เฟสต้าหนุน “อภิสิทธิ์” จัดการ 4 รัฐวิสาหกิจที่หลงทาง จัดแพกเกจทัวร์แข่งกับเอกชน ชี้ ทำงานไม่ตอบโจทย์ แทนที่จะส่งเสริม กลับมาตั้งตัวเป็นคู่แข่งขัน ระบุ ท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวมาก คนไทยยังชะลอการจับจ่าย ลุ้นการเมืองนิ่งท่องเที่ยวปลายปีฟื้น
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ในฐานะกรรมการสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) เปิดเผยว่า เฟสต้าเห็นด้วยกับแนวนโยบายของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวเมื่อตอนเดินทางมาปาฐกถาให้แก่ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับฟังในหัวข้อ “ปาฏิหาริย์ท่องเที่ยวไทย....กับนายกฯอภิสิทธิ์” ในประเด็นที่รับปากจะเร่งวางมาตรการ “ห้ามหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ประกอบธุรกิจแข่งขันกับภาคเอกชน” เพื่อต้องการให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ทั้งนี้ เพราะที่ผ่านมามีรัฐวิสาหกิจหลายหน่วยงานหันมาจัดแพกเกจทัวร์ออกจำหน่ายให้แก่ประชาชนในราคาถูก ซึ่งที่ทำราคาถูกได้ก็เพราะรัฐวิสาหกิจไม่มีต้นทุนด้านการบริหารจัดการเหมือนกับเอกชน ดังนั้นเมื่อทำเช่นนี้ทำให้เอกชนไม่สามารถแข่งขันได้
นางสาวมัยรัตน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีรัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว คือ มีการจัดทำแพกเกจทัวร์ราคาพิเศษจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ทั้งที่แท้จริงแล้วไม่ใช่ภารกิจหลักของหน่วยงานดังกล่าวเลย แต่ในทางกลับกัน รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นต้องหน้าที่สนับสนุนและส่งเสริมให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยเดินหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่ง
“ที่รัฐวิสาหกิจสามารถขายแพกเกจทัวร์ราคาถูกได้ เพราะไม่มีต้นทุนด้านการบริหารจัดการ แถมยังได้รับงบประมาณอุดหนุดจากรัฐบาล ซึ่งเงินส่วนนั้นก็มาจากภาษีของประชาชน จึงไม่จำเป็นต้องทำงานแบบแสวงหาผลกำไรมากนัก เพราะอย่างไรรัฐก็จัดงบประมาณให้ทุกปี ส่วนผู้ประกอบการทำธุรกิจก็เพื่อมีกำไรมาหล่อเลี้ยงองค์กร หากไม่สามารถทำได้ก็ต้องปิดกิจการ”
ข้อได้เปรียบของรัฐวิสาหกิจ ที่เข้ามาจัดแพกเกจทัวร์แข่งขันกับเอกชนยังมีอีกหลายประเด็น เช่น ททท.มีเครือข่ายโฆษณาจำนวนมากครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ขสมก.ก็มีรถเมล์ปรับอากาศขนาดใหญ่อยู่แล้ว โดยใช้เงินภาษีซื้อมา แต่กลับมาใช้จัดทัวร์ในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือรับจ้างเป็นรถบัสเช่าโดยเสนอราคาค่าบริการที่ถูกกว่าเอกชน ส่วนการบินไทยก็สามารถบริหารที่นั่งบนเครื่องบินได้ ซึ่งหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปจะทำให้โครงสร้างราคาทัวร์ทั้งเส้นทางในประเทศและต่างประเทศเสียหายได้ในระยะยาว
ทางด้านสถานการณ์ท่องเที่ยว ขณะนี้ยังไม่ฟื้นมากนัก เพราะนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะตลาดคนไทยยังชะลอการจับจ่าย ซื้อหาแต่ของใช้ที่จำเป็นจริงๆ ทำให้ไม่ค่อยตัดสินใจซื้อทัวร์เพื่อเดินทางท่องเที่ยวมากนัก บางรายก็รอเวลาไปเลือกซื้อทัวร์เฉพาะที่งานแฟร์ด้านการท่องเที่ยว ที่กำลังจะมีขึ้นอีก 2 งานใหญ่ เพราะจะได้แพกเกจทัวร์ราคาพิเศษ คือ งานเที่ยวทั่วไทยสบายกระเป๋า ช่วยเดือนนี้ และ งานไทยเที่ยวไทย ช่วงต้นเดือน ก.ย.
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การเมืองอยู่ในภาวะสงบ เฟสต้ายังมีความหวังว่า การท่องเที่ยวของไทยจะฟื้นตัวได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวตลาดคนไทย ก่อเกิดบรรยากาศทางการท่องเที่ยวเนื่องเนื่องไปถึงปีหน้า ซึ่ง ททท.ก็เตรียมแผนที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยว ด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมแบบฮาร์ดเซล อยู่แล้วด้วย
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ในฐานะกรรมการสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) เปิดเผยว่า เฟสต้าเห็นด้วยกับแนวนโยบายของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวเมื่อตอนเดินทางมาปาฐกถาให้แก่ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับฟังในหัวข้อ “ปาฏิหาริย์ท่องเที่ยวไทย....กับนายกฯอภิสิทธิ์” ในประเด็นที่รับปากจะเร่งวางมาตรการ “ห้ามหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ประกอบธุรกิจแข่งขันกับภาคเอกชน” เพื่อต้องการให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ทั้งนี้ เพราะที่ผ่านมามีรัฐวิสาหกิจหลายหน่วยงานหันมาจัดแพกเกจทัวร์ออกจำหน่ายให้แก่ประชาชนในราคาถูก ซึ่งที่ทำราคาถูกได้ก็เพราะรัฐวิสาหกิจไม่มีต้นทุนด้านการบริหารจัดการเหมือนกับเอกชน ดังนั้นเมื่อทำเช่นนี้ทำให้เอกชนไม่สามารถแข่งขันได้
นางสาวมัยรัตน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีรัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว คือ มีการจัดทำแพกเกจทัวร์ราคาพิเศษจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ทั้งที่แท้จริงแล้วไม่ใช่ภารกิจหลักของหน่วยงานดังกล่าวเลย แต่ในทางกลับกัน รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นต้องหน้าที่สนับสนุนและส่งเสริมให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยเดินหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่ง
“ที่รัฐวิสาหกิจสามารถขายแพกเกจทัวร์ราคาถูกได้ เพราะไม่มีต้นทุนด้านการบริหารจัดการ แถมยังได้รับงบประมาณอุดหนุดจากรัฐบาล ซึ่งเงินส่วนนั้นก็มาจากภาษีของประชาชน จึงไม่จำเป็นต้องทำงานแบบแสวงหาผลกำไรมากนัก เพราะอย่างไรรัฐก็จัดงบประมาณให้ทุกปี ส่วนผู้ประกอบการทำธุรกิจก็เพื่อมีกำไรมาหล่อเลี้ยงองค์กร หากไม่สามารถทำได้ก็ต้องปิดกิจการ”
ข้อได้เปรียบของรัฐวิสาหกิจ ที่เข้ามาจัดแพกเกจทัวร์แข่งขันกับเอกชนยังมีอีกหลายประเด็น เช่น ททท.มีเครือข่ายโฆษณาจำนวนมากครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ขสมก.ก็มีรถเมล์ปรับอากาศขนาดใหญ่อยู่แล้ว โดยใช้เงินภาษีซื้อมา แต่กลับมาใช้จัดทัวร์ในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือรับจ้างเป็นรถบัสเช่าโดยเสนอราคาค่าบริการที่ถูกกว่าเอกชน ส่วนการบินไทยก็สามารถบริหารที่นั่งบนเครื่องบินได้ ซึ่งหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปจะทำให้โครงสร้างราคาทัวร์ทั้งเส้นทางในประเทศและต่างประเทศเสียหายได้ในระยะยาว
ทางด้านสถานการณ์ท่องเที่ยว ขณะนี้ยังไม่ฟื้นมากนัก เพราะนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะตลาดคนไทยยังชะลอการจับจ่าย ซื้อหาแต่ของใช้ที่จำเป็นจริงๆ ทำให้ไม่ค่อยตัดสินใจซื้อทัวร์เพื่อเดินทางท่องเที่ยวมากนัก บางรายก็รอเวลาไปเลือกซื้อทัวร์เฉพาะที่งานแฟร์ด้านการท่องเที่ยว ที่กำลังจะมีขึ้นอีก 2 งานใหญ่ เพราะจะได้แพกเกจทัวร์ราคาพิเศษ คือ งานเที่ยวทั่วไทยสบายกระเป๋า ช่วยเดือนนี้ และ งานไทยเที่ยวไทย ช่วงต้นเดือน ก.ย.
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การเมืองอยู่ในภาวะสงบ เฟสต้ายังมีความหวังว่า การท่องเที่ยวของไทยจะฟื้นตัวได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวตลาดคนไทย ก่อเกิดบรรยากาศทางการท่องเที่ยวเนื่องเนื่องไปถึงปีหน้า ซึ่ง ททท.ก็เตรียมแผนที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยว ด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมแบบฮาร์ดเซล อยู่แล้วด้วย
