เฟสต้า จัดงานเรียกขวัญผู้ประกอบการท่องเที่ยว ดีเดย์ 13 ส.ค.นี้ เชิญนายกรัฐมนตรี ขึ้นปาฐกถา หัวข้อ “ปาฏิหารย์...ท่องเที่ยวไทย! กับนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ร่ายยาว 7 หัวข้อแผนการทำงานด้านการท่องเที่ยว เรียกคะแนนเสียงรัฐบาล
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) ในฐานะโฆษกสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบตกลงที่จะมาปาฐกถาให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวได้รับฟัง ซึ่งเฟสต้าได้กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 13 ส.ค.ศกนี้ ที่โรงแรมดุสิตธานี
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะมาพูดในหัวข้อ “ปาฏิหารย์...ท่องเที่ยวไทย! กับนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จุดประสงค์การพูดเพื่อต้องการสื่อสาร สร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเรื่องการนำเนินนโยบายของภาครัฐในด้านการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อให้ผู้ประกอบการที่มารับฟังได้ก่อเกิดความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต หลังจากที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวปีนี้ที่ประสบภาวะวิกฤตตกต่ำที่สุดในรอบ 40 ปี
“ประเด็นหลักที่ท่านนายกรัฐมนตรี คือ การแสดงวิสัยทัศน์ด้านการท่องเที่ยว ใน 7 หัวข้อหลัก ได้แก่ โครงการไทยเข้มแข็งที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว, ความคืบหน้าโครงการ “ท่องเที่ยว, วาระแห่งชาติ, โครงการเงินกู้รัฐบาล วงเงิน 8 แสนล้านบาท และ ความสำคัญของอุตสาหกรรท่องเที่ยวไทยกับเศรษบกิจของประเทศ เป็นต้น ”
อย่างไรก็ตาม ในการปาฐกถาครั้งนี้ จะมีผู้ประกบอการท่องเที่ยว กว่า 1,000 คน จากทั่วประเทศมาร่วมรับฟังวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี โดยมั่นใจว่า ภายหลังการจัดงานครั้งนี้ คนในวงการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเกิดพลังในการต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายเดียวกัน โดยผู้ร่วมงานจะสามารถนำแนวคิดที่ได้รับฟังจากนายกรัฐมนตรี ไปปรับใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด และการลงทุนในบริษัทของตัวเอง จากที่ปัจจุบันผู้ประกอบการหลายรายเริ่มหมดหวังและท้อแท้ จากปัจจัยลบที่เข้ามากระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างไม่หยุดหย่อน
นายเจริญ กล่าวว่า เฟสต้ามีความหวังว่า การปาฐกถาของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เหมือนเป็นการบอกแนวทางการทำงานของรัฐบาลที่กำลังทำอยู่และเตรียมที่จะทำต่อไป ให้แต่ละโครงการเกิดการปฎิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ภาคเอกชน เสมือนเป็นสัญญาของรัฐที่ให้แก่ภาคเอกชน เพราะที่ผ่านมามีหลายโครงการที่เริ่มดำเนินการไปแล้วแต่เกิดติดขัดเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ซึ่งต้องหันหน้ามาพูดคุยหาวิธีปลดล็อก เช่น โครงการสินเชื่อเอสเอ็มอีดอกเบี้ยต่ำ เพื่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายย่อย วงเงิน 5,000 ล้านบาท ที่ยังไม่สามารถปล่อยเงินมาช่วยเอกชนได้ตามที่คาดหวังไว้ หรือ ท่องเที่ยว...วาระแห่งชาติ ที่ต้องมีความชัดเจนโดยเร็ว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อุตสาหกรรท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีหลัง จะดีขึ้นหรือไม่อย่างไร ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมืองเป็นสำคัญ โดยการเมืองภายในประเทศต้องนิ่ง เพื่อให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจในสเถียรภาพของรัฐบาล เขาก็จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งหากสถานการณ์ทางการเมืองยังนิ่งเช่นวันนี้ ผู้ประกอบการก็มีความหวังว่าท่องเที่ยวของไทยจะฟื้นตัวในปลายปีนี้แน่นอน แต่ทั้งนี้รั ฐบาลต้องมีความจริงใจในการช่วยเหลือเยียวยาอย่างจริงจังด้วย
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) ในฐานะโฆษกสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบตกลงที่จะมาปาฐกถาให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวได้รับฟัง ซึ่งเฟสต้าได้กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 13 ส.ค.ศกนี้ ที่โรงแรมดุสิตธานี
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะมาพูดในหัวข้อ “ปาฏิหารย์...ท่องเที่ยวไทย! กับนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จุดประสงค์การพูดเพื่อต้องการสื่อสาร สร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเรื่องการนำเนินนโยบายของภาครัฐในด้านการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อให้ผู้ประกอบการที่มารับฟังได้ก่อเกิดความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต หลังจากที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวปีนี้ที่ประสบภาวะวิกฤตตกต่ำที่สุดในรอบ 40 ปี
“ประเด็นหลักที่ท่านนายกรัฐมนตรี คือ การแสดงวิสัยทัศน์ด้านการท่องเที่ยว ใน 7 หัวข้อหลัก ได้แก่ โครงการไทยเข้มแข็งที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว, ความคืบหน้าโครงการ “ท่องเที่ยว, วาระแห่งชาติ, โครงการเงินกู้รัฐบาล วงเงิน 8 แสนล้านบาท และ ความสำคัญของอุตสาหกรรท่องเที่ยวไทยกับเศรษบกิจของประเทศ เป็นต้น ”
อย่างไรก็ตาม ในการปาฐกถาครั้งนี้ จะมีผู้ประกบอการท่องเที่ยว กว่า 1,000 คน จากทั่วประเทศมาร่วมรับฟังวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี โดยมั่นใจว่า ภายหลังการจัดงานครั้งนี้ คนในวงการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเกิดพลังในการต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายเดียวกัน โดยผู้ร่วมงานจะสามารถนำแนวคิดที่ได้รับฟังจากนายกรัฐมนตรี ไปปรับใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด และการลงทุนในบริษัทของตัวเอง จากที่ปัจจุบันผู้ประกอบการหลายรายเริ่มหมดหวังและท้อแท้ จากปัจจัยลบที่เข้ามากระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างไม่หยุดหย่อน
นายเจริญ กล่าวว่า เฟสต้ามีความหวังว่า การปาฐกถาของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เหมือนเป็นการบอกแนวทางการทำงานของรัฐบาลที่กำลังทำอยู่และเตรียมที่จะทำต่อไป ให้แต่ละโครงการเกิดการปฎิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ภาคเอกชน เสมือนเป็นสัญญาของรัฐที่ให้แก่ภาคเอกชน เพราะที่ผ่านมามีหลายโครงการที่เริ่มดำเนินการไปแล้วแต่เกิดติดขัดเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ซึ่งต้องหันหน้ามาพูดคุยหาวิธีปลดล็อก เช่น โครงการสินเชื่อเอสเอ็มอีดอกเบี้ยต่ำ เพื่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายย่อย วงเงิน 5,000 ล้านบาท ที่ยังไม่สามารถปล่อยเงินมาช่วยเอกชนได้ตามที่คาดหวังไว้ หรือ ท่องเที่ยว...วาระแห่งชาติ ที่ต้องมีความชัดเจนโดยเร็ว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อุตสาหกรรท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีหลัง จะดีขึ้นหรือไม่อย่างไร ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมืองเป็นสำคัญ โดยการเมืองภายในประเทศต้องนิ่ง เพื่อให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจในสเถียรภาพของรัฐบาล เขาก็จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งหากสถานการณ์ทางการเมืองยังนิ่งเช่นวันนี้ ผู้ประกอบการก็มีความหวังว่าท่องเที่ยวของไทยจะฟื้นตัวในปลายปีนี้แน่นอน แต่ทั้งนี้รั ฐบาลต้องมีความจริงใจในการช่วยเหลือเยียวยาอย่างจริงจังด้วย