“ขุนคลัง” ถือฤกษ์ 29 ก.ย.ชงจัดสรรเงินกู้ 1 แสนล้าน ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินฯ เข้าที่ประชุม ครม.เห็นชอบ โต้นักวิชาการมอง ศก.ฟื้นเปราะบาง ควรมองที่การฟื้นตัวด้านความเชื่อมั่นภาคเอกชนด้วย ยันพรุ่งนี้ เดินทางไปโรด์โชว์ที่อังกฤษ ตามแผนได้แน่นอน มั่นใจประชาชน นักธุรกิจ และนักลงทุน เข้าใจ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศของนายกฯ และรัฐมนตรี ต้องได้กลับประเทศแน่นอน ยันไม่มีประวัติศาสตร์ซ้ำรอย “ทักษิณ” เพราะเป็นหนังคนละม้วนกัน
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยระบุว่า กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอแผนงบประมาณต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 29 กันยายน 2552 เพื่อให้ความเห็นชอบรายละเอียดโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง วงเงิน 1 แสนล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จากวงเงินที่เหลือจากการชดเชยเงินคงคลังเหลือเพียง 1 แสนล้านบาท
โดยในปี 2553 รัฐบาลจะมีเม็ดเงินลงทุนตามโครงการไทยเข้มแข็ง รวม 3 แสนล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ 80% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2.7% ของผลิตภัณมวลรวมประชาชาติ (จีดีพี)
รมว.คลัง ยังกล่าวถึงกรณีที่มีนักวิชาการ มองว่า เศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบาง และอาจไม่มีการฟื้นตัวตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้นั้น รัฐบาลยังเชื่อมั่นว่า จากมาตรการของรัฐบาลจะสามารถรองรับผลกระทบจากภายนอกที่อยู่นอกเหนือจากการคาดการณ์ได้ นอกจากนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ไม่ได้เกิดจากรัฐบาลเท่านั้น แต่มาจากการฟื้นตัวของภาคเอกชนควบคู่กันไปด้วย
“จากที่นักวิชาการมองว่า เศรษฐกิจไทย ไตรมาส 2/2552 เติบโตได้เมื่อเทียบไตรมาส 1/2552 มาจากบทบาทภาครัฐ แต่หากดูความเป็นจริง บทบาทภาคเอกชนมีส่วนสำคัญเช่นกัน ที่ต้องเติบโตควบคู่กัน ซึ่งมาจากระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่พร้อมขยายการลงทุนหรือบริโภคมากขึ้น”
ทั้งนี้ รมว.คลัง เตรียมเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 17 กันยายน 2552 (พรุ่งนี้) ตามคำเชิญของ นิตยสาร The Economist ในเวที Economic Forum เพื่อชี้แจงข้อมูลและการดำเนินนโยบายและมาตรการเพื่อดูแลเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ต้องมีบทบาทในการให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
รมว.คลัง ระบุว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีการชี้แจงข้อมูลเศรษฐกิจ การเงิน ต่อนักธุรกิจ นักลงทุนต่างประเทศมาแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2552 หลังจากที่รัฐบาลมีการวางแผนการดำเนินนโยบายต่างๆ ที่ชัดเจน และได้ส่งผลในเชิงบวก สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ทั้งการลงทุนโดยตรง และการลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนว่า รัฐบาลได้รักษาระดับความเชื่อมั่นได้ แม้จะมีความผันผวนทางการเมือง เมื่อเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา
สำหรับการประกาศ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในวันที่ 18-22 กันยายน 2552 นี้ เป็นเรื่องของการแสดงความพร้อมของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชน นักธุรกิจ เชื่อมั่นว่า รัฐบาลพร้อมใช้กฎหมายเพื่อรัษาสิทธิโดยรวมให้อยู่อย่างสงบสุข เดินหน้าโดยใช้วิถีชีวิตอย่างสงบ อยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ที่ผู้ชุมนุมมีเจตนาจะสร้างปัญหา หากรัฐบาลไม่มีการเตรียมพร้อม อาจนำไปสู่การสร้างความเสียหายเหมือนเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน 2552
“ผมยืนยันว่า เห็นด้วยและสนับสนุนการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และเชื่อว่า ประชาชน นักธุรกิจ และนักลงทุน เห็นด้วยกับแนวทางที่รัฐบาลใช้ แต่หากไม่มีการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็เป็นเรื่องดี แต่เมื่อสถานการณ์ที่สื่อว่าจะเกิดความรุนแรง รัฐก็ต้องใช้เครื่องมือทางกฎหมายเท่าที่มีอยู่ในมือ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง”
ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ที่เตรียมเดินทางไปต่างประเทศช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง วันที่ 19 กันยายน 2552 นั้น อาจไม่ได้เดินทางกลับประเทศเหมือนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย เพราะที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนต่างประเทศหลายครั้ง และการเดินทางครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติใดๆ