ASTVผู้จัดการรายวัน- กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศลงพื้นที่ทั่วประเทศเจาะกลุ่มผู้นำท้องถิ่น อบต. อบจ.ปั้นเป็น “ทูต FTA” หวังใช้เป็นมือไม้ติวเข้มกลุ่มเกษตรกรให้ตื่นตัวรองรับการเปิดเสรีและการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ จะจัดสัมมนา เรื่อง การเปิดเสรีทางการค้าสินค้า การบริการ และการลงทุนไทย ในวันที่ 26-27 พ.ย.2552 ณ โรงแรมลำพูนวิลล์ จ.ลำพูน โดยเจาะกลุ่มผู้นำท้องถิ่น อบจ. อบต.และกลุ่มเกษตรกรในภาคเหนือ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเปิดเสรีทางการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุนของไทยกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องอาเซียนเพื่อให้สามารถวางแผนการใช้ประโยชน์ รวมทั้งปรับตัวได้ทันหากจะมีผลกระทบเกิดขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่สร้างความรู้เรื่อง FTA แก่ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเจาะกลุ่มผู้นำท้องถิ่น เพื่ออธิบายทำความเข้าใจแก่ประชาชนและเกษตรกรให้มีโอกาสได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ในการดำเนินการ กรมฯ ได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ในการช่วยประสานเชิญชวนให้ผู้นำท้องถิ่น อบต. อบจ.และกลุ่มเกษตรกร ให้มาเข้าร่วมฝึกความรู้ด้าน FTA โดยกรมฯ คาดว่า ผู้นำท้องถิ่น จะได้รับความรู้ ความเข้าใจว่าการค้าระหว่างประเทศของไทยเป็นอย่างไร ทำไมต้อง FTA และ FTA ภาพชัดเจนที่เป็นอาเซียนจะเป็นอย่างไรใน 5 ปีข้างหน้า ที่จะเปลี่ยนเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 จะใช้ประโยชน์อย่างไรจากการเปิดเสรีการค้า แนวทางการปรับตัวทั้งด้านการผลิต การตลาด เพื่อนำไปสู่การเพิ่มโอกาสทางการค้า แนวทางการขอรับการเยียวยากรณีที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี
“เมื่อผ่านการฝึกอบรมแล้ว ผู้นำท้องถิ่น จะเป็นเสมือน ทูต FTA ให้กับภาครัฐ ในการเผยแพร่ข้อมูล FTA ไปสู่เกษตรกร และประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งหลังจากนี้ กรมฯ จะจัดโครงการในรูปแบบเดียวกันนี้ให้กับผู้นำท้องถิ่น ตามภาคต่างๆ อีกจำนวน 6 ครั้ง ตั้งแต่เดือนพ.ย.2552-ก.พ.2553 โดยสามารถติดตามการจัดสัมมนาได้ทางเว็บไซต์ www.thaifta.com” นางนันทวัลย์กล่าว
ปัจจุบันไทยมีการเจรจาการค้าระหว่างประเทศเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางการค้า การบริการ และการลงทุนในหลายเวที ได้แก่ องค์การการค้าโลก (WTO) ที่มีสมาชิก 153 ประเทศ เป็นเวทีร่วมในการกำหนดมาตรฐาน กฎระเบียบทางการค้า การค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน กรอบข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เช่น อาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-อินเดีย อาเซียน-เกาหลี อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ รวมถึงกรอบ FTA ไทย-ออสเตรเลีย ไทย-นิวซีแลนด์ ไทย-ญี่ปุ่น ไทย-อินเดีย ไทย-เปรู เป็นต้น
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ จะจัดสัมมนา เรื่อง การเปิดเสรีทางการค้าสินค้า การบริการ และการลงทุนไทย ในวันที่ 26-27 พ.ย.2552 ณ โรงแรมลำพูนวิลล์ จ.ลำพูน โดยเจาะกลุ่มผู้นำท้องถิ่น อบจ. อบต.และกลุ่มเกษตรกรในภาคเหนือ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเปิดเสรีทางการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุนของไทยกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องอาเซียนเพื่อให้สามารถวางแผนการใช้ประโยชน์ รวมทั้งปรับตัวได้ทันหากจะมีผลกระทบเกิดขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่สร้างความรู้เรื่อง FTA แก่ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเจาะกลุ่มผู้นำท้องถิ่น เพื่ออธิบายทำความเข้าใจแก่ประชาชนและเกษตรกรให้มีโอกาสได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ในการดำเนินการ กรมฯ ได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ในการช่วยประสานเชิญชวนให้ผู้นำท้องถิ่น อบต. อบจ.และกลุ่มเกษตรกร ให้มาเข้าร่วมฝึกความรู้ด้าน FTA โดยกรมฯ คาดว่า ผู้นำท้องถิ่น จะได้รับความรู้ ความเข้าใจว่าการค้าระหว่างประเทศของไทยเป็นอย่างไร ทำไมต้อง FTA และ FTA ภาพชัดเจนที่เป็นอาเซียนจะเป็นอย่างไรใน 5 ปีข้างหน้า ที่จะเปลี่ยนเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 จะใช้ประโยชน์อย่างไรจากการเปิดเสรีการค้า แนวทางการปรับตัวทั้งด้านการผลิต การตลาด เพื่อนำไปสู่การเพิ่มโอกาสทางการค้า แนวทางการขอรับการเยียวยากรณีที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี
“เมื่อผ่านการฝึกอบรมแล้ว ผู้นำท้องถิ่น จะเป็นเสมือน ทูต FTA ให้กับภาครัฐ ในการเผยแพร่ข้อมูล FTA ไปสู่เกษตรกร และประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งหลังจากนี้ กรมฯ จะจัดโครงการในรูปแบบเดียวกันนี้ให้กับผู้นำท้องถิ่น ตามภาคต่างๆ อีกจำนวน 6 ครั้ง ตั้งแต่เดือนพ.ย.2552-ก.พ.2553 โดยสามารถติดตามการจัดสัมมนาได้ทางเว็บไซต์ www.thaifta.com” นางนันทวัลย์กล่าว
ปัจจุบันไทยมีการเจรจาการค้าระหว่างประเทศเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางการค้า การบริการ และการลงทุนในหลายเวที ได้แก่ องค์การการค้าโลก (WTO) ที่มีสมาชิก 153 ประเทศ เป็นเวทีร่วมในการกำหนดมาตรฐาน กฎระเบียบทางการค้า การค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน กรอบข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เช่น อาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-อินเดีย อาเซียน-เกาหลี อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ รวมถึงกรอบ FTA ไทย-ออสเตรเลีย ไทย-นิวซีแลนด์ ไทย-ญี่ปุ่น ไทย-อินเดีย ไทย-เปรู เป็นต้น
