ธปท.เผยดัชนีการลงทุน-บริโภค ภาคเอกชน เดือน ก.ค.ปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่เห็นสัญญาณที่ยั่งยืน ส่วนภาคการเงิน สินเชื่อเอกชน-เงินฝากขยายตัว
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนกรกฎาคม 2552 โดยระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนกรกฎาคม ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน เครื่องชี้วัดเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง เห็นการฟื้นตัวที่ดีและชัดเจนขึ้น แต่การปรับตัวของเศรษฐกิจจะยั่งยืนหรือไม่ ขึ้นกับการลงทุนเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเดือนกรกฎาคม หดตัว 1.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ 3.4% ตามการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และปริมาณจำหน่ายหมวดยานยนต์ ขณะที่ดัชนีหมวดเชื้อเพลิง ยังขยายตัวในเกณฑ์สูงจากผลของการปรับลดราคาน้ำมันขายปลีก ประกอบกับฐานปีก่อนที่ต่ำผิดปกติ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เมื่อกรกฎาคม 2551
ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชน หดตัว 14.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัว 1.6% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า โดยเครื่องชี้เกือบทุกตัวเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่ภาวะธุรกิจโดยรวมยังเปราะบาง สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ในปัจจุบันที่ลดลงจากเดือนก่อนหน้า และยังคงต่ำกว่าระดับ 50 จากแรงกดดันด้านต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันและปัญหาทางการเมือง ยังเป็นปัจจัยบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ส่วนภาคการเงินเดือนกรกฎาคม เงินฝากของสถาบันรับฝากเงิน ขยายตัว 7.8% ซึ่งหากนับรวมการออกตราสารหนี้ประเภทตั๋วแลกเงินแล้ว เงินฝากขยายตัว 8.1% ส่วนสินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับฝากเงินขยายตัว 2.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงต่อเนื่องจากสินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจตามความต้องการของสินเชื่อที่ลดลง อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับเดือนก่อนหน้า สินเชื่อภาคเอกชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนกรกฎาคม 2552 โดยระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนกรกฎาคม ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน เครื่องชี้วัดเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง เห็นการฟื้นตัวที่ดีและชัดเจนขึ้น แต่การปรับตัวของเศรษฐกิจจะยั่งยืนหรือไม่ ขึ้นกับการลงทุนเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเดือนกรกฎาคม หดตัว 1.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ 3.4% ตามการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และปริมาณจำหน่ายหมวดยานยนต์ ขณะที่ดัชนีหมวดเชื้อเพลิง ยังขยายตัวในเกณฑ์สูงจากผลของการปรับลดราคาน้ำมันขายปลีก ประกอบกับฐานปีก่อนที่ต่ำผิดปกติ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เมื่อกรกฎาคม 2551
ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชน หดตัว 14.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัว 1.6% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า โดยเครื่องชี้เกือบทุกตัวเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่ภาวะธุรกิจโดยรวมยังเปราะบาง สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ในปัจจุบันที่ลดลงจากเดือนก่อนหน้า และยังคงต่ำกว่าระดับ 50 จากแรงกดดันด้านต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันและปัญหาทางการเมือง ยังเป็นปัจจัยบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ส่วนภาคการเงินเดือนกรกฎาคม เงินฝากของสถาบันรับฝากเงิน ขยายตัว 7.8% ซึ่งหากนับรวมการออกตราสารหนี้ประเภทตั๋วแลกเงินแล้ว เงินฝากขยายตัว 8.1% ส่วนสินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับฝากเงินขยายตัว 2.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงต่อเนื่องจากสินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจตามความต้องการของสินเชื่อที่ลดลง อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับเดือนก่อนหน้า สินเชื่อภาคเอกชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4