“กรีนเดย์” ฟิตลุยสนามผัก-ผลไม้อบกรอบเทรนด์สุขภาพ ส่ง “บร็อกโคลี ไขมันต่ำ” ลงตลาด แจงมุ่งโชว์พ่วงขายในงานอีเวนต์เทรนด์สุขภาพใหญ่ๆ
นายณัฐวุฒิ เผ่าปรีชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรีนเดย์ แฟมิลี่ จำกัด ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ผัก และผลไม้อบกรอบ “บร็อกโคลี” ตรา “Greenday” เปิดเผยว่า จากทิศทางตลาดอาหารเพื่อสุขภาพที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาดูแลบำรุงร่างกายกันมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงได้ออกผลิตภัณฑ์ ผักอบกรอบ “บร็อกโคลี” ขนาดบรรจุ 30 กรัม ในราคากล่องละ 60 บาท
โดยได้ทำตลาดมาแล้วระยะหนึ่งในประเทศไทย และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเป็นที่นิยมมากในกลุ่มสตรี ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งมักซื้อไว้เป็นอาหารรับประทานยามว่าง และรับประทานแทนผักสดรองลงมา ได้แก่ กลุ่มที่นิยมซื้อฝากให้กับคนรู้จักในวาระสำคัญต่างๆ อาทิ เทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ และวันผู้สูงอายุ เป็นต้น
สำหรับแผนการตลาดปีนี้ จะเน้นเพิ่มจำนวนลูกค้าฐานเดิมให้กว้างมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะเริ่มหันไปแนะนำยังกลุ่มลูกค้าที่มีอายุน้อยกว่า 35ปี เช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาปริญญาตรี และกลุ่มวัยทำงาน ทั้งนี้ เพราะพบว่าเทรนด์การดูสุขภาพทั้ง 2 กลุ่มนี้ กำลังมีอนาคต และหันมามองหาสินค้าที่ช่วยดูแลร่างกายมากขึ้น
ส่วนช่องทางการจำหน่าย ที่ผ่านมา จะแนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมใหญ่ๆ อาทิ งาน Amazing Thailand Grand Sale งาน Health & Cuisine งาน Thailand Best Buy สำหรับปีนี้จะมุ่งเน้น 2 ส่วน คือ ทั้งการต่อยอดแนะนำพร้อมจำหน่ายผ่านการร่วมกิจกรรมต่างๆ และการดำเนินการในรูปแบบการประชาสัมพันธ์
ทั้งนี้ บริษัทได้วางจำหน่ายในรูปแบบกล่องสีขาว และพิมพ์รูปบร็อกโคลีสีเขียว สดใส ขนาดใหญ่กลางกล่อง พร้อมสโลแกนหัวมุม “Healthy Tasty Greenday” วางจำหน่ายที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เกตเพลส, ดิ เอ็มโพเรียม, สยามพารากอน, วิลล่า มาร์เก็ท และร้านอาหารเพื่อสุขภาพอย่าง เลม่อนฟาร์ม เป็นต้น
นายณัฐวุฒิ เผ่าปรีชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรีนเดย์ แฟมิลี่ จำกัด ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ผัก และผลไม้อบกรอบ “บร็อกโคลี” ตรา “Greenday” เปิดเผยว่า จากทิศทางตลาดอาหารเพื่อสุขภาพที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาดูแลบำรุงร่างกายกันมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงได้ออกผลิตภัณฑ์ ผักอบกรอบ “บร็อกโคลี” ขนาดบรรจุ 30 กรัม ในราคากล่องละ 60 บาท
โดยได้ทำตลาดมาแล้วระยะหนึ่งในประเทศไทย และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเป็นที่นิยมมากในกลุ่มสตรี ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งมักซื้อไว้เป็นอาหารรับประทานยามว่าง และรับประทานแทนผักสดรองลงมา ได้แก่ กลุ่มที่นิยมซื้อฝากให้กับคนรู้จักในวาระสำคัญต่างๆ อาทิ เทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ และวันผู้สูงอายุ เป็นต้น
สำหรับแผนการตลาดปีนี้ จะเน้นเพิ่มจำนวนลูกค้าฐานเดิมให้กว้างมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะเริ่มหันไปแนะนำยังกลุ่มลูกค้าที่มีอายุน้อยกว่า 35ปี เช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาปริญญาตรี และกลุ่มวัยทำงาน ทั้งนี้ เพราะพบว่าเทรนด์การดูสุขภาพทั้ง 2 กลุ่มนี้ กำลังมีอนาคต และหันมามองหาสินค้าที่ช่วยดูแลร่างกายมากขึ้น
ส่วนช่องทางการจำหน่าย ที่ผ่านมา จะแนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมใหญ่ๆ อาทิ งาน Amazing Thailand Grand Sale งาน Health & Cuisine งาน Thailand Best Buy สำหรับปีนี้จะมุ่งเน้น 2 ส่วน คือ ทั้งการต่อยอดแนะนำพร้อมจำหน่ายผ่านการร่วมกิจกรรมต่างๆ และการดำเนินการในรูปแบบการประชาสัมพันธ์
ทั้งนี้ บริษัทได้วางจำหน่ายในรูปแบบกล่องสีขาว และพิมพ์รูปบร็อกโคลีสีเขียว สดใส ขนาดใหญ่กลางกล่อง พร้อมสโลแกนหัวมุม “Healthy Tasty Greenday” วางจำหน่ายที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เกตเพลส, ดิ เอ็มโพเรียม, สยามพารากอน, วิลล่า มาร์เก็ท และร้านอาหารเพื่อสุขภาพอย่าง เลม่อนฟาร์ม เป็นต้น