โมเดิร์นไนน์ ปรับสัดส่วนรายการบันเทิงสู่ 40% ปีหน้า ดันดราม่า ข่าว วาไรตี้ ชูความน่าสนใจดูดลูกค้าเทกระเป๋าซื้อโฆษณาเพิ่ม ครึ่งปีหลังต้องบริหารจัดการให้ดี ทั้งต้นทุน และวิทยุ เพื่อดันรายได้รวมเติบโตตามแผน
นายเขมทัตต์ พลเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามกฎหมายแล้ว โมเดิร์นไนน์ ถือเป็นฟรีทีวีในกลุ่มคอมเมอร์เชียลทีวี เช่นเดียวกับ ช่อง 3 และ ช่อง 7 ดังนั้น ทางสถานีจึงพยายามปรับรายการบันเทิงให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม จากเดิมในปีก่อนอยู่ที่ 30% ของรายการทั้งหมด ปีนี้ขยับขึ้นเป็น 35% โดยในปีหน้าน่าจะอยู่ที่ 40% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม
สำหรับแผนการขยับคอนเทนต์รายการบันเทิง จะยังคงคอนเซปต์การเป็นคอนเทนต์ใหม่ๆ ให้ความรู้และความบังเทิง และต้องตรงกับแบรนดิ้งของสถานี ในความเป็นโมเดิร์นไนน์ จับกลุ่มฐานผู้ชมคนรุ่นใหม่
ล่าสุด กับซีรีย์เกาหลี จากเดิมที่เริ่มนำซีรีย์เกาหลีเข้ามาออกอากาศตั้งแต่ต้นปี 2551 ที่ผ่านมา ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.30-16.30 น.เพื่อต้องการปรับช่วงเวลานั้นให้มีความน่าสนใจ และจับกลุ่มผู้ชมที่เป็นแม่บ้านให้มากขึ้น พบว่า ช่วงเวลาดังกล่าว มีส่วนแบ่งผู้ชมเพิ่มขึ้นเป็น 19-20% ขณะเดียวกัน ส่วนแบ่งโฆษณาในช่วงเวลาดังกล่าวยังขยับขึ้นมาอยู่ที่ 9.8-10%เมื่อเทียบกับสถานีช่องอื่นด้วย
ดังนั้น ทางโมเดิร์นไนน์ จึงได้ขยายเวลาเพิ่มให้กับรายการบันเทิงซีรีย์เกาหลีให้มากขึ้น โดยได้ร่วมกับ บริษัท เอสทีจี มัลติมีเดีย จำกัด เปิดตัวช่วงรายการ “โมเดิร์นไนน์ ซีรีส์” จากปกติออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.30-16.30 น.แล้ว ยังขยายสู่ช่วงดึกในเวลา 02.30-03.30 น.ทุกคืนวันจันทร์-ศุกร์ อีกด้วย หลังจากที่พบว่ายังมีกลุ่มผู้ชมอีกจำนวนมากที่ยังทำงาน และมองหารายการรับชมในช่วงดังกล่าว จึงนำซีรีย์เกาหลีมาช่วยดึงฐานผู้ชมไว้ ส่วนหนึ่งเพื่อไม่ให้หันไปชมรายการทางเคเบิลทีวีด้วย ซึ่งการเพิ่มช่วงดึกนั้น ได้เริ่มมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
นายเขมทัตต์ กล่าวต่อว่า รายการบันเทิงที่ทางบริษัทหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับการจัดแพกเกจการขายโฆษณาให้ลูกค้าได้ง่ายขึ้น เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมลงโฆษณาในรายการบันเทิง เรตติ้งดีๆ ขณะที่สินค้าที่พร้อมใช้จ่ายเงินโฆษณา ยังคงเป็นกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์เป้นหลัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมุ่งเน้น 3 กลุ่มรายการ เพื่อให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น คือ ข่าว ละคร และวาไรตี้ โดยในกลุ่มข่าวจะเน้นการนำเสนอให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ส่วนละครจะมีการนำเสนอที่ดูทันสมัย และวาไรตี้ที่มีความอินเตอร์มากขึ้น ซึ่งภาพรวมรายได้จากทีวีครึ่งปีที่ผ่านมา ยังเติบโตได้ดีอยู่ที่ 3-5% ขณะที่วิทยุยังขาดทุน
ดังนั้น ครึ่งปีหลังจะพยายามบริหารจัดการธุรกิจวิทยุ และเรื่องต้นทุนต่างๆ ให้ดี เพื่อประคองรายได้รวมให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ขณะที่รายได้ทีวีไม่น่าห่วง เพราะยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดีอยู่
นายเขมทัตต์ พลเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามกฎหมายแล้ว โมเดิร์นไนน์ ถือเป็นฟรีทีวีในกลุ่มคอมเมอร์เชียลทีวี เช่นเดียวกับ ช่อง 3 และ ช่อง 7 ดังนั้น ทางสถานีจึงพยายามปรับรายการบันเทิงให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม จากเดิมในปีก่อนอยู่ที่ 30% ของรายการทั้งหมด ปีนี้ขยับขึ้นเป็น 35% โดยในปีหน้าน่าจะอยู่ที่ 40% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม
สำหรับแผนการขยับคอนเทนต์รายการบันเทิง จะยังคงคอนเซปต์การเป็นคอนเทนต์ใหม่ๆ ให้ความรู้และความบังเทิง และต้องตรงกับแบรนดิ้งของสถานี ในความเป็นโมเดิร์นไนน์ จับกลุ่มฐานผู้ชมคนรุ่นใหม่
ล่าสุด กับซีรีย์เกาหลี จากเดิมที่เริ่มนำซีรีย์เกาหลีเข้ามาออกอากาศตั้งแต่ต้นปี 2551 ที่ผ่านมา ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.30-16.30 น.เพื่อต้องการปรับช่วงเวลานั้นให้มีความน่าสนใจ และจับกลุ่มผู้ชมที่เป็นแม่บ้านให้มากขึ้น พบว่า ช่วงเวลาดังกล่าว มีส่วนแบ่งผู้ชมเพิ่มขึ้นเป็น 19-20% ขณะเดียวกัน ส่วนแบ่งโฆษณาในช่วงเวลาดังกล่าวยังขยับขึ้นมาอยู่ที่ 9.8-10%เมื่อเทียบกับสถานีช่องอื่นด้วย
ดังนั้น ทางโมเดิร์นไนน์ จึงได้ขยายเวลาเพิ่มให้กับรายการบันเทิงซีรีย์เกาหลีให้มากขึ้น โดยได้ร่วมกับ บริษัท เอสทีจี มัลติมีเดีย จำกัด เปิดตัวช่วงรายการ “โมเดิร์นไนน์ ซีรีส์” จากปกติออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.30-16.30 น.แล้ว ยังขยายสู่ช่วงดึกในเวลา 02.30-03.30 น.ทุกคืนวันจันทร์-ศุกร์ อีกด้วย หลังจากที่พบว่ายังมีกลุ่มผู้ชมอีกจำนวนมากที่ยังทำงาน และมองหารายการรับชมในช่วงดังกล่าว จึงนำซีรีย์เกาหลีมาช่วยดึงฐานผู้ชมไว้ ส่วนหนึ่งเพื่อไม่ให้หันไปชมรายการทางเคเบิลทีวีด้วย ซึ่งการเพิ่มช่วงดึกนั้น ได้เริ่มมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
นายเขมทัตต์ กล่าวต่อว่า รายการบันเทิงที่ทางบริษัทหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับการจัดแพกเกจการขายโฆษณาให้ลูกค้าได้ง่ายขึ้น เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมลงโฆษณาในรายการบันเทิง เรตติ้งดีๆ ขณะที่สินค้าที่พร้อมใช้จ่ายเงินโฆษณา ยังคงเป็นกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์เป้นหลัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมุ่งเน้น 3 กลุ่มรายการ เพื่อให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น คือ ข่าว ละคร และวาไรตี้ โดยในกลุ่มข่าวจะเน้นการนำเสนอให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ส่วนละครจะมีการนำเสนอที่ดูทันสมัย และวาไรตี้ที่มีความอินเตอร์มากขึ้น ซึ่งภาพรวมรายได้จากทีวีครึ่งปีที่ผ่านมา ยังเติบโตได้ดีอยู่ที่ 3-5% ขณะที่วิทยุยังขาดทุน
ดังนั้น ครึ่งปีหลังจะพยายามบริหารจัดการธุรกิจวิทยุ และเรื่องต้นทุนต่างๆ ให้ดี เพื่อประคองรายได้รวมให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ขณะที่รายได้ทีวีไม่น่าห่วง เพราะยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดีอยู่