ที่ประชุม กกร.วันนี้ แต่งตั้งคณะทำงานทำความเข้าใจการลงทุนในมาบตาพุดกับสิ่งแวดล้อม พร้อมยืนยันว่า ที่ประชุมมีความห่วงใยต่อสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ หากสินค้าที่ผลิตไม่ได้มาตรฐานส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็จะขายสินค้าที่ผลิตขึ้นมาไม่ได้ในต่างประเทศ
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า การประชุม กกร.วันนี้ มีมติที่ยืนยันว่า มีความห่วงใยต่อสภาพแวดล้อมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ไม่แตกต่างจากหลายฝ่ายที่เป็นห่วงในขณะนี้ และบริษัทที่ลงทุนในมาบตาพุดส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีความเป็นห่วงด้านสิ่งแวดล้อมมากยิ่งกว่า เนื่องจากหากสินค้าที่ผลิตไม่ได้มาตรฐานส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็จะขายสินค้าที่ผลิตขึ้นมาไม่ได้ในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ที่ประชุม กกร.มีมติตั้งคณะทำงานร่วม 3 สถาบัน โดยมี นายสันติ วิลาสศักดานนท์ เป็นประธานคณะทำงาน เพื่อทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจว่าโครงการได้ดำเนินการลงทุนภายใต้กฎหมายทั้งสิ้นและห่วงใยในสิ่งแวดล้อม ส่วนสาเหตุที่ตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าว เพราะที่ผ่านมามีการให้ข่าวประชาสัมพันธ์โดยแยกกันให้ข่าวทำให้เกิดความเข้าใจไม่ชัดเจน จึงต้องการให้เป็นเอกภาพมากขึ้น
นายดุสิต กล่าวอีกว่า ที่ประชุม กกร.เตรียมเสนอขอความช่วยเหลือทางการเงินในรูปเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ซึ่งก่อนหน้านี้ ธปท.เคยให้ความช่วยเหลือ แต่หลังจากมี พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ทำให้ ธปท.ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้และจะให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ช่วยเหลือทางด้านการเงิน
ขณะเดียวกัน ไทยได้ทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับหลายประเทศก็จะมีการตั้งคณะทำงานติดตามประเมินการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ ว่า มีอุปสรรคอะไรบ้าง จึงอยากให้ภาครัฐมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อช่วยประสานกับหน่วยราชการทั้งหมด
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหยิบยกประเด็นการให้สินเชื่อ และจัดเตรียมยุทธศาสตร์ยางพาราเสนอเข้าที่ประชุม กรอ.ในครั้งต่อไปด้วย รวมทั้งขอลดค่าใช้น้ำบาดาลจากลูกบาศก์เมตรละ 8.50 เหลือ 4.50 บาท เนื่องจากภาคเอกชนยังมีภาระค่าใช้จ่ายอื่นอีก ทำให้ค่าน้ำปัจจุบันสูงถึงลูกบาศก์เมตรละ 25 บาท ประกอบกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ศึกษาแล้ว พบว่า การใช้น้ำบาดาลไม่ก่อให้เกิดปัญหาแผ่นดินทรุดแต่อย่างใด
ด้าน นายสันติ กล่าวว่า 76 โครงการ ลงทุนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างและดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วนั้น ขณะนี้แต่ละบริษัทยังคงดำเนินการ เพราะส่วนราชการที่ได้รับคำสั่งจากศาลปกครองกลางให้ระงับยังรอผลการพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด จึงไม่มีคำสั่งให้หยุดดำเนินการแต่อย่างใด
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า 76 โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีมูลค่าลงทุนรวมกันประมาณ 400,000 ล้านบาท มีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบกับโครงการที่เดินหน้า เนื่องจากหน่วยราชการยังไม่มีคำสั่งหยุดโครงการ จึงยังไม่มีผลกระทบต่อสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อ และทุกธนาคารยังคงให้เบิกเงินกู้ตามปกติ ประกอบกับผู้ลงทุนส่วนใหญ่ยังดูแลตัวเองได้ ซึ่งขณะนี้รอคำพิพากษาของศาลว่าจะออกมาในทิศทางใด
นายพยุงศักดิ์ ชาติสิทธิผล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท.กล่าวว่า 76 โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดมีโครงการเหล็กลงทุนไม่มาก อย่างไรก็ตาม ในแง่ความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนเป็นเรื่องที่เปราะบาง เพราะขณะนี้มีผู้ประกอบการพร้อมเข้ามาลงทุนในโครงการเหล็กหลายราย ขณะที่ประเทศไทยอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ทางด้านพื้นที่ที่จะลงทุนและอย่างอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง ครงการลงทุนเหล็กใหม่จะมีการควบคุมดูแลปัญหามลพิษ ซึ่งมีตัวอย่างในต่างประเทศที่จะนำมาใช้ การเดินหน้าโครงการจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนและชุมชนด้วย