ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็งรุกตลาด ปิดจุดอ่อนสาขาน้อย ขยายช่องทางใหม่ ผนึกชอปปิ้งดอทคอม ขายสินค้าผ่านเว็บ ประเดิมกลุ่มสินค้าเย็บปักถักร้อย หวังขยายกลุ่มเป้าหมายสู่คนรุ่นใหม่ ยอมรับปีนี้ทำธุรกิจลำบาก ส่งผลยอดขายไม่โต ลั่นปีหน้า ทุ่มงบ 50 ล้านบาท รีโนเวทสาขาธนบุรี ปรับพื้นที่ พร้อมเปิดโซนฟาสต์ฟู้ดด้านหน้า ลุยเปิดเก็ทอิทอีก 10 แห่ง
นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งอั่วเส็งได้ขยายช่อทางการจำหน่ายไปสู่ตลาดออนไลน์ โดยได้ร่วมมือกับทาง บริษัท สนุกช้อปปิ้ง จำกัด ในการทำตลาดการซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์ทางชอปปิ้งดอทคอม โดยในช่วงแรกนี้ได้นำสินค้าในกลุ่มของเย็บปักถักร้อยเข้ามาจำหน่ายผ่านเว็บดังกล่าวก่อน โดยคาดว่าจะเริ่มได้ภายในเดือนนี้ หลังจากที่เซ็นสัญญาไปเมื่อวานนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯต้องรอดูถึงผลตอบรับก่อนว่าเป็นอย่างไร หากดีจะขยายตลาดไปยังสินค้ากลุ่มอื่นเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งฮั่วเส็งเองก็เคยมีการทำตลาดผ่านออนไลน์ผ่านเว๊บไซต์ของบริษัทเองเหมือนกันซึ่งทำเฉพาะกลุ่มเย็บปักถักร้อยเท่านั้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาและยังทำอยู่ ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ตั้งฮั่วเส็งสามารถขยายตลาดไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ด้วย และเป็นการเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ด้วย
เนื่องจากการทำธุรกิจในปัจจุบันต้องมีช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น และตอบสนองความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งด้านบริการและสินค้า รวมทั้งการขยายกลุ่มตลาดใหม่ๆ ซึ่งตั้งฮั่วเส็งเองมีสาขาน้อยเมื่อเทียบกับห้างอื่นที่มีสาขามาก ทำให้ต้องปรับตัวเข้าสู่ตลาดออนไลน์ เพื่อจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการผลักดันรายได้ให้เติบโตขึ้น
“ในปีนี้ยอมรับว่าการทำธุรกิจลำบากมาก ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดีก็ยังมีอยู่ ส่งผลให้ปีนี้รายได้ไม่เติบโต คือ ประมาณ 2,000 ล้านบาท เท่านั้น” นายวิโรจน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายวิโรจน์ มองว่า ในปีหน้าคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้นกว่าปีนี้ และตั้งฮั่วเส็งเองก็มีการปรับตัวทั้งการลงทุนและการตลาด คาดว่าจะช่วยผลักดันให้ปีหน้ามีรายได้เติบโต 10%
โดยแผนธุกริจในปีหน้า เตรียมงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ในการรีโนเวทใหญ่สาขาธนบุรี โดยส่วนที่ 1 ใช้งบ 25 ล้านบาท เพิ่มพื้นที่ด้านหน้าชั้นล่างให้เป็นโซนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ จากเดิมที่เป็นพื้นที่ดิสเพลย์และพื้นที่ว่าง ส่วนที่ 2 ใช้งบ 25 ล้านบาทในการปรับพื้นที่และคอนเซ็ปท์ของชั้น 3 และ ชั้น 4 เป็นครีเอทีฟไลฟ์เซ็นเตอร์ ซึ่งจะเป็นสินค้างานบ้าน งานอาหาร งานอดิเรก งานฝีมือ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนชั้น 5 ปัจจุบันเป็นพื้นที่ว่างจะปรับให้เป็นพื้นที่การศึกษาและกิจกรรม
ส่วนเก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ตนั้น ในปีหน้ามีแผนที่จะขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 10 สาขา ใช้งบลงทุนเฉลี่ย 3-5 ล้านบาทต่อสาขา หรือรวมประมาณ 40-50 ล้านบาท นอกจากนั้นจะปรับสาขาของตั้งฮั่วเส็งมินิมาร์ทเก่าทั้งหมด 5 สาขาให้เป็นเก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย รวมทั้งพลัสวันซูเปอร์มาร์เก็ตเดิมที่สาขาธนบุรีด้วยจะปรับเป็นเก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ต
ปัจจุบันบริษัทฯมีร้านเก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดบริการแล้วจำนวน 4 สาขา ซึ่งส่วนใหญ่จะกระจายอยู่ในย่านพุทธมณฑล และปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นเรื่องของการกระจายสินค้าด้วย ส่วนอนาคตหากมีสาขามากขึ้นและความพร้อมด้านการกระจายสินค้าก็จะขยายไปยังพื้นที่อื่นด้วย
“ตอนนี้เราก็เป็นพันธมิตรกับปั๊มน้ำมันซัสโก้ เราเปิดกับเขาไปแล้ว 2 แห่ง ซึ่งในกรุงเทพฯซัสโก้มีปั๊มนน้ำมันมากว่กา 50 แห่ง เราก็จะดูว่าสาขาไหนมีความเหมาะสมเราก็จะเปิดเก็ทอิทในซัสโก้เพิ่มขึ้นอีก นอกจากนั้นเราก็ยังมีคอนเนคชั่นที่ดีกับทางโรพยาบาล มหาวิทยาลัยต่างๆอีกหลายแห่งที่มีแผนจะเปิดอีกด้วย” นายวิโรจน์กล่าว
นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งอั่วเส็งได้ขยายช่อทางการจำหน่ายไปสู่ตลาดออนไลน์ โดยได้ร่วมมือกับทาง บริษัท สนุกช้อปปิ้ง จำกัด ในการทำตลาดการซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์ทางชอปปิ้งดอทคอม โดยในช่วงแรกนี้ได้นำสินค้าในกลุ่มของเย็บปักถักร้อยเข้ามาจำหน่ายผ่านเว็บดังกล่าวก่อน โดยคาดว่าจะเริ่มได้ภายในเดือนนี้ หลังจากที่เซ็นสัญญาไปเมื่อวานนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯต้องรอดูถึงผลตอบรับก่อนว่าเป็นอย่างไร หากดีจะขยายตลาดไปยังสินค้ากลุ่มอื่นเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งฮั่วเส็งเองก็เคยมีการทำตลาดผ่านออนไลน์ผ่านเว๊บไซต์ของบริษัทเองเหมือนกันซึ่งทำเฉพาะกลุ่มเย็บปักถักร้อยเท่านั้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาและยังทำอยู่ ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ตั้งฮั่วเส็งสามารถขยายตลาดไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ด้วย และเป็นการเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ด้วย
เนื่องจากการทำธุรกิจในปัจจุบันต้องมีช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น และตอบสนองความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งด้านบริการและสินค้า รวมทั้งการขยายกลุ่มตลาดใหม่ๆ ซึ่งตั้งฮั่วเส็งเองมีสาขาน้อยเมื่อเทียบกับห้างอื่นที่มีสาขามาก ทำให้ต้องปรับตัวเข้าสู่ตลาดออนไลน์ เพื่อจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการผลักดันรายได้ให้เติบโตขึ้น
“ในปีนี้ยอมรับว่าการทำธุรกิจลำบากมาก ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดีก็ยังมีอยู่ ส่งผลให้ปีนี้รายได้ไม่เติบโต คือ ประมาณ 2,000 ล้านบาท เท่านั้น” นายวิโรจน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายวิโรจน์ มองว่า ในปีหน้าคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้นกว่าปีนี้ และตั้งฮั่วเส็งเองก็มีการปรับตัวทั้งการลงทุนและการตลาด คาดว่าจะช่วยผลักดันให้ปีหน้ามีรายได้เติบโต 10%
โดยแผนธุกริจในปีหน้า เตรียมงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ในการรีโนเวทใหญ่สาขาธนบุรี โดยส่วนที่ 1 ใช้งบ 25 ล้านบาท เพิ่มพื้นที่ด้านหน้าชั้นล่างให้เป็นโซนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ จากเดิมที่เป็นพื้นที่ดิสเพลย์และพื้นที่ว่าง ส่วนที่ 2 ใช้งบ 25 ล้านบาทในการปรับพื้นที่และคอนเซ็ปท์ของชั้น 3 และ ชั้น 4 เป็นครีเอทีฟไลฟ์เซ็นเตอร์ ซึ่งจะเป็นสินค้างานบ้าน งานอาหาร งานอดิเรก งานฝีมือ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนชั้น 5 ปัจจุบันเป็นพื้นที่ว่างจะปรับให้เป็นพื้นที่การศึกษาและกิจกรรม
ส่วนเก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ตนั้น ในปีหน้ามีแผนที่จะขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 10 สาขา ใช้งบลงทุนเฉลี่ย 3-5 ล้านบาทต่อสาขา หรือรวมประมาณ 40-50 ล้านบาท นอกจากนั้นจะปรับสาขาของตั้งฮั่วเส็งมินิมาร์ทเก่าทั้งหมด 5 สาขาให้เป็นเก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย รวมทั้งพลัสวันซูเปอร์มาร์เก็ตเดิมที่สาขาธนบุรีด้วยจะปรับเป็นเก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ต
ปัจจุบันบริษัทฯมีร้านเก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดบริการแล้วจำนวน 4 สาขา ซึ่งส่วนใหญ่จะกระจายอยู่ในย่านพุทธมณฑล และปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นเรื่องของการกระจายสินค้าด้วย ส่วนอนาคตหากมีสาขามากขึ้นและความพร้อมด้านการกระจายสินค้าก็จะขยายไปยังพื้นที่อื่นด้วย
“ตอนนี้เราก็เป็นพันธมิตรกับปั๊มน้ำมันซัสโก้ เราเปิดกับเขาไปแล้ว 2 แห่ง ซึ่งในกรุงเทพฯซัสโก้มีปั๊มนน้ำมันมากว่กา 50 แห่ง เราก็จะดูว่าสาขาไหนมีความเหมาะสมเราก็จะเปิดเก็ทอิทในซัสโก้เพิ่มขึ้นอีก นอกจากนั้นเราก็ยังมีคอนเนคชั่นที่ดีกับทางโรพยาบาล มหาวิทยาลัยต่างๆอีกหลายแห่งที่มีแผนจะเปิดอีกด้วย” นายวิโรจน์กล่าว