ผลตรวจสอบอีลิท คณะกรรมการฯพบสัญญาส่อทุจริตเพิ่มอีก 2 โครงการ สนามกอล์ฟ พัฒนา สปอร์ตคลับ และ โครงการสุวรรณภูมิ พรีเมียม ยุค “โชคศิริ” นั่งตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ เตรียมเรียกสอบปากคำเพิ่ม ระบุถ้าผิดจริงเอาผิดย้อนหลังได้ ส่วน 2 โครงการแรก “ยอดชาย” ผิดจริงในโครงการเช่าไอที ส่วน “ณัฐพล” พ้นผิดในโครงการเช่าป้ายโฆษณา “เมธาวี” เผยเตรียมส่งผลทั้งหมดรายงานบอร์ด พร้อมแนะตั้งคณะกรรมการสืบสวนเชิงลึก คาด 2 วันทราบรายชื่อ
นางสาวเมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการทำงาน บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เปิดเผยถึงความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมการว่า ได้มีการตรวจสอบพบข้อสงสัยในอีก 2 โครงการ ซึ่งคณะกรรมการจะต้องเร่งดำเนินการเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เช่นโครงการเช่าพื้นที่สนามกอล์ฟ พัฒนา สปอร์ คลับ อ.ศรีราชา จ. ชลบุรี ซึ่งมีการเซ็นสัญญาเมื่อปี 2548 ซึ่งขณะนั้นมีนายโชคศิริ รอดบุญพา เป็นผู้จัดการใหญ่ทีพีซี
***พบเพิ่ม 2 โครงการสูญเงินกว่า 20 ลบ.****
โครงการดังกล่าว นายโชคศิริ ได้เซ็นอนุมัติจ่ายเงินค่าเช่าแบบเหมาจ่ายล่วงหน้าระยะ 30 ปี ให้แก่สนามกอล์ฟดังกล่าว รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท ก่อนที่จะเปิดให้สมาชิกบัตรอีลิทเข้าไปใช้บริการ แต่ในสัญญาที่ทำกับคู่ค้าดังกล่าว(เวนเดอร์) กลับระบุว่า จะจ่ายค่าใช้บริการตามจริง ซึ่งตรงนี้ส่งผลให้ทีพีซีต้องสูญเสียงบประมาณที่ใช้บริการจัดการมากเกินความจำเป็น
“คณะกรรมการต้อนำสัญญาดังกล่าว มาพิจารณาโดยใช้หลักกฎหมายอย่างละเอียด เพราะ นายโชคศิริ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ ได้ลาออกจากทีพีซีไปนานแล้ว คือตั้งแต่ 16 ตุลาคม 49 ซึ่งหากพบมูลความผิดก็สามารถดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องย้อนหลังได้เช่นกัน”
ทั้งนี้ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ จะมีการตรวจสอบ 2 โครงการ กล่าวคือ เรื่องของการจ่ายเงินล่วงหน้าแก่สนามกอล์ฟพัฒนา และ โครงการสุวรรณภูมิ พรีเมียม จะได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดให้เสร็จทันส่งบอร์ดพิจารณาในอีก 2 สัปดาห์ถัดไป
นางสาวธาวี กล่าวว่า คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายได้เสนอต่อนายธงชัย ศรีดามา ประธานคณะกรรมการทีพีซี(บอร์ด) ให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน โดยมีภาระกิจตรวจสอบโครงการที่ตั้งข้อสงสัยอย่างละเอียดแบบเจาะลึก รวมถึงศึกษาและตีความในข้อกฎหมายที่จะนำมาใช้อ้างอิงในการตรวจสอบทั้ง 4 โครงการ หลังจากคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายได้สรุปการตรวจสอบเบื้องต้น
****จัดเช่าไอทีพบมูลความผิด”ยอดชาย”****
ด้านความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการเช่าระบบไอที ที่ทำสัญยกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เทคโนโลยี(เอไอที) มูลค่า 77.3 ล้านบาท และโครงการเช่าพื้นที่ป้ายโฆษณา บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ทำไว้กับบริษํท เจซีเดอโก มูลค่า 24 ล้านบาท ผลการตรวจสอบพบว่า โครงการเช่าระบบไอทีมีมูลความผิดจริง เพราะการทำสัญญาส่งผลให้ทีพีซีเสียเปรียบ บริษัทเอไอที เช่น ไม่สามารถบอกเลิกสัญญาได้ และ ถ้ายกเลิกจะถูกเรียกปรับย้อนหลัง เป็นต้น
“คณะกรรมการฯจะเรียกนายยอดชาย แก้วศรี รองผู้จัดการใหญ่สายงานสิทธิประโยชน์และสมาชิกสัมพันธ์ ซึ่งเป้นผู้เซ็นอนุมัติโครงการนี้ มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยขณะนี้ยังไม่มีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องอื่นๆเข้ามาเพิ่ม”
***ผลสอบเบื้องต้นชี้”ณัฐพล”พ้นผิด****
สำหรับโครงการเช่าป้ายโฆษณา ที่ทำสัญญากับ บริษัท เจซีเดอโก นายณัฐพล เดชวิทักษ์ รองผู้จัดการใหญ่สายงานการจัดจำหน่ายและการตลาด เป้นผู้รับผิดชอบ โดยโครงการนี้มีเอกสารการดำเนินงานครบถ้วน และที่ต้องเซ็นสัญญากับเจซีเดอโก เพราะบริษัทคิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(กรุ๊ป) ผู้ได้สิทธิสัปทานพื้นที่ เป้นผู้ระบุให้ทำสัญญากับ บริษัทเอซีเดอโก ดังนั้นผลการตรวจสอบจึงทำได้เพียงตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมวิธีดำเนินการทั้งหมดจึงรวบรัดและเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์
“การจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ปกติแล้วต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน เพราะต้องมีการตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบและประเมินความคุ้มค่าของโครงการก่อนตัดสินใจอนุมัติ ซึ่งในประเด็นนี้ได้รับคำชี้แจงจากผู้เกี่ยวข้องว่า ที่ต้องรีบเพราะต้องการให้เสร็จก่อนที่เจซีเดอโกจะปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่อีก 15%
ซึ่งเป็นแผนที่เขาไว้ไว้ก่อนหน้าที่ทีพีซีจะเข้าไปติดต่อ ดังนั้นทางคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายจึงตัดสินว่าโครงการนี้ไม่เข้าข่ายการทุจริต เพราะเห็นถึงความจำเป็น โดยผลการตรวจสอบทั้งหมดที่กล่าวมา จะทำสรุปเพื่อส่งให้คณะกรรมการสืบสวนพิจารณาตัดสินต่อไป
นางสาวเมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการทำงาน บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เปิดเผยถึงความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมการว่า ได้มีการตรวจสอบพบข้อสงสัยในอีก 2 โครงการ ซึ่งคณะกรรมการจะต้องเร่งดำเนินการเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เช่นโครงการเช่าพื้นที่สนามกอล์ฟ พัฒนา สปอร์ คลับ อ.ศรีราชา จ. ชลบุรี ซึ่งมีการเซ็นสัญญาเมื่อปี 2548 ซึ่งขณะนั้นมีนายโชคศิริ รอดบุญพา เป็นผู้จัดการใหญ่ทีพีซี
***พบเพิ่ม 2 โครงการสูญเงินกว่า 20 ลบ.****
โครงการดังกล่าว นายโชคศิริ ได้เซ็นอนุมัติจ่ายเงินค่าเช่าแบบเหมาจ่ายล่วงหน้าระยะ 30 ปี ให้แก่สนามกอล์ฟดังกล่าว รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท ก่อนที่จะเปิดให้สมาชิกบัตรอีลิทเข้าไปใช้บริการ แต่ในสัญญาที่ทำกับคู่ค้าดังกล่าว(เวนเดอร์) กลับระบุว่า จะจ่ายค่าใช้บริการตามจริง ซึ่งตรงนี้ส่งผลให้ทีพีซีต้องสูญเสียงบประมาณที่ใช้บริการจัดการมากเกินความจำเป็น
“คณะกรรมการต้อนำสัญญาดังกล่าว มาพิจารณาโดยใช้หลักกฎหมายอย่างละเอียด เพราะ นายโชคศิริ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ ได้ลาออกจากทีพีซีไปนานแล้ว คือตั้งแต่ 16 ตุลาคม 49 ซึ่งหากพบมูลความผิดก็สามารถดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องย้อนหลังได้เช่นกัน”
ทั้งนี้ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ จะมีการตรวจสอบ 2 โครงการ กล่าวคือ เรื่องของการจ่ายเงินล่วงหน้าแก่สนามกอล์ฟพัฒนา และ โครงการสุวรรณภูมิ พรีเมียม จะได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดให้เสร็จทันส่งบอร์ดพิจารณาในอีก 2 สัปดาห์ถัดไป
นางสาวธาวี กล่าวว่า คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายได้เสนอต่อนายธงชัย ศรีดามา ประธานคณะกรรมการทีพีซี(บอร์ด) ให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน โดยมีภาระกิจตรวจสอบโครงการที่ตั้งข้อสงสัยอย่างละเอียดแบบเจาะลึก รวมถึงศึกษาและตีความในข้อกฎหมายที่จะนำมาใช้อ้างอิงในการตรวจสอบทั้ง 4 โครงการ หลังจากคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายได้สรุปการตรวจสอบเบื้องต้น
****จัดเช่าไอทีพบมูลความผิด”ยอดชาย”****
ด้านความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการเช่าระบบไอที ที่ทำสัญยกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เทคโนโลยี(เอไอที) มูลค่า 77.3 ล้านบาท และโครงการเช่าพื้นที่ป้ายโฆษณา บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ทำไว้กับบริษํท เจซีเดอโก มูลค่า 24 ล้านบาท ผลการตรวจสอบพบว่า โครงการเช่าระบบไอทีมีมูลความผิดจริง เพราะการทำสัญญาส่งผลให้ทีพีซีเสียเปรียบ บริษัทเอไอที เช่น ไม่สามารถบอกเลิกสัญญาได้ และ ถ้ายกเลิกจะถูกเรียกปรับย้อนหลัง เป็นต้น
“คณะกรรมการฯจะเรียกนายยอดชาย แก้วศรี รองผู้จัดการใหญ่สายงานสิทธิประโยชน์และสมาชิกสัมพันธ์ ซึ่งเป้นผู้เซ็นอนุมัติโครงการนี้ มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยขณะนี้ยังไม่มีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องอื่นๆเข้ามาเพิ่ม”
***ผลสอบเบื้องต้นชี้”ณัฐพล”พ้นผิด****
สำหรับโครงการเช่าป้ายโฆษณา ที่ทำสัญญากับ บริษัท เจซีเดอโก นายณัฐพล เดชวิทักษ์ รองผู้จัดการใหญ่สายงานการจัดจำหน่ายและการตลาด เป้นผู้รับผิดชอบ โดยโครงการนี้มีเอกสารการดำเนินงานครบถ้วน และที่ต้องเซ็นสัญญากับเจซีเดอโก เพราะบริษัทคิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(กรุ๊ป) ผู้ได้สิทธิสัปทานพื้นที่ เป้นผู้ระบุให้ทำสัญญากับ บริษัทเอซีเดอโก ดังนั้นผลการตรวจสอบจึงทำได้เพียงตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมวิธีดำเนินการทั้งหมดจึงรวบรัดและเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์
“การจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ปกติแล้วต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน เพราะต้องมีการตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบและประเมินความคุ้มค่าของโครงการก่อนตัดสินใจอนุมัติ ซึ่งในประเด็นนี้ได้รับคำชี้แจงจากผู้เกี่ยวข้องว่า ที่ต้องรีบเพราะต้องการให้เสร็จก่อนที่เจซีเดอโกจะปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่อีก 15%
ซึ่งเป็นแผนที่เขาไว้ไว้ก่อนหน้าที่ทีพีซีจะเข้าไปติดต่อ ดังนั้นทางคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายจึงตัดสินว่าโครงการนี้ไม่เข้าข่ายการทุจริต เพราะเห็นถึงความจำเป็น โดยผลการตรวจสอบทั้งหมดที่กล่าวมา จะทำสรุปเพื่อส่งให้คณะกรรมการสืบสวนพิจารณาตัดสินต่อไป