xs
xsm
sm
md
lg

“แพลนเนทฯ” สยายปีก ตปท.ผนึกโลคอลรุกคอลเซ็นเตอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“แพลนเนทฯ” รุกตลาดขายสินค้าผ่านคอลเซ็นเตอร์ต่างประเทศ ตั้งเป้า 3 เฟส  ประเดิมมาเลเซียไปแล้ว ล่าสุด ผนึกยักษ์ฟรีทีวี ตั้งบริษัทร่วมทุนในเวียดนาม คาดยอดขายรวมปีนี้ 1,000 ล้านบาท

นายจุล โชติกะวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพลนเนท คอนเนคชั่น (ประเทศไทย)  จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายสินค้าผ่านคอลเซ็นเตอร์ เบอร์ 1577 ในไทย กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายในการขยายธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศมากขึ้น  หลังจากทำธุรกิจในไทยมาแล้ว 6 ปี โดยใช้วิธีการร่วมทุนกับกลุ่มทุนท้องถิ่นในแต่ละประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศใช้เบอร์ไม่เหมือนกัน

โดยเฟสที่ 1 จะมองตลาดภูมิภาคอาเซียน  เฟสที่ 2  ภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น ไต้หวัน เกาหลี  ญี่ปุ่น และ จีน เป็นต้น  และเฟสที่ 3  ภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มไปแล้วที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนธันวาคม 2551 เป็นประเทศแรก และคาดว่า จะมียอดขายประมาณ 250-300 ล้านบาท ในปีหน้า

ล่าสุด ได้ขยายไปยังประเทศเวียดนาม โดยได้ร่วมทุนกับทาง บริษัท ลาสต้า มัลติมีเดีย จอยท์ สต็อก คอมพานี (เวียดนาม) ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ และช่องฟรีทีวี  VT 9 ตั้งบริษัท  แพลนเนท คอนเนคชั่น จอยท์ สต็อก คอมพานี (เวียดนาม)  จำกัด ใช้เงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท  เพื่อดำเนินธุรกิจขายสินค้าผ่านคอลเซ็นเตอร์ เริ่มเป็นทางการในเดือนนี้ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายปีหน้าประมาณ 350 ล้านบาท  และคาดว่าปี 2554 จะมียอดขายรวม 830 ล้านบาท

แผนงานจากนี้ คาดว่า ในกลางปีหน้าจะขยายธุรกิจเข้าไปยังประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรมากกว่า 250 ล้านคน เป็นตลาดที่ใหญ่และน่าสนใจมาก  ฟิลิปปินส์ และบรูไน ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจในไทย ผ่านเบอร์คอลเซ็นเตอร์ 1577 มีสินค้าที่รับจัดจำหน่ายประมาณ  150 แบรนด์ ทั้งของไทยและต่างประเทศ  ซึ่งแต่ละประเทศที่เข้าไปทำธุรกิจก็จะมีสินค้าเหล่านี้ไปขาย รวมกับสินค้าในท้องถิ่นประเทศนั้นด้วย ขณะเดียวกัน ก็จะนำสินค้าของประเทศนั้นไปขายยังเครือข่ายที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจในแต่ละประเทศด้วย ซึ่งจะทำให้เจ้าของสินค้ามีช่องทางในการจำหน่ายสินค้ามากขึ้นนอกจากในประเทศไทย ทำให้เป็นจุดเด่นของธุรกิจของบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทจะมีรายได้จากการหักค่าบริการต่างๆ จากเจ้าของสินค้าเฉลี่ย 40% จากยอดขายของสินค้า ขึ้นอยู่กับมูลค่าของสินค้า ส่วนในต่างประเทศขึ้นอยู่กับการเจรจาแต่อยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงกัน  อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นจำนวนที่หักสูงก็ตาม แต่ก็ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าที่ต้องถูกหักจากช่องทางโมเดิร์นเทรด ที่คิดค่าบริการช่องทางจัดจำหน่าย 38% ค่าวางของ 2% และค่าส่วนลดปลายปี 2% รวมแล้วเป็น  42%

โดยขณะนี้สินค้าที่จำหน่ายในไทยมี 3 กลุ่มหลัก คือ 1.สกินแคร์ สัดส่วนยอดขาย 55%   2.อาหารเสริม สัดส่วนยอดขาย 25%  3.เครื่องใช้ไฟฟ้า สัดส่วนยอดขาย 20%   คาดว่า สิ้นปีนี้จะมียอดขายในไทยประมาณ 700 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้ว 500 ล้านบาท ส่วนรายได้ของบริษัทนั้น คาดว่า ในปีนี้ในไทยจะมีประมาณ  14-22% จากยอดขายรวม โดยคาดว่าภายในปี 2553 บริษัทฯจะมีอัตราการเติบโตของยอดขายสินค้ารวม 25% ส่วนยอดขายรวมทั้งหมดในไทยและต่างประเทศปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท

นายทราน มิน เตี๋ยน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลาสต้า มัลติมีเดีย จอยท์ สต็อก คอมพานี จำกัด (เวียดนาม) กล่าวว่า บริษัทมีสายงานธุรกิจหลากหลาย เช่น ทีวี  อุตสาหกรรมโฆษณา การตลาด ธุรกิจโทรคมนาคม และยังมีความเชี่ยวชาญการนำเข้าและส่งออกสินค้า กระจายสินค้า ทำให้มีความพร้อมในการรุกธุรกิจจัดจำหน่ายผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์

“ผู้บริโภคชาวเวียดนามมีความชอบในเรื่องสินค้าแบรนด์เนม หรือสินค้าที่นำเข้าจากประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากฝรั่งเศส สหรัฐฯ เกาหลี ญี่ปุ่น และ ไทย ซึ่งนับว่าเป็นข้อดีของการทำตลาดกับผู้บริโภคในเวียดนาม ที่เราจะเปิดตลาดในธุรกิจนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น” นายทราน กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น