xs
xsm
sm
md
lg

ไมเนอร์ฟู้ดจัดทัพบริหาร ขยายสาขา-ชูแฟรนไชส์แดรี่ควีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ป เดินเกมรุกหนัก กลุ่มอาหารยกแผง มั่นใจเศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมจัดทัพผู้บริหาร เดินแกมแฟรนไชส์แดรี่ควีน ขยายฐาน

กลุ่มไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ป มีความเคลื่อนไหวอย่างมากกับธุรกิจอาหารหลายๆแบรนด์ที่บริหารอยู่ ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ เนื่องจากมองว่า ปีนี้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะดีขึ้น
***จัดวางกำลังคน
ตั้งแต่การจัดกำลังผู้บริหาร โดยขณะนี้ นายจอห์น ไฮเน็ค รองประธาน บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ผู้ดำเนินงานร้านอาหาร ซิซซ์เล่อร์ในประเทศไทย และประเทศจีน และเป็นลูกชายของนายวิลเลียม อี ไฮเน็ค เจ้าของไมเนอร์กรุ๊ป ได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลแบรนด์เบอร์เกอร์คิงอีกแบรนด์หนึ่งด้วย
ส่วนแบรนด์เดอะพิซซ่า ซึ่งหลังจากว่างเว้นผู้บริหารด้านการตลาดไประยะหนึ่ง ก็เตรียมที่จะ เปิดแถลงข่าว ถึงกลยุทธ์การตลาดและแผนธุรกิจปี 2553 นี้ ซึ่งล่าสุดก็เปิดตัวแคมเปญ “ซื้อ 1 ถาด แถม 1 ถาด ฟรี” พร้อมกับการเปิดตัว “ยุคนธร วิเศษโกสิน” โกลบอล แบรนด์ ไดเรคเตอร์ ที่จะเข้ามาดูแลด้านการตลาดด้วย
**ซิซซ์เล่อร์ผุด5สาขาปีนี้
ขณะที่ทางด้านแบรนด์ซิซซ์เล่อร์นั้น ก็ทุ่มงบประมาณปี 2553 นี้ไม่ต่ำกว่า 170 ล้านบาท เพื่อรุกตลาด โดยงบ 100 ล้านบาทใช้ในการทำตลาดครบวงจร ส่วนอีก 70 ล้านบาทใช้ในการเปิดสาขาใหม่อีกประมาณ 4-5 แห่งปีนี้
นางนงชนก สถานานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ซิซซ์เล่อร์ มองว่า ปีนี้เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น เพราะเพียงแค่ เดือนมกราคมกับกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยอดขายของบริษัทเติบโตขึ้นมาก แม้ว่าจะยังมีปัญหาความขัดแย้งการเมืองก็ตาม แต่ภาพรวมแล้วก็ไม่น่าจะกระทบกับธุรกิจอาหารแต่อย่างใด
สอดคล้องกับมุมมองของนายจอห์น ไฮเน็ค รองประธาน บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ผู้บริหารร้านซิซซ์เล่อร์ ที่ว่า เราผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง ไม่ว่าด้านเศรษฐกิจด้านการเมือง จะมีปัญหาอย่างไร แต่สุดท้ายแล้ว ผู้บริโภคก็ยังคงทานอาหารที่ซิซซ์เล่อร์เหมือนเดิม เมื่อทุกอย่างจบลง
**สเวนเซ่นส์ซุ่มแผนรุก
ส่วนแบรนด์สเวนเซ่นส์ ถือเป็นอีกแบรนด์ที่มีบทบาทมากที่สุดในบรรดาเชนร้านไอศกรีมในท้องตลาดด้วยกัน ซึ่งปีนี้สเวนเซ่นส์คงจะเล่นบทรุกอย่างหนักมาก ในจังหวัดที่ผู้ประกอบการรายใหญ่อีกรายอย่าง บาสกิ้นร้อบบิ้นส์ที่อยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนถ่าย เนื่องจากกลุ่มเซ็นทรัลซึ่งเป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์มาบริหารได้ตัดสินใจที่ไม่ต่อสัญญากับเจ้าของแบรนด์แล้ว เมื่อครบสัญญาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้บาสกิ้นร้อบบิ้นส์อยู่ในภาวะนิ่ง
แหล่งข่าวจากวงการอาหารกล่าวว่า ขณะนี้บาสกิ้นร้อบบิ้นส์อยู่ระหว่างการจัดวางกำลังใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการขายแฟรนไชส์รายเดียวให้กับผู้สนใจบ้างแล้วเช่นกัน ล่าสุดพบว่า จะมีการเปิดสาขาใหม่ที่ ชั้น 4 สยามเซ็นเตอร์ ที่อยู่ระหว่างการตกแต่ง คาดว่าน่าจะเป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์รายเดี่ยวเปิดสาขามากกว่าการเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์
***แดรี่ควีนขายแฟรนไชส์
สำหรับอีกแบรนด์หนึ่งคือ ไอศกรีมแดรี่ควีน ก็เดินเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์เป็นครั้งแรก
สาเหตุที่เพิ่งเปิดขายแฟรนไชส์ นายชุมพจน์ ตันติสุนทร รองกรรมการและกลุ่มผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อธิบายว่า เพราะนโยบายของไมเนอร์ต้องการที่จะลงทุนสร้างแบรนด์ธุรกิจให้แข็งแกร่งก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและนักลงทุน ก่อนที่จะเปิดขายแฟรนไชส์ ซึ่งทุกแบรนด์ในเครือก็เป็นรูปแบบนี้หมด โดยยังเหลือแบรนด์เบอร์เกอร์คิง และซิซซ์เล่อร์ และร้านกาแฟที่ยังไม่ได้ขายแฟรนไชส์

ส่วนแดรี่ควีนนั้น เปิดบริการในไทยมานาน 14 ปีแล้ มีสาขามากว่า 220 แห่ง มีการเติบโดที่เร็วที่สุดจากทั้งหมด 21 ประเทศและเป็นประเทศที่มีสาขามากที่สุดในเอเซียด้วย และคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะขายแฟรนไชส์ได้ เพื่อเป็นการขยายฐานตลาดด้วย ซึ่งพบว่ามูลค่าตลาดไอศกรีมโดยรวมในไทยมีประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟมีมูลค่าตลาดเกือบ 20% จากทั้งหมด และแดรี่ควีนมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 80% โดยมีไอศกรีมบลิซซาร์ดขายดีที่สุดและเป็นจุดเด่นของแดรี่ควีนด้วย
โดยจะขายแฟรนไชส์ร้านแดรี่ควีนเฉพาะที่เป็นบริการไอศกรีมเท่านั้นหรือที่เรียกว่า Treat Center ไม่เกี่ยวกับในส่วนของดีคิวกริลล์แอนด์ชิลล์ ที่มีบริการเบอร์เเกอร์ ที่ปัจจุบันมี 3 สาขา และขายสิทธ์เฉพาะในต่างจังหวัด ส่วนตลาดในกรุงเทพฯบริษัทฯยังคงดำเนินการลงทุนเองเหมือนเดิม
การขายแฟรนไชส์จะขายแบบมาสเตอร์แฟรนไชส์ในแต่ละจังหวัด โดยหากจังหวัดใดมีสาขาของบริษัทฯอยู่ก็ต้องรับไปบริหารต่อด้วยรูปแบบแฟรนไชส์ พร้อมกับเปิดสาขาใหม่ ซึ่งแฟรนไชส์จะต้องมีเงินทุนประมาณ 2 ล้านบาท มีพื้นที่ขั้นต่ำ 15-20 ตารางเมตรต่อสาขา ซึ่งระยะแรกเน้นที่ภาคใต้ก่อน เพราะเป็นพื้นที่ที่มียอดขายดี แต่ยังมีสาขาน้อย ทำให้โอกาสเติบโตยังมีอีกมาก ก่อนที่จะขยายต่อในภาคอีสน ภาคเหนือ ภาคตะวันตก
เป้าหมายปีแรกนี้คาดว่าจะมีสาขาของแฟรนไชส์ซีประมาณ 30 แห่ง ซึ่งล่าสดได้เซ็นสัญญาไปแล้วกับผู้ซื้อแฟรนไชส์ใน 2 จังหวัด คือ ที่ชุมพรและหาดใหญ่ ส่วนปีนี้บริษัทฯจะขยายสาขาเองอีก 10 แห่ง ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าภายใน 5 ปีจากนี้ จะมีสาขารวมทั้งหมดกว่า 500 สาขา
สำหรับงบตลาดปีนี้ใช้ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีที่แล้ว เนื่องจากต้องการสร้างภาพลักษณ์และสื่อสารให้ตลาดรู้มากขึ้น รวมทั้งการสร้างแบรนด์ด้วย และการรีโนเวตสาขาเก่า ส่วนงบลงทุนอยู่ที่ 120 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้งบลงทุน 40 ล้านบาท เปิด 17 สาขา โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้แดรี่ควีนไว้ที่ 1,100 ล้านบาท เติบโต 17-20% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 900 กว่าล้านบาท เติบโต 12%
กำลังโหลดความคิดเห็น