ไมเนอร์ฯวางแผนยาว ทุ่มงบ 300 ล้านบาท ปูพรมเครือข่ายซิซซ์เล่อร์ไทยครบ 45 สาขา พร้อมลุยหัวเมืองระดับรอง เล็งเพิ่มพื้นที่ในสาขาเดิม ชี้ปีนี้เปิดมากสุดเกือบ 5 แห่ง ยอมรับปีหน้าอาจจะเปิดใหม่ได้น้อย เหตุห้างใหม่เปิดบริการน้อย
นายจอห์น ไฮเน็ค รองประธาน บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ในเครือไมเนอร์กรุ๊ปผู้ดำเนินงานร้านอาหาร “ซิซซ์เล่อร์” ในไทยและจีน เปิดเผยว่า แผนงานในช่วง 5 ปีจากนี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายเปิดร้านซิซซ์เล่อร์ให้ได้ครบ 45 สาขา จากปัจจุบันที่มี 33 สาขาซึ่งลงทุนเองทั้งหมด โดยใช้งบลงทุนรวม 250-300 ล้านบาท ซึ่งตลาดในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แม้ว่าจะดำเนินธุรกิจในไทยมานาน 17 ปีแล้วก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นยุคแรกของธุรกิจ ขณะที่ในออสเตรเลียนานกว่า 30 ปี ในอเมริกานั้นนานกว่า 50 ปีแล้วก็ยังมีการเติบโตตลอด
“ซิซซ์เล่อร์ประเทศไทยถือเป็นเครือข่ายแฟรนไชส์ของซิซซ์เล่อร์ทั่วโลกที่มีการเติบโตสูงที่สุด เมื่อพิจารณาในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่าง อายุธุรกิจในไทย จำนวนสาขา และรายได้”
โดยแนวทางที่จะขยายนั้น จะเน้นไปที่ตลาดในต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่และจะเริ่มเข้าสู่จังหวัดระดับรองมาในตลาดที่มีศักยภาพ ส่วนในกรุงเทพฯนั้นก็จะขยายต่อเนื่องหากได้ทำเลที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบัน มีสาขาในกรุงเทพฯ 23 แห่ง และในต่างจังหวัด 10 แห่ง ซึ่งในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯเปิดไปแล้ว 4 สาขา ถือว่ามากที่สุดก็ว่าได้ เพราะได้ทำเลดี คือที่ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เซ็นทรัลพัทยา เดอะมอลล์บางแค และเซ็นทรัลชลบุรี และคาดว่าในช่วง 4 เดือนจากนี้จะเปิดอีกอย่างต่ำ 1 สาขา คือที่เซ็นทรัลขอนแก่น ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯแทบจะไม่ได้เปิดสาขาใหม่เลย เพราะไม่มีห้างใหญ่ใหม่ๆเปิดบริการ จึงทำให้ปีนี้ผลประกอบการเติบโตเป็นเลข 2 หลัก เพราะมาจาก สาขาใหม่กับสาขาเก่า
นอกจากนั้นแล้วยังมีแผนที่จะขยายพื้นที่ในสาขาเดิมเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นรองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้เพิ่มพื้นที่บางสาแล้วเช่น สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์เพิ่มอีก 70 ตารางเมตร สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิตและสาขาสยามเซ็นเตอร์ โดยพื้นที่เฉลี่ยอยู่ที่ 380-600 ตารางเมตร โดยมีแผนที่จะรีโนเวตร้านเดิมที่เปิดบริการมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี ด้วยงบ 10 ล้านบาทต่อสาขา
อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีหน้า คงจะเปิดสาขาได้ไม่มากเท่ากับในปีนี้ เนื่องจากว่าห้างใหม่เปิดน้อยกว่า ทำให้การเติบโตในปีหน้าจะมาจากสาขาเดิมเป็นหลัก และการจัดกิจกรรมรวมทั้งการอกเมนูให่ต่อเนื่อง
ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดตัวเมนูใหม่ สเต็กหมูบดสไปซี่ส์บาร์บีคิว สำหรับเมนูราคา 169 บาท ถือเป็นครั้งที่สองในปีนี้จากเมื่อต้นปีออกเมนู สเต็กไก่สไปซี่ส์บาร์บีคิว จากเดิมที่ปีที่แล้วออกแค่เมนูเดียว ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด กับเมนูราคา 169 บาท และได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งจำนวน 30% ของลูกค้าที่เข้าร้านจะสั่งเมนูนี้ ส่วน 70% สั่งเมนูหลัก ซึ่งก็ช่วยให้ดึงลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น และคาดว่าเมนูใหม่นี้จะสร้างยอดขายเติบโตขึ้น 10% จากช่วงปรกติ ส่วนเมนูหลักนั้นมีการปรับราคาขึ้นบ้างไม่เกิน 1% โดยสัดส่วนยอดขายมาจากมื้อกลางวัน 40% และมื้อเย็น 60%
นายจอห์นกล่าวต่อถึงแผนการลงทุนในจีนด้วยว่า จีนก็เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจและเป็นตลาดใหญ่มาก มีโอกาสในการทำธุรกิจได้อีก เปรียบเสมือนกับว่ายังเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น เพราะบริษัทฯเพิ่งขยายธุรกิจมาได้แค่ 5 ปีเท่านั้นเอง โดยมีจำนวน 7 สาขาอยู่ในปักกิ่งทั้งหมด ซึ่งบริษัทฯยังมีแผนลงทุนต่อเนื่อง โดยมีการนำบางส่วนที่สำเร็จในไทยและมีความเหมาะสมไปใช้ในตลาดจีนด้วย
นายจอห์น ไฮเน็ค รองประธาน บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ในเครือไมเนอร์กรุ๊ปผู้ดำเนินงานร้านอาหาร “ซิซซ์เล่อร์” ในไทยและจีน เปิดเผยว่า แผนงานในช่วง 5 ปีจากนี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายเปิดร้านซิซซ์เล่อร์ให้ได้ครบ 45 สาขา จากปัจจุบันที่มี 33 สาขาซึ่งลงทุนเองทั้งหมด โดยใช้งบลงทุนรวม 250-300 ล้านบาท ซึ่งตลาดในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แม้ว่าจะดำเนินธุรกิจในไทยมานาน 17 ปีแล้วก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นยุคแรกของธุรกิจ ขณะที่ในออสเตรเลียนานกว่า 30 ปี ในอเมริกานั้นนานกว่า 50 ปีแล้วก็ยังมีการเติบโตตลอด
“ซิซซ์เล่อร์ประเทศไทยถือเป็นเครือข่ายแฟรนไชส์ของซิซซ์เล่อร์ทั่วโลกที่มีการเติบโตสูงที่สุด เมื่อพิจารณาในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่าง อายุธุรกิจในไทย จำนวนสาขา และรายได้”
โดยแนวทางที่จะขยายนั้น จะเน้นไปที่ตลาดในต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่และจะเริ่มเข้าสู่จังหวัดระดับรองมาในตลาดที่มีศักยภาพ ส่วนในกรุงเทพฯนั้นก็จะขยายต่อเนื่องหากได้ทำเลที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบัน มีสาขาในกรุงเทพฯ 23 แห่ง และในต่างจังหวัด 10 แห่ง ซึ่งในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯเปิดไปแล้ว 4 สาขา ถือว่ามากที่สุดก็ว่าได้ เพราะได้ทำเลดี คือที่ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เซ็นทรัลพัทยา เดอะมอลล์บางแค และเซ็นทรัลชลบุรี และคาดว่าในช่วง 4 เดือนจากนี้จะเปิดอีกอย่างต่ำ 1 สาขา คือที่เซ็นทรัลขอนแก่น ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯแทบจะไม่ได้เปิดสาขาใหม่เลย เพราะไม่มีห้างใหญ่ใหม่ๆเปิดบริการ จึงทำให้ปีนี้ผลประกอบการเติบโตเป็นเลข 2 หลัก เพราะมาจาก สาขาใหม่กับสาขาเก่า
นอกจากนั้นแล้วยังมีแผนที่จะขยายพื้นที่ในสาขาเดิมเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นรองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้เพิ่มพื้นที่บางสาแล้วเช่น สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์เพิ่มอีก 70 ตารางเมตร สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิตและสาขาสยามเซ็นเตอร์ โดยพื้นที่เฉลี่ยอยู่ที่ 380-600 ตารางเมตร โดยมีแผนที่จะรีโนเวตร้านเดิมที่เปิดบริการมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี ด้วยงบ 10 ล้านบาทต่อสาขา
อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีหน้า คงจะเปิดสาขาได้ไม่มากเท่ากับในปีนี้ เนื่องจากว่าห้างใหม่เปิดน้อยกว่า ทำให้การเติบโตในปีหน้าจะมาจากสาขาเดิมเป็นหลัก และการจัดกิจกรรมรวมทั้งการอกเมนูให่ต่อเนื่อง
ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดตัวเมนูใหม่ สเต็กหมูบดสไปซี่ส์บาร์บีคิว สำหรับเมนูราคา 169 บาท ถือเป็นครั้งที่สองในปีนี้จากเมื่อต้นปีออกเมนู สเต็กไก่สไปซี่ส์บาร์บีคิว จากเดิมที่ปีที่แล้วออกแค่เมนูเดียว ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด กับเมนูราคา 169 บาท และได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งจำนวน 30% ของลูกค้าที่เข้าร้านจะสั่งเมนูนี้ ส่วน 70% สั่งเมนูหลัก ซึ่งก็ช่วยให้ดึงลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น และคาดว่าเมนูใหม่นี้จะสร้างยอดขายเติบโตขึ้น 10% จากช่วงปรกติ ส่วนเมนูหลักนั้นมีการปรับราคาขึ้นบ้างไม่เกิน 1% โดยสัดส่วนยอดขายมาจากมื้อกลางวัน 40% และมื้อเย็น 60%
นายจอห์นกล่าวต่อถึงแผนการลงทุนในจีนด้วยว่า จีนก็เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจและเป็นตลาดใหญ่มาก มีโอกาสในการทำธุรกิจได้อีก เปรียบเสมือนกับว่ายังเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น เพราะบริษัทฯเพิ่งขยายธุรกิจมาได้แค่ 5 ปีเท่านั้นเอง โดยมีจำนวน 7 สาขาอยู่ในปักกิ่งทั้งหมด ซึ่งบริษัทฯยังมีแผนลงทุนต่อเนื่อง โดยมีการนำบางส่วนที่สำเร็จในไทยและมีความเหมาะสมไปใช้ในตลาดจีนด้วย