“บรรหาร” เล่นเอง สางปัญหาเงินกู้เอสเอ็มอีแบงก์อืด เตรียมเสนอ ครม.ทบทวนมติ ปลดล็อกเงื่อนไขปล่อยเงินกู้เอกชนท่องเที่ยว ตัดทิ้ง 2 ประโยคเจ้าปัญหา “ประสิทธิภาพ และโปร่งใส” ดึงรัฐบาลร่วมแชร์ค้ำประกันความเสี่ยง ด้านเอกชน ชงของงบ 50 ล้านบาท ฟื้นงานราชพฤกษ์ ดึงคนไทยเที่ยวปลายปี
วานนี้ (13 ก.ค.) การประชุมหารือแก้ไขปัญหาผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ยังไม่สามารถได้รับเงินกู้ตามที่รัฐบาลให้การช่วยเหลือได้ ซึ่งมี นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นประธาน โดยมีผู้ร่วมประชุมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์) สมาคมในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และกระทรวงการท่องเที่ยว
นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอทบทวนมติ ครม.ในโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว โดยต้องการให้ตัดคำที่ระบุในเงื่อนไขการปล่อยเงินกู้ที่ว่า “ประสิทธิภาพและโปร่งใส” ออกไป เพื่อเป็นการปลดล็อกให้เอสเอ็มอีแบงก์สามารถพิจารณาปล่อยเงินกู้ให้แก่ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น ซึ่งหาก ครม.เห็นชอบก็ให้เอสเอ็มอีแบงก์ ยกร่างมาแก้ไข
นอกจากนั้น เงื่อนไขที่ให้ผู้ขอกู้เงินเซ็นค้ำประกันไขว้กันได้ ซึ่งบางรายอยู่ในบัญชีรายชื่อเป็น NPL ทำให้การพิจารณาต้องสะดุด เพราะคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ เป็นต้น ทำให้การดำเนินงานที่ผ่านมาเกิดความล่าช้า และมีผู้ที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติเงินกู้มีจำนวนน้อย ซึ่ง เอสเอ็มอีแบงก์ รายงานในที่ประชุมว่า มีรายชื่อผู้ประกอบการยื่นขอกู้เงินมา 763 ราย อนุมัติปล่อยกู้ได้เพียง 124 ราย รวมวงเงินกว่า 500 ล้านบาท โดยกู้ได้สูงสุดรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท
***ให้รัฐรับหน้าค้ำประกันความเสี่ยง***
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบตามที่เอสเอ็มอีแบงก์ เสนอในที่ประชุม คือ ให้รัฐบาลค้ำประกันความเสี่ยงการปล่อยเงินกู้ครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวงเงินกู้ 5,000 ล้านบาท ที่ปล่อยกู้ให้แก่เอกชนท่องเที่ยวขนาดกลางและขนาดย่อยที่วงเงินลงทุนไม่ถึง 200 ล้านบาทในโครงการนี้ เกิดความล่าช้ามาก เพราะติดขัดเงื่อนไขขั้นตอนดังที่กล่าวมา จึงได้มีมติให้ขยายเวลาโครงการปล่อยกู้นี้ไปอีก 1 ปี หรือหมดเขต 30 มิ.ย.2553 จากเดิมโครงการนี้สิ้นสุด 31 ก.ค.2552 และจากนี้จะเตรียมเดินหน้าผลักดันเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.นำเสนอโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำนี้ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ที่วงเงินลงทุนเกิน 200 ล้านบาท ด้วย
****อ้อนจีนส่งนักท่องเที่ยวมาไทย**
นายชุมพล กล่าวอีกว่า ต้นเดือน ส.ค.2552 จะเดินทางไปเปิดสำนักงาน ททท.เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน คงจะใช้โอกาสนี้พบปะหารือกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวของประเทศจีน และ ผู้ว่าการนครเซี่ยงไฮ้ ด้วย เพราะแม้รัฐบาลจะปลดล็อคให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องเจรจาขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าการ และ
รมต.ท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีบทบาทสูงให้ร่วมมือด้วย
**** ฟื้นงานราชพฤกษ์ดึงคนไทยเที่ยว*****
ทางด้าน นายเจริญ วังอนานนท์ กรรมการและโฆษก สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย(เฟสต้า) กล่าวว่า ในที่ประชุม นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้รับปากจะช่วยเหลือการฟื้นงานราชพฤกษ์ (พืชสวนโลก) จ.เชียงใหม่ เพื่อจัดงานให้ทันปลายปีนี้ กระตุ้นตลาดคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยว โดยขอให้กระทรวงการท่องเที่ยว เสนอของบประมาณจากรัฐบาล 50 ล้านบาท ในการปรับปรุงพื้นที่ พร้อมเริ่มประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า 1-2 เดือน ก่อนเริ่มงาน คาดว่า จะทำให้คนไทยท่องเที่ยวได้ 90 วัน ช่วงระยะเวลาจัดงาน คือ ตั้งแต่ พ.ย.2552-ม.ค.2553 ดึงคนให้เข้าไปเที่ยวในพื้นที่ได้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน เท่ากับการจัดงานในครั้งที่ผ่านมา
วานนี้ (13 ก.ค.) การประชุมหารือแก้ไขปัญหาผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ยังไม่สามารถได้รับเงินกู้ตามที่รัฐบาลให้การช่วยเหลือได้ ซึ่งมี นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นประธาน โดยมีผู้ร่วมประชุมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์) สมาคมในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และกระทรวงการท่องเที่ยว
นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอทบทวนมติ ครม.ในโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว โดยต้องการให้ตัดคำที่ระบุในเงื่อนไขการปล่อยเงินกู้ที่ว่า “ประสิทธิภาพและโปร่งใส” ออกไป เพื่อเป็นการปลดล็อกให้เอสเอ็มอีแบงก์สามารถพิจารณาปล่อยเงินกู้ให้แก่ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น ซึ่งหาก ครม.เห็นชอบก็ให้เอสเอ็มอีแบงก์ ยกร่างมาแก้ไข
นอกจากนั้น เงื่อนไขที่ให้ผู้ขอกู้เงินเซ็นค้ำประกันไขว้กันได้ ซึ่งบางรายอยู่ในบัญชีรายชื่อเป็น NPL ทำให้การพิจารณาต้องสะดุด เพราะคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ เป็นต้น ทำให้การดำเนินงานที่ผ่านมาเกิดความล่าช้า และมีผู้ที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติเงินกู้มีจำนวนน้อย ซึ่ง เอสเอ็มอีแบงก์ รายงานในที่ประชุมว่า มีรายชื่อผู้ประกอบการยื่นขอกู้เงินมา 763 ราย อนุมัติปล่อยกู้ได้เพียง 124 ราย รวมวงเงินกว่า 500 ล้านบาท โดยกู้ได้สูงสุดรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท
***ให้รัฐรับหน้าค้ำประกันความเสี่ยง***
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบตามที่เอสเอ็มอีแบงก์ เสนอในที่ประชุม คือ ให้รัฐบาลค้ำประกันความเสี่ยงการปล่อยเงินกู้ครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวงเงินกู้ 5,000 ล้านบาท ที่ปล่อยกู้ให้แก่เอกชนท่องเที่ยวขนาดกลางและขนาดย่อยที่วงเงินลงทุนไม่ถึง 200 ล้านบาทในโครงการนี้ เกิดความล่าช้ามาก เพราะติดขัดเงื่อนไขขั้นตอนดังที่กล่าวมา จึงได้มีมติให้ขยายเวลาโครงการปล่อยกู้นี้ไปอีก 1 ปี หรือหมดเขต 30 มิ.ย.2553 จากเดิมโครงการนี้สิ้นสุด 31 ก.ค.2552 และจากนี้จะเตรียมเดินหน้าผลักดันเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.นำเสนอโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำนี้ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ที่วงเงินลงทุนเกิน 200 ล้านบาท ด้วย
****อ้อนจีนส่งนักท่องเที่ยวมาไทย**
นายชุมพล กล่าวอีกว่า ต้นเดือน ส.ค.2552 จะเดินทางไปเปิดสำนักงาน ททท.เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน คงจะใช้โอกาสนี้พบปะหารือกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวของประเทศจีน และ ผู้ว่าการนครเซี่ยงไฮ้ ด้วย เพราะแม้รัฐบาลจะปลดล็อคให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องเจรจาขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าการ และ
รมต.ท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีบทบาทสูงให้ร่วมมือด้วย
**** ฟื้นงานราชพฤกษ์ดึงคนไทยเที่ยว*****
ทางด้าน นายเจริญ วังอนานนท์ กรรมการและโฆษก สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย(เฟสต้า) กล่าวว่า ในที่ประชุม นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้รับปากจะช่วยเหลือการฟื้นงานราชพฤกษ์ (พืชสวนโลก) จ.เชียงใหม่ เพื่อจัดงานให้ทันปลายปีนี้ กระตุ้นตลาดคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยว โดยขอให้กระทรวงการท่องเที่ยว เสนอของบประมาณจากรัฐบาล 50 ล้านบาท ในการปรับปรุงพื้นที่ พร้อมเริ่มประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า 1-2 เดือน ก่อนเริ่มงาน คาดว่า จะทำให้คนไทยท่องเที่ยวได้ 90 วัน ช่วงระยะเวลาจัดงาน คือ ตั้งแต่ พ.ย.2552-ม.ค.2553 ดึงคนให้เข้าไปเที่ยวในพื้นที่ได้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน เท่ากับการจัดงานในครั้งที่ผ่านมา
