี่ย คุณสนธิทำงานอยู่หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย ผมเกิดมาในห้องแถวแถววิสุทธิกษัตริย์ คุณย่าก็เป็นอาม่าขายชาเย็นอยู่นะครับ ก็คืออยู่ในร้านโชว์ห่วย

จินดารัตน์ - อ๋อ

จิตตนาถ - หรือว่าตอนที่ไปอยู่บ้าน ย้ายบ้านไปอยู่ตรงที่สุทธิสารใหม่ๆ คุณสนธิประสบปัญหาในเรื่องของการเงิน ญาติพี่น้องก็มานั่งพับถุงกล้วยแขกไปขายกัน ผมก็มานั่งทำไม้กวาดไปขาย

จินดารัตน์ - อ๋อ... แสดงว่าไม่ใช่คุณหนูแบบคาบช้อนเงินช้อนทองออกมา

จิตตนาถ - ไม่ใช่ครับ

จินดารัตน์ - แล้วคุณสนธิก็ไม่ได้เลี้ยงแบบนั้นด้วย

จิตตนาถ - ไม่ใช่ครับ

จินดารัตน์ - ถึงแม้ว่าในช่วงที่คุณสนธิรุ่งสุดๆ มีกิจการมีเงินมากมาย ที่เคยช่วยเหลือคนอื่น คุณสนธิก็ไม่ได้เลี้ยงคุณจิตตนาถแบบนั้นใช่ไหมค่ะ

จิตตนาถ - ไม่เลยครับ ก็คือเราอยู่กับความที่เราโตมาแบบนี้ เราก็เลยไม่รู้สึกว่า เฮ้ย! เราเป็นลูกเจ้าสัวหรือว่าอะไร บางทีเราเห็นเด็กที่อย่างเด็กในโรงเรียนเดียวกันทำตัวแบบอย่างนี้ขึ้นมาใช่ไหมครับ หรือบางทีลูกของผู้มีอิทธิพลเนี่ย พ่อแม่เขาก็สอนเลยว่า เฮ้ย!เหมือนกับว่าตัวเองเป็นชนชั้นปกครองใช่ไหมครับ เวลามีเรื่องกับรุ่นน้อง ถึงกับเอาเงินไปจ้างวินมอเตอร์ไซค์ไปกระทืบรุ่นน้องก็มี คนอย่างนี้ก็มีเป็นสามีดาราดังอย่างนี้ที่เรารู้จัก เราก็ไม่อยากเอ่ยชื่อ เราเห็นไอ้พฤติกรรมอย่างนี้มาตลอด เราก็รู้สึกว่าเราไม่ชอบ ฉะนั้นเอาเป็นว่าเราโตมากับความที่ธรรมดาที่สุด แต่ไอ้ความที่จุดสูงสุดของคุณสนธิ ผมเคยสัมผัสไหม ผมก็เคยสัมผัส ผมเคยไปนั่งชาร์เตอร์ ไฟลต์ ไอ้เครื่องบินเหมาลำเหมือนที่ทักษิณนั่ง นั่งไปจีนมีผู้หลักผู้ใหญ่มารับ ผมก็เคยเจอมาแล้ว เวลาที่อย่างคนรอบๆ ตัวนายกทักษิณ ที่เคยเป็นลูกน้องเก่าคุณพ่อ อย่าง อาสมคิดอย่างนี้ ดร.สมคิด ก็ไปส่งผมเรียนที่ออสเตรเลีย คุณพันศักดิ์ก็เคยมาทำงานที่นี่ใช่ไหมครับ

จินดารัตน์ - ค่ะ

จิตตนาถ - หลายๆคนอย่างนี้ผมก็เจอมาหมดแล้ว แล้ววันที่คุณพ่ออยู่อีกข้างนึงไม่มีใคร ตำรวจที่เคยมาห้อมล้อมก็หายไปหมด เราก็เคยเจอมาแล้ว วันที่คุณพ่อเริ่มกลับมาดีอีกครั้งหนึ่งคนก็ฮือกันเข้ามา เราก็อยู่ คุณพ่อสู้อีก คนก็ฮือหายหมด เราก็อยู่ เพราะฉะนั้นเราอยู่กับสภาพอย่างนี้มาตลอด

จินดารัตน์ - เห็นความไม่แน่นอนมาตลอด

จิตตนาถ - เห็นความไม่แน่นอนมาตลอด แล้วในช่วงที่มีม็อบ เราก็อยู่กับท่านมาตลอด เราเห็นเบื้องหน้าเบื้องหลัง เราเห็นคนที่ใกล้ตัวที่สุดเนี้ยมีพฤติกรรมอะไรยังไงใช่ไหมครับ เป็นหนอนบ่อนไส้ เป็นอะไร เราเห็นมาหมดทุกอย่าง เราเห็นเบื้องหลังของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่โอ้โหอย่างนี้มาตลอด ผมถึงบอกว่าบางทีแกอาจจะมองว่าผม ภูมิคุ้มกันยังน้อย จริงๆไม่ใช่ครับ แกให้ภูมิคุ้มกันผมมาตั้งแต่ผมเกิดแล้วครับ

จินดารัตน์ - ให้โดยไม่รู้ตัว

จิตตนาถ - ใช่ เพราะฉะนั้นมันถึงไม่มีอะไรที่ผมรู้สึกว่าเราหนักใจ หรือว่าเราเป็นลูกเจ้าสัวหรือว่าอะไร มันไม่ใช่

จินดารัตน์ - โดนคุณสนธิกระแหนะกระแหนตลอดใช่ไหมค่ะว่าโตมาแบบคุณหนู

จิตตนาถ - ครับ จะคุณหนูยังไงละครับ ก็เนี่ยก็เล่าให้พี่แอนฟังคุณหนูยังไงล่ะ

จินดารัตน์ - งั้นวันนี้ งั้นจะพูดกันตรงๆก็คือถ้าหลายคนกำลังเป็นห่วงว่าคุณจิตตนาถกระดูกยังไม่แข็งเท่าพ่อ คุณจิตตนาถปฎิเสธใช่ไหมค่ะ

จิตตนาถ - ผมยังไงก็กระดูกไม่แข็งเท่าคุณสนธิอยู่แล้วละครับ ใช่ไหมครับ ผมด้วยอายุด้วย ด้วยอะไรมาแค่นี้ แต่ถามว่ากระดูกแข็งพอสำหรับคนอายุเท่ากันไหม หรือว่าคนที่แก่กว่านิดนึงไหม หรือว่ามีประสบการณ์ที่คนอื่นหาไม่ได้แบบนี้ไหม ผมว่าผมก็มีนะครับ แล้วมันจะทำให้ผมไม่ลืมตัวด้วยว่าผมเป็นใคร โตมายังไง แล้วเป็นคนยังไง

จินดารัตน์ - แสดงว่าวันนึงที่เรียนอยู่เมืองนอก ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตตัวเองจะเป็นไงนะค่ะ เคยคิดฝันเอาไว้ไหมค่ะว่าตัวเองจะกลับมาเป็นอะไร ทำอะไร

จิตตนาถ - ครับ ผมเคยคิดว่าผมเป็นคนที่วาดรูปการ์ตูนเก่งสมัยก่อนนะครับ ชอบเขียนงานการ์ตูนขายเพื่อน ตอนนั้นอยากที่จะเป็นแอนิเมชั่น โปรดิวเซอร์ แล้วตอนนั้นเนี่ยผมไม่ชอบเลย ที่คนจะบอกว่า โอ้ย เป็นลูกของคุณสนธิ ผมพยายามไปสมัครงานที่อื่น แต่เศรษฐกิจมันก็ตอนนั้นต้มยำกุ้ง

จินดารัตน์ - กลับมาพอดีปี 40

จิตตนาถ - สมัครไปมันก็ไม่มีใครรับ พอมันไม่มีใครรับ คุณสนธิ บริษัทตอนนั้นเจ๊งอยู่ ผู้จัดการเจ๊งอยู่ เลย์ออฟพนักงานออก เหลือแต่บ้านพระอาทิตย์นี่นะครับ ทำงานกัน บ้านเจ้าพระยาที่เคยอยู่ใหญ่ๆ ไปอยู่ตรอกเล็กๆเป็นตึก 4 ชั้น

จินดารัตน์ - ตึกวิทยุ

จิตตนาถ - ไม่ใช่ตึกวิทยุครับ ตึกเก่าผู้จัดการ

จินดารัตน์ - อ๋อ

จิตตนาถ - โต๊ะทำงานผมเล็กอยู่แค่นี้ เป็นเครื่องแมคอินทอชนะครับทำงานนักข่าวเนี้ย แมคอินทอชที่แบบตกรุ่นประมาณ 10 ปีแล้วยังใช้กันอยู่ แล้วเงินเดือนผมรวมค่าน้ำมันด้วย 7,000 บาท

จินดารัตน์ - คุณจิตตนาถได้เงินเดือนจบมาจากเมืองนอก

จิตตนาถ - จริงๆครับ 7,000 บาท รถซาปท์จากที่เคยเป็นรถบริษัทใช้ ผมต้องมาเปลี่ยนเป็นรถเซฟิโร่มือสองอายุประมาณ 10 กว่าปี ขับก็ดับๆ ติดๆ อะไรยังไงมั่ง คือเราเริ่มมาจากอย่างนี้ไงครับอยู่แล้ว เราเริ่มมาจากศูนย์อยู่แล้ว ฉะนั้นใครว่าผมหยิบโหย่งไฮโซนะครับ เด็กรุ่นใหม่ที่มาอยู่ ASTV มาทำหนังสือพิมพ์นี่โอ้โหเงินเดือนมากกว่าผมตั้งกี่เท่า อุปกรณ์ดีจะตายชัก ผมอยู่แบบยุคที่ไฟมันไหม้มาหมดแล้วนะครับ ใช่ไหมครับ

จินดารัตน์ - ผ่านมาหมดแล้ว

จิตตนาถ - ผ่านมาหมดแล้ว

จินดารัตน์ - แล้วก็คือสิ่งที่ฝันเอาไว้ได้ทำ

จิตตนาถ - สิ่งที่ฝันเอาไว้ก็เกือบจะได้ทำ แต่ว่าเผอิญเหมือนกับว่ามันเป็นโชคชะตา โชคชะตาที่ว่าต้องให้มาอยู่ตรงนี้ บางครั้งชีวิตคุณมันก็ลิขิตไม่ได้มันเป็นโชคชะตา

จินดารัตน์ - ใช่ๆ

จิตตนาถ - ถูกไหมครับ ในที่สุดผมก็ทำนักข่าวอยู่พักนึง ออกไปเปิดบริษัทการ์ตูนตัวเอง มาทำนิตยสารกับคุณเพชร นิตยสารมาร์ส ในที่สุดก็เห็นแล้วเฮ้ยคุณพ่อเหนื่อยนะ ก็เลยโอเคเรากลับมาช่วยดูแลตัวผู้จัดการ และเราก็ได้เห็นได้คลุกคลีกับตัวคุณพ่อตลอด แรกๆก็ทำงานกันคนละสไตล์ คุณพ่อก็เอ่อเหมือนกับยังไม่รู้มือกัน เราก็ไม่รู้ว่าเขาทำงานยังไง เขาก็ไม่รู้ว่าเราทำงานยังไง อย่าลืมนะครับเมื่อซัก 6-7 ปีที่แล้วผมอายุ 20 กว่าๆเอง แล้วผมเป็นซีอีโอ ผมต้องไปฟาดฟันกับคนเก่าคนแก่ของคุณพ่อ ใช่ไหมครับ ซึ่งวันนี้หลังจากการต่อสู้มันพิสูจน์ ถ้าคนข้างในก็จะเห็นว่าเหลือกี่คนที่อยู่กับคุณพ่อจริงๆ แล้วคิดซิว่าผมต้องไปเจอกับคนประเภทนั้นน่ะมาตลอดเวลาจนถึงวันนี้ เพราะฉะนั้นมันไม่มีอะไรที่จะต้องพิสูจน์กันอีกแล้ว

จินดารัตน์ - นี่เป็นวัคซีนชั้นดีเลยนะค่ะ ได้มาหลายขนาน

จิตตนาถ - โอ้โห ... วัคซีนชั้นดีเลยครับ คือใครคิดว่าโอ้โหเป็นลูกของคุณสนธิเนี้ยนะต้องเบ่งในองค์กร ผมนี่โดนกระทำมากที่สุดในองค์กรด้วยซ้ำ ซวยที่สุดในองค์กรเลย คือจนถึงทุกวันนี้นี่นะครับก็ยังทำสากกระเบือยันเรือรบให้กับองค์กร อ้าวจริงๆ นะครับ

จินดารัตน์ - เจเนอรัลเบ๊หรอคะ

จิตตนาถ - ครับ เจเนอรับเบ๊ของจริงเลย ใช่ๆ และอย่างยามอย่างนี้ผมจะเล่าเรื่องตลก บางทีผมเข้างานในเวลาที่แปลกบ้าง บางทีผมเข้าในช่วงค่ำบ้างใช่ไหมครับ ยามบางทีมาใหม่ๆยังไม่รู้จักผมเลย เฮ้ย! ไม่ติดบัตรห้ามขึ้น อย่าเข้ามา ผมก็อะไรอย่างนี้ผมก็เดี๋ยวนะครับผม ผมไปติดบัตรให้นะครับอย่างนี้ ไอ้หัวหน้ามันก็มา เฮ้ย! พูดอย่างนี้กับคุณปั๊บได้ยังไง ผมบอกพี่เขาทำหน้าที่ถูกแล้วนะ

จินดารัตน์ - ไม่โกรธเขาใช่ไหมค่ะ

จิตตนาถ - ไม่โกรธครับเขาทำหน้าที่ได้ดี เอาเป็นว่าเรื่องของความกดดันในเรื่องของการมาอยู่ตรงนี้ ผมไม่กดดันแล้วผมไม่มีอะไรจะกลัวด้วย แต่ว่าสิ่งที่ผมไม่อยากจะเจอมากก็คือความคาดหวังในตัวผม

จินดารัตน์ - นั่นนะซิค่ะ คือหลายคนกำลังแอบคาดหวัง จิตตนาถต้องเหมือนสนธิ

จิตตนาถ - ใช่ คือกำลังจะบอกครับว่า ไม่ว่าจะผมหรือว่าคุณสนธิ หรือว่าคุณแม่หรือว่าอะไร คือทุกคนเป็นคนธรรมดาคนนึง คือบางคนไปสร้างภาพแบบโอ้โหวิลิศมาหราจริงๆ เราเป็นคนปกติคนนึงเท่านั้น ก็คือขออย่างเดียวว่าเรื่องของความคาดหวังคือ ผมเป็นมนุษย์ ผมมีอารมณ์ แต่อย่างน้อยเนี่ยผมรู้จักคำว่าผิดชอบชั่วดี รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ผมว่าแค่นี้สำคัญที่สุด ฉะนั้นเรื่องที่บอกว่าโอ้ยคุณสนธิไปเขียนพินัยกรรมหรือว่าอะไร บางทีมันก็โอ้โหคนมองตรงนี้เวอร์จนเกินไป

จินดารัตน์ - ยังไงคะ คุณจิตตนาถต้องอธิบายว่าเอาแต่ละข้อเนี้ย แต่ละข้อยกตัวอย่างนะคะว่า ทำไมรถพ่อจะต้องบังคับว่าคัมรีเท่านั้นนะ มากกว่านี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

จิตตนาถ - โอเค ผมเท้าความเรื่องของพินัยกรรมเลยนะครับ ง่ายๆมากเลย เรื่องของพินัยกรรม ความเป็นจริงก็คือว่าผมกับคุณสนธิไปทำบุญกับหลวงปู่พุทธะอิสระ ก็ตอนนั้นก็รอหลวงปู่มาเนี่ยแหละก็เลยนั่งกินเกี๊ยวกันนะครับ รอท่านอยู่ คุณสนธิก็เลยถามว่าสินค้า ASTV ไปได้ดีไหม บอกดีครับผมจัดระบบเอาไว้ตอนนี้ค่อนข้างเข้ารูปเข้ารอยแล้ว ท่านก็เลยบอกว่าจำเอาไว้นะวันนึงถ้าเกิดสินค้า ASTV ไปได้ดี เราต้องอย่าลืมประชาชน เราต้องไม่ทรยศต่อประชาชน เพราะนี่คือศรัทธาที่ประชาชนให้เรามา เพราะฉะนั้นแกก็บอกว่า "ป๋าตายขอให้จำข้อนี้ไว้เด็ดขาดเลย เพราะฉะนั้นทำยังไงที่ไม่ให้ทรยศต่อประชาชน" ก็คือว่าประชาชนให้ตรงนี้เรามา เราก็ต้องฟีดแบ็คให้กับประชาชน

จินดารัตน์ - คือให้กลับคืนเขาไป

จิตตนาถ - ให้กลับคืนเขาไป สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คืออะไรครับ ก็คือความเป็นสื่ออย่างนี้จะต้องคงอยู่ต่อไป อันที่สองก็คือว่าจะต้องมีการกระจายความรู้ไปเพิ่มขึ้นให้กับประชาชน ไม่ว่าอาจจะเป็นเรื่องของผลกำไรที่จะไปทำวิทยุชุมชนเอย

จินดารัตน์ - จานดาวเทียม

จิตตนาถ - อืม จานดาวเทียม หรือว่าไปแจกหนังสือ ไปแจกอะไรให้กับประชาชน นั่นก็คือพันธกิจที่จะต้องทำ สองคือว่าแกก็บอกผมว่าวันนึงถ้ามีตังค์อย่าลืมตัว เราเคยติดดินมายังไงก็ให้ติดดินอยู่ อย่าไปซื้อรถสปอร์ตใช้ อย่าไปฟุ่มเฟือย อย่าไปขับเฟอรารี อย่าไปขับปอร์เช ผมเคยขับไหม ผมเคยขับเพราะว่าไม่ใช่รถผม ผมก็เคยแอบเอารถใครบางคนเนี้ยแหละเอาไปลองใช้ดูครับสมัยก่อน แอบไปลองขับดู แล้วผมก็ไม่ชอบอยู่แล้วมันเป็นรถที่เร็วจนเกินไป เราเหยียบความรู้สึกอยู่แค่ 40 กิโลเมตร เหมือนกับว่าเรานั่งรถธรรมดาอยู่ 40 เหยียบแค่ ปอเช่มันไป 120 แล้ว แล้วก็ไปจี้ตูดคนอื่น ไหนจะเสียวมอเตอร์ไซค์มาอีก ก็เอาเป็นว่าสรุปว่าผมไม่ชอบความรู้สึกของรถสปอร์ตอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหา

จินดารัตน์ - ก็คือตัดไปได้เลย

จิตตนาถ - อันนี้มันก็มี คุณคำนูณก็เขียนว่าเอ่ออะไรนะครับ รถห้ามใช้เกินคัมรี คุณสนธิก็บอกว่ายกตัวอย่างก็คือว่า ตอนนี้เรามันก็ดีอยู่แล้ว อย่าไปขับรถสปอร์ต อันนี้ก็คือสิ่งที่พูดกับผม ณ วันนั้น

จินดารัตน์ - เหมือนกับพ่อสอนลูกทั่วๆไป

จิตตนาถ - พ่อสอนลูก แต่แกก็ไม่ได้บอกว่า แกห้ามใช้รถยี่ห้ออื่นนอกจากรถคัมรีนะ คนเรามันต้องอยู่ในทางสายกลางนะครับ ใช่ไหมครับ ผมไม่ได้สำคัญตัวผิดแต่ผมเชื่อว่าผมก็เป็นเป้าไม่แพ้คุณสนธิ ถ้าทำคุณสนธิไม่ได้มาทำผมล่ะ คุณสนธิจะช็อคไหม

จินดารัตน์ - เพราะเป็นทายาทคนเดียว

จิตตนาถ - ใช่ จะเกิดอะไรขึ้นอีกถูกไหมครับ สมมติวันนึงผมอาจจำเป็นที่จะต้องใช้รถที่สมรรถภาพดี เครื่องจำเป็นต้องแรงเพื่อที่จะได้เร่งหนีเวลามีอะไร หรือว่าเหล็กจะต้องแข็ง หรือว่าอาจจะต้องหุ้มกระสุน หรือผมอาจจะต้องมีรถหลายคันไว้สับเปลี่ยน อย่างที่คุณสนธิเองก็มีอย่างทุกวันนี้ คำถามคืออย่างนี้ผมไม่ต้องใช้หรือ ถูกไหมครับ นี่คือคอมมอนเซนส์ ก็เอาเป็นว่าเราใช้ของไม่ว่าจะเป็นรถ หรือว่าอะไรก็ตามเราใช้ให้มันตามความจำเป็น ตามสถานการณ์

จินดารัตน์ - พ่อก็คงไม่ได้ห้ามว่าต้องมีคัมรีคันเดียว ห้ามเป็นยี่ห้ออื่น ห้ามเป็นแบบอื่น ไม่ใช่อย่างนั้นใช่ไหมค่ะ

จิตตนาถ - ใช่ๆ อย่างนี้เป็นต้น

จินดารัตน์ - เพราะว่าอ่านในเว็บ หลายคนบอกว่าอู้หูบังคับลูกอย่างนี้เลยหรือ

จิตตนาถ - ครับ

จินดารัตน์ - มันไม่ใช่อย่างนั้น แต่หมายถึงเล่าถึงที่มาที่ไป เข้าใจแล้วนะคะว่าเหมือนกับว่าพ่อกำลังสอนลูกเปรียบเทียบให้ฟังเท่านั้นเอง

จิตตนาถ - ใช่ๆ คือเผอิญวันนั้นคุณคำนูณแกไป แกเผอิญกำลังคุยกับคุณสนธิอยู่แล้วก็มีหลายๆคนนั่งอยู่ แกก็เลยวาดเหมือนกับลอจิกของแกว่า แกอยากเป็นแบบนี้ แต่จริงๆ เรื่องของการคุยกันระหว่างพ่อลูกมันเป็นอีกแบบนึงนะครับ

จินดารัตน์ - คือคุณคำนูณเองแกอาจจะยังไม่ได้อธิบายความมากในแต่ละข้อนะคะ ว่าที่มาที่ไปในการคุยกันวันนั้นเป็นอย่างไร

จิตตนาถ - ใช่ๆ

จินดารัตน์ - คนก็เลยเอ่อเหมือนกับพ่อกดดันลูกเกินไป

จิตตนาถ - มันไม่ใช่เลย

จินดารัตน์ - หลายๆคนเห็นใจคุณจิตตนาถนะคะ ตกลงก็เลยอยากถามว่าพ่อลูกคุยกันเป็นยังไง

จิตตนาถ - คืออย่าไปมองว่า อู้หู! ขนาดนี้เลยหรือ อย่าไปมองว่าโอ้โหทำอย่างนี้นี่เป็นบุคคลผู้เสียสละอย่างใหญ่หลวง มันไม่ใช่อย่างนั้นไงครับ ใช่ไหมครับ หรือแม้ว่าเรื่องของนอกจากคัมรีแล้ว มีเรื่องอะไรอีกนะ

จินดารัตน์ - เรื่องของรายได้ 25 %

จิตตนาถ - รายได้ 25 % ของผมเนี้ยจะต้องเป็นสวัสดิการให้กับพนักงานใช่ไหมครับ คือจริงๆ คนที่มาเป็นผู้บริหาร ASTV แล้วยังอยู่ได้ทุกวันนี้นะครับ ทุกคนมีสำนึกตรงนั้นอยู่แล้ว เพราะอะไรครับเงินเดือนเวลาออกช้า ผู้บริหารระดับกลางเงินเดือนจะออกช้า 15 วัน เพราะว่าต้องหมุนเงินของผู้บริหารระดับกลางไปจ่ายให้กับระดับล่าง ผู้บริหารระดับสูงอาจจะเงินเดือนออกช้าซัก 30 วัน เพื่อที่จะหมุนให้กับระดับกลางและระดับล่าง แต่ผมผู้บริหารระดับสูงเกือบสูงที่สุด

จินดารัตน์ - ช้าไปเท่าไหร่คะ

จิตตนาถ - ผมช้าไป 3 เดือนอย่างนี้นะครับ ใช่ไหมครับ มันก็ต้องมีตรงนี้อยู่แล้ว เราเห็นคนที่เขายากลำบากมากับเราอยู่แล้ว เวลาเราเงินเดือนไม่พอเขาอยู่กับเรา คนที่ทิ้งเราไปก็มี คนที่เขาอยู่เราก็เห็น ในที่สุดเอาเป็นว่าลอจิกตรงนี้ เวลาที่ ASTV โปรดักส์ขายได้ดี เงินเหล่านี้ผมก็ต้องดูแลคนของ ASTV ผู้จัดการให้มีสวัสดิการที่ไม่น้อยหน้าที่อื่น แล้วให้เขาภูมิใจได้ว่าเขาทำงานแบบนี้นะ แล้วให้เขาสำเหนียกไว้ด้วยนะว่าประชาชนเป็นเจ้านายเขา

จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ

จิตตนาถ - เขาอย่ามาทำตัวเป็น เอ่ออะไรนะ 18 อรหันต์คอลัมนิสต์ หรือว่ามาทำตัวแบบคอลัมนิสต์อู้หูฉันโก้ฉันเก๋อะไร

จินดารัตน์ - ตัดสินคนอื่นด้วยปลายปากกาอะไรอย่างนั้นหรือเปล่าคะ

จิตตนาถ - ใช่ เอาเป็นว่าผมเลี้ยงดูคุณ แล้วผมจะไม่ทอดทิ้งคุณ แล้วผมจะเลี้ยงคุณให้คุณเป็นคนของประชาชน แต่ในทางขณะเดียวกันซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ซึ่งคุณก็ต้องทำมันให้เต็มที่ด้วย คนของเราบางทีเองก็ยังทำงานกันไม่ค่อยจะเต็มที่ ยังไม่ค่อยกระตือรือร้น อันนี้เราก็ต้องยอมรับกัน มันก็ต้องมีมาและก็ต้องมีไป บางทีอาจจะไม่จำเป็นว่าจะต้องเอาเงินผม 25 % มา อาจจะเป็นเงินกองทุนก็ได้ใช่ไหมครับ อย่างนี้

จินดารัตน์ - คุณจิตตนาถอะไรที่คิดว่าได้มรดกมาจากพ่อโดยตรง นี่คือจิตตนาถและสนธิที่มีความเหมือนกัน ที่ประชาชนจะไว้ใจได้ว่า จิตตนาถ ลิ้มทองกุล จะไม่ทิ้ง ASTV อย่างที่พ่อสั่งเอาไว้หรือบอกเอาไว้ หรือประชาชนคาดหวังเอาไว้

จิตตนาถ - ผมคิดว่าน่าจะเป็นความคิดและจิตสำนึกที่เหมือนกัน เชื่อไหมครับว่าตอนที่คุณสนธิออกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์อยู่ที่ช่อง 9 ตอนนั้นทักษิณเริ่มไม่ค่อยเวิร์คแล้ว ผมนี่คุยกับแกประจำเลย ผมไม่พอใจทักษิณเลย

จินดารัตน์ - พูดกับพ่ออย่างนี้เลย

จิตตนาถ - ผมเป็นคนพูดคนแรกเลยด้วยซ้ำ คุณสนธิเตรียมตัวมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาเตรียมตัว

จินดารัตน์ - อ๋อ รู้แต่ไม่พูด

จิตตนาถ - คุณสนธิแกล้งโง่เพื่อให้คนอื่นเห็น เพราะว่าสปายรอบๆ ตัวเยอะมาก

จินดารัตน์ - ไม่รู้ใครเป็นใคร

จิตตนาถ - แม้แต่ผมแกก็ไม่บอก

จินดารัตน์ - อ๋อ

จิตตนาถ - แกก็บอกเอาเดี๋ยวก็ค่อยๆ ดูไป อะไรไป แต่เวลาที่แกจะรบแกก็บอกว่าตอนนี้ศัตรูแข็งแรงนะ เราจะทำอะไรเราก็ต้องสุขุมรอบคอบ เพราะฉะนั้นผมเป็นคนที่เหมือนแก คือผมเห็นอะไรที่มันไม่เวิร์ค ผมจะบอกแกเลย แล้วผมก็ภูมิใจด้วยซ้ำที่ว่าแกลุย ถ้าบริษัทแกจะต้องเจ๊งแล้วว่าแกลุย ผมแฮปปี้มากกว่าที่จะเป็นลูกสนธิที่เป็นลูกน้องทักษิณ ทั้งๆ ที่ทักษิณทำไรไม่ถูกอย่างนั้น ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น ไอ้เรื่องที่แกมาบอกผมกับคุณแม่ที่เรียกไปคุยกับพนักงานทั้งหมด อันนั้นเป็นเหตุการณ์ภายหลัง ฉะนั้นแนวคิดผมกับคุณสนธิเหมือนกันอยู่แล้ว หรือแม้แต่วิชั่นในการทำงานเนี้ยเรามักจะมองภาพเดียวกันเสมอ ว่าหนังสือหรือว่าสื่อ หรือว่าองค์กรเราจะเดินไปในทิศทางไหน แต่ว่าวิธีการปฎิบัติของเราจะไม่เหมือนกัน แกจะมีการบริหารสไตล์สนธิ ผมก็มีการบริหารสไตล์จิตตนาถ ก็เอาเป็นว่าในเมื่อรู้มือกันแล้วก็เบนเข้ากันมันก็โอเค ฉะนั้นเอาเป็นว่าพ่อกับลูกมีความเหมือนในเรื่องของตรงนี้อยู่แล้ว ทีนี้ถามว่าเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องมาอยู่ตรงนี้ ที่คุณพ่อบอกว่า คุณสนธิบอกว่าเขาตัดสินใจแล้วเขาจะมาอยู่ เขาจะต้องทิ้งอะไรยังไง พี่แอนครับ หน้าอย่างนี้ชื่อจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ไปทำอย่างอื่นได้เปล่า ผมเคยจะไปทำหนัง ผมเคยจะไปขอสปอนเซอร์ คนมีแต่คนวิ่งหนี ทำไรได้อีกละครับ ใช่ไหมครับ

จินดารัตน์ - สถานการณ์บังคับอยู่แล้ว

จิตตนาถ - ครับ แต่เอาเป็นว่าในเมื่อเราอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว เรามีจิตวิญญาณของเรื่องที่ถูกต้อง เรามีความสมบูรณ์ทางร่างกายที่เราสามารถจะทำประโยชน์ได้ เราทำสิ ในเมื่อคุณสนธิกำลังไปในภาพที่บุกทะลวงไปเป็นกองหน้า ไปอยู่การเมืองใหม่ ไปทำการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้น เราควรจะรักษา ASTV และเราควรจะทำให้ ASTV แข็งแรงขึ้น เพราะอะไรรู้ไหมครับ ผมเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่คน องค์กรหรือระบบไม่สำคัญ ทุกอย่างปัจจัยสำคัญมันอยู่ที่คน พรรคการเมืองใหม่มีคุณสนธิดีแน่นอน มีแกนนำดี อาจจะมีสมาชิกบางคนคนนี้เห็นด้วย คนนี้ไม่เห็นด้วยกับคนนี้ แต่ตราบใดที่ 5 แกนนำ เขานำเราเหมือนที่เขาเคยนำมา เขาคิดดีแล้วมันไม่เป๋แน่นอนถูกไหมครับ แต่วันใดวันหนึ่งที่มันไม่ใช่อย่างนั้นขึ้นมาเราก็ไม่รู้ อันนี้ผมพูดแฟร์ๆถูกไหมครับ คือผมก็ไม่ได้โปรทุกอย่างทั้งหมด แต่อะไรครับ แต่อย่างน้อย ASTV มีผมอยู่ ผมยังอายุ 30 กว่าอยู่ กว่าผมจะอายุเท่าคุณสนธิ ที่จะรีไทร์อย่างน้อยก็ 30-40 ปี 30-40 ปีเนี้ย ประชาชนการันตีได้เลยว่าผมอยู่ตรงนี้ ASTV จะอยู่จุดยืนอย่างนี้ไม่เปลี่ยนแน่นอน

จินดารัตน์ - ยืนยันได้เลย

จิตตนาถ - ยืนยันได้เลย ฉะนั้นก็เลยเป็นอะไรที่ตรงนี้เวิร์คไม่เวิร์คยังไง คุณถอยกลับมาตรงนี้ได้ตลอดเวลา ASTV จะเป็นเซ็นเตอร์ให้กับประชาชนอยู่ จะเป็นศูนย์กลางให้กับประชาชนอยู่ ผมว่าตรงนี้นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าซะอีกครับ

จินดารัตน์ - ค่ะ ถ้าวันใดวันนึงพรรคการเมืองไปไม่ได้อย่างที่เราคิด โดยอุปสรรคอะไรต่างๆนานา อะไรก็แล้วแต่ อะไรที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคตแต่ตรงนี้ยังเหมือนเดิม จุดยืนยังเหมือนเดิม

จิตตนาถ - ใช่

จินดารัตน์ - ทุกอย่างกลับมาเป็นศูนย์รวมเหมือนเดิมได้

จิตตนาถ - ใช่ หรือมี ASTV อยู่ ประชาชนทั่วประเทศตื่น นักการเมืองโดนควบคุมจากการตรวจสอบของประชาชน ผมว่าเผลอๆ พรรคการเมืองใหม่อาจจะไม่จำเป็นด้วยซ้ำ

จินดารัตน์ - ค่ะ แต่ว่าถ้าแตกแขนงออกไปได้นะคะ ก็เป็นกลไกที่จำเป็นและสำคัญ

จิตตนาถ - ใช่ หรือแม้แต่ ASTV เองอาจจะทำหน้าที่ตรวจสอบพรรคการเมืองใหม่ด้วยซ้ำ

จินดารัตน์ - จริงๆ ก็ต้องทำหน้าที่นั้นด้วย ถูกไหมค่ะ

จิตตนาถ - ใช่ ไม่ใช่ว่าคุณอยู่พรรคการเมืองใหม่แล้วคุณจะมาแอบทำอะไรตุกติกนะ คุณสนธิคอยนำคุณอยู่ข้างบน ผมคอยตามคุณอยู่อีกทีนะ

จินดารัตน์ - ค่ะ เจ้าอย่าหวังว่าจะรอดสายตาเราไปได้ ถ้าทำไม่ดีก็โดนแฉเหมือนกัน

จิตตนาถ - ใช่ๆ คือเห็นผมพูดเล่นอะไรกับคนอย่างนี้ แต่เวลาผมโหดผมก็โหดเหมือนคุณสนธินะครับ อาจจะโหดกว่าอีก คุณสนธิเป็นคนอย่างนี้ครับ คุณสนธิเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว แต่คุณสนธิเป็นคนไม่เชิงเด็ดขาดเท่าไหร่ ขี้ใจอ่อน

จินดารัตน์ - ขี้สงสารคน

จิตตนาถ - ครับ ขี้ใจอ่อน ขี้สงสารคน แต่ว่าแกรู้นะครับว่าถ้าเป็นเรื่องของประเทศชาติ ตัดก็คือตัด แต่ผม ผมไม่ได้เด็ดเดี่ยวเท่ากับแก ลูกบ้าไม่เท่ากับแก แต่ผมเด็ดขาด คืออย่ามางี่เง่านะ ผมเอาจริงๆ นะครับ

จินดารัตน์ - ชัดเจนมากคะ แต่ว่าวันนี้ถ้าการเมืองเราไม่จำเป็นจะต้องอาศัยการเมืองแล้ว ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไร ใครจะขึ้นมาเป็นใหญ่ ASTV จะยังคงจุดยืนเดิม

จิตตนาถ - ใช่

จินดารัตน์ - คุณจิตตนาถคิดไหมค่ะว่าวันนี้ที่คุณสนธิมอบภาระนี้ให้ แสดงว่าพ่อมั่นใจในตัวเราแล้ว ว่าเราจะดูแลและทำให้มันจะยังคงอยู่อย่างนี้ได้ คิดอย่างนั้นหรือเปล่า เคยถามเขาไหมคะ

จิตตนาถ - ก็ ไม่เคยครับ แต่คิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลนึงด้วย เพราะว่าเราก็เห็นกันมาตั้งกี่ปีแล้วครับ ใช่ไหม

จินดารัตน์ - 30 กว่าปี

จิตตนาถ - 30 กว่าปีก็อยู่กันตรงนี้

จินดารัตน์ - คงทดสอบลูกกันมาหลายครั้งแล้ว

จิตตนาถ - คนอื่นมาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป ถูกไหมครับ มันก็อยู่กันอย่างนี้ละครับ แล้วอีกอย่างมันก็เป็นเรื่องที่ดีก็คือ เราคุยกันมากขึ้น เราแชร์ข้อมูลกันมากขึ้น แล้วเราก็ฟังกันมากขึ้น ตรงนี้เป็นจุดที่ตรวจสอบกัน อย่างคุณสนธิ ไม่มีใครกล้าเบรกแกหรอกครับ ใช่ไหมครับ สมมติว่าคือแกจะเป็นคนที่รับฟังความคิดคนอื่นนะครับ แกต้องการคำปรึกษา บางครั้งแกพูดคำปรึกษาออกมา แทนที่คนจะหาคำตอบให้แก ประเมินให้แก กลายเป็นว่าสิ่งที่แกพูดทุกคนบอกว่าเอาเลยครับ เห็นด้วยเลย โดยที่ยังไม่ได้วิเคราะห์ก่อน แต่พอผม หลังๆ ผมเริ่มวิเคราะห์ให้แกฟังแต่ละเรื่อง แกก็จะฟัง แล้วแกก็ลองดู ซึ่งจริงๆ คุณสนธิ บางคนบอกว่าคุณสนธิเป็นศาสดาหรือว่าอะไร บางคนไปตั้งอะไรขนาดนั้น พวกคอลัมนิสต์อะไร

จินดารัตน์ - ในความรู้สึกนะคะ

จิตตนาถ - คอลัมนิสต์หลายๆ คนก็ไปกล่าวหาแก

จินดารัตน์ - ไปกระแนะกระแหน

จิตตนาถ - ไปกระแนะกระแหน มันไม่ใช่ครับ อืมมันไม่ใช่

จินดารัตน์ - คุณสนธิไม่ใช่เจ้าลัทธินะคะ คือคนธรรมดาคนนึงที่รักชาติ รักแผ่นดิน

จิตตนาถ - ใช่ๆ

จินดารัตน์ - คือต้องเปลี่ยนความคิดตรงนี้กันนิดนึง ไอพวกที่หวังดีประสงค์ร้ายชอบเขียนกระแนะกระแหน มันแดกดันเรานะคะอย่างนั้น ไม่ได้หวังดีอะไรกับเราเลย

จิตตนาถ - ใช่ๆ หรือว่าบางคนก็ต้องเรียนนะครับว่าทุกคนมีความเป็นคนอยู่ เป็นมนุษย์คนนึงถูกไหมครับ เราก็ย่อมจะถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่ถ้าเรามีจิตสำนึกที่ดีมันก็โอเค อย่าไปโปรคนที่มันเวอร์จนเกินไป

จินดารัตน์ - คุณจิตตนาถคงไม่ต้องจะสัญญิงสัญญาอะไรกับท่านผู้ชมหรอกนะคะ เพราะฟังนี่ก็ชื่นใจแล้ว หลายคนสบายใจแล้วว่า เออวันนี้ ASTV จะอยู่อย่างไร ถ้าคุณสนธิไปทำพรรคการเมืองใหม่แบบนี้นะคะ

จิตตนาถ - ครับ

จินดารัตน์ - ก็จะฝากอะไรตอนท้ายหน่อยไหมคะ

จิตตนาถ - ก็อย่ามาหวังอะไรกับผมเลยนะครับ อย่ามาคาดหวังอะไรกับผมเลยละกันนะครับ แต่เอาเป็นว่าผมก็ทำของผม เต็มที่ของผมอยู่แล้วนะครับ

จินดารัตน์ - เต็มที่ที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้

จิตตนาถ - เต็มที่ที่สุด ก็คือถ้าทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ที่สุดในการที่จะปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ผมว่าโอเคแล้ว

จินดารัตน์ - แต่ว่าคงห้ามคนไม่ให้คาดหวังนี่ไม่ได้หรอกค่ะคุณจิตตนาถ เพราะว่าอย่างน้อยที่สุดเป็นลูกชายคุณสนธิ ลิ้มทองกุล มารับช่วงต่อแบบนี้นี้ ทุกคนก็คาดหวังว่าคุณจิตตนาถจะยังมีจิตใจเข้มแข็งต่อสู้ต่อเหมือนกับพวกเขาทั้งหลาย นะคะ

จิตตนาถ - ได้ ครับ

จินดารัตน์ - ค่ะ เราก็เอาใจช่วยซึ่งกันและกันนะคะ สนับสนุนซึ่งกันและกันต่อไป

จิตตนาถ - ขอบคุณครับ

จินดารัตน์ - เราจะได้อยู่ได้โดยที่จะไม่ต้องไปอาศัยใคร เราอาศัยกันเอง

จิตตนาถ - อาศัยก็ดีครับ คือคนเห็นเราทำแล้วมีคุณค่าอยากมาลงโฆษณาเราก็รับครับ ไม่ใช่ว่าทำกับ ASTV คุณเห็นไหม ถ้าคุณไม่มาทำสินค้าอย่างนี้ ไม่รับอันอื่น มันก็ฮาร์ดคอร์เกินไปนะครับ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ เราอยู่บนทางสายกลางนะครับ

จินดารัตน์ - ถ้าจะมาสนับสนุนไม่เป็นไรนะคะ รีบเข้ามา

จิตตนาถ - ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณเห็นว่าสินค้าคุณก็ขายได้ถูกไหมครับ

จินดารัตน์ - ค่ะ วันนี้ขอบคุณ คุณจิตตนาถมากนะคะ ถ้ามีประเด็นอะไร สงสัยยังไง คนทางบ้านต้องการคำตอบ อาจจะเชิญมาอีกนะคะ

จิตตนาถ - ครับ ยินดีครับพี่แอน

จินดารัตน์ - ค่ะ ขอบพระคุณคะ

จิตตนาถ - ครับ ขอบคุณครับผม

จินดารัตน์ - วันนี้หมดเวลาแล้วนะคะ คงหายข้องใจแล้วใช่ไหมคะ แล้วก็คงจะสบายใจไปได้เยอะเลยละ เพราะบางคนเป็นห่วงเป็นใยว่า อู้ยจะไหวไหมโดนกดดันขนาดนี้ เห็นไหมค่ะ เจ้าตัวเขาบอกว่าเขาไม่หนักใจเลย เพราะว่าอยู่กันมาตั้งแต่เกิด แล้วก็เคียงบ่าเคียงไหล่พ่อมาตั้งกี่ปีมาแล้ว นี่คือไม่ใช่ภาระอันหนักอึ้งของเขา แต่เป็นหน้าที่และความเต็มใจที่จะทำกันต่อไป วันนี้ต้องขอบคุณคุณผู้ชมทุกท่านที่ติดตามชมรายการ และขอบคุณทุกๆคำถามที่ส่งเข้ามานะคะ รวมไปถึงข้อเสนอแนะด้วย ยังไงส่งมาคุยทางอีเมล์ก็ได้หรือว่าจดหมายก็ได้ วันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
กำลังโหลดความคิดเห็น