อย่าหวังพึ่งสภาพัฒน์

หลังประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน "สันติ วิลาสศักดานนท์" ร้อนใจบอกวันนี้จะเร่งหารือกับนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลในนาม กกร.เพื่อเสนอแนวทางแก้ปัญหากรณีศาลปกครองมีคำสั่งระงับ 76 โครงการที่มาบตาพุด ทุกแนวทางล้วนเป็นโจทย์ที่รัฐบาลต้องรับไปดำเนินการ เพราะเกี่ยวกับการกำกับดูแลโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดให้เป็นไปตามมาตรา 67 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งฝ่ายบริหารละเลยมาตลอด...

กกร.เสนอให้ภาครัฐหาข้อสรุปที่ชัดเจนในมาตรา 67 วรรค 2 และให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบความคืบหน้ากระบวนการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 เพราะที่ผ่านมาการอ้างอิงข้อมูลทางวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมจากหน่วยงานภาครัฐ "ไปคนละทิศคนละทาง" เป็นข้อกล่าวหาที่ปฏิเสธยาก...

ความล่าช้ากรณีมาบตาพุด เกิดขึ้นตั้งแต่รัฐบาลทหารแก่ "พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์" เป็นนายกฯ มี "โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์" เป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีกระทรวงอุตฯ กำกับดูแลสภาพัฒน์ แต่ "โฆสิต" คอยแต่นั่งนับว่าเมื่อไหร่จะได้กลับไปทำงานที่แบงก์กรุงเทพ เรื่องที่ควรจะผลักดันจึงไม่คืบ วันนี้ "อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ" ไม่มีเวลานั่งคร่ำครวญอีกต่อไป ทว่า "มาร์ค" มัวแต่สนุกกับเกมการเมืองเคาะกะลาแก้รัฐธรรมนูญหวังต่ออายุรัฐบาล ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจหรือการเมืองอย่างไหนเร่งด่วนกว่ากัน...

แม้จะยื่นอุทธรณ์มาบตาพุดไปแล้ว แต่ศาลปกครองก็ยังหาทางลงไม่เจอ นอกจากพิพากษายืน ส่วนประชุม ครม.ทำได้แค่เห็นชอบตามที่สภาพัฒน์ที่เสนอให้พัฒนาพื้นที่มาบตาพุด ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมหรือเร่งด่วนทันการณ์ ข้อเสนอให้กำกับดูแลโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดให้เป็นไปตามมาตรา 67 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 ทำได้แค่มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยตรวจสอบโครงการลงทุน 55 โครงการ ที่อยู่ระหว่างรอการอนุมัติว่าโครงการใดที่จะทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ยังจับต้องไม่ได้ ไม่รู้เมื่อไหร่เสร็จ...

ยิ่งเป็นข้อเสนอสภาพัฒน์ยุคใต้บาทา "เนวิน" ยิ่งเละเป็นโจ๊ก องค์กรหลักทางเศรษฐกิจไทยอย่างสภาพัฒน์ วันนี้เหลือแต่ชื่อ โครงสร้างผู้บริหารถูกรื้อใหม่ตามใบสั่งขาใหญ่การเมืองไทย แต่หากเป็นเรื่องสร้างโปรเจ็กต์แลกเปลี่ยนผลประโยชน์พรรคการเมืองกับภาคธุรกิจเอกชน เหมือนที่สภาพัฒน์สร้างผลงานชิ้นโบว์ดำตีตรารับรอง โครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน อย่างนี้ถนัดนัก จริงมั๊ย "ดร.กบ ชิดชอบ"...

บ่ายวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา "พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์" อดีต ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เดินทางกลับไทย เป็นเที่ยวบิน ดูไบ-สุวรรณภูมิ" ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม.จึงนำตัวไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในฐานะผู้ต้องหาคดีหวยบนดิน ที่ศาลพิพากษาไปเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา วันนั้น ศาลสั่งจำคุก "วราเทพ รัตนากร-สมใจนึก เองตระกูล-ชัยวัฒน์ พสกภักดี" คนละ 2 ปี รอลงอาญา...

จำเลยที่ไม่ไปตามนัด มี 4 ราย ถูกออกหมายจับให้ไปฟังคำพิพากษาในวันที่ 18 พ.ย.นี้ นอกจาก "สุรสิทธิ์" แล้วยังมี "อดิศัย โพธารามิก-ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ-สมใจนึก เองตระกูล" ไฮไลต์น่าจะอยู่ที่ "สุรสิทธิ์" เพราะวันที่ 5 ส.ค.52 ก่อนศาลนัดฟังคำพิพากษาเกือบ 2 เดือน นรต.26 รุ่นเดียวกับทักษิณคนนี้ ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการ สำนักงานผู้บัญชาการ ประจำ สตช. พฤติกรรมแบบนี้ ไม่รู้ศาลจะเมตตา ให้รอลงอาญาอีกหรือไม่...