ธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม ติดเบรก ไม่เข้าเครือข่าย พ.ร.บ.วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ นายก ส.ดาวเทียมแห่งประเทศไทย เป็นงง เร่งขอเข้าพบ กทช.หวังให้เดินหน้าออกใบอนุญาตประกอบกิจการชั่วคราว ตามรอยเคเบิลทีวี เหตุเป็นธุรกิจที่ต้องไปคู่กัน มั่นใจภาพรวมการลงทุนโทรทัศน์ดาวเทียมยังมีต่อเนื่อง
นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ นายกสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากการทำงานของคณะอนุกรรมการ กทช.ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อมาดูแลและพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการชั่วคราวให้กับผู้ประกอบการเคเบิลทีวี ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ปี 2551 เดิมตามความเข้าใจ ทางคณะอนุกรรมการชุดนี้ จะทำการออกใบอนุญาตประกอบกิจการชั่วคราวให้กับผู้ประกอบการด้านธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมต่อ หลังจากออกใบอนุญาตประกอบกิจการชั่วคราวให้กับผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นแล้วราว 2 เดือน
ล่าสุด มีกระแสข่าวออกมาว่า กลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม ถือเป็นกิจการที่มีการใช้คลื่นความถี่ ซึ่งต้องรอกฏหมายอีกฉบับหนึ่งมารองรับ หรือไม่อยู่ในข่ายของตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ปี 2551 ว่าด้วยเรื่องของเคเบิลทีวี ตามที่ทำความเข้าใจกันไว้แต่แรก ดังนั้น จึงไม่สามารถออกใบอนุญาตประกอบกิจการชั่วคราวให้ได้
อย่างไรก็ตาม มองว่า กระแสข่าวนี้ น่าจะเกิดจากคณะกรรมการ กทช.บางท่านได้ตีความในกฏหมายตามตัวอักษร มากกว่าที่จะมองที่เจตนาเป็นหลัก หรือมีความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการ กทช.ไม่อยากแบกรับหน้าที่เหล่านี้ไว้ ขณะที่องค์ประชุมของคณะกรรมการ กทช. ชุดนี้ก็ไม่ครบองค์ประชุม ตามที่กฏหมายกำกับไว้ ซึ่งเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ น่าจะร่วมกันหาทางออกได้ไม่ยาก
โดยตนกำลังขอทำเรื่องเข้าพบกับคณะกรรมการ กทช.ชุดนี้โดยเร็ว ในการที่จะเข้าไปชี้แจง พร้อมกล่าวถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา ขณะที่ความเป็นจริง กิจการเคเบิลทีวี และกิจการโทรทัศน์ดาวเทียม เป็นธุรกิจที่ไปด้วยกัน เนื่องจากผู้ประกอบการเคเบิลทีวีส่วนใหญ่ จะนำเอาคอนเท้นท์จากผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียม ไปออกอากาศไม่ต่ำกว่า 80-90% ในจำนวนคอนเท้นท์ที่ออกอากาศทั้งหมด ดังนั้น ตามความเข้าใจของทุกฝ่ายก่อนหน้านี้ จึงเข้าใจตรงกันว่ากิจการโทรทัศน์ดาวเทียม ถือเป็นส่วนหนึ่งของเคเบิลทีวี ที่อยู่บน พ.ร.บ.เดียวกัน
แน่นอนว่า หาก คณะกรรมการ กทช.ยังคงยืนยันว่า กิจการโทรทัศน์ดาวเทียมไม่อยู่ใน พรบ.ฉบับนี้ มองว่าเคเบิลทีวีก็จะดำเนินกิจการอย่างไม่ถูกกฎหมายเช่นกัน เพราะในแง่ของโทรทัศน์ดาวเทียม ยังไม่มีกฎหมายมารองรับ ขณะเดียวกัน จะทำให้ผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียมหันไปเช่าสัญญาณดามเทียมจากต่างชาติมากขึ้น จากปัจจุบันมีผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียมของไทย เช่าสัญญาณดาวเทียมต่างประเทศราว 30 ช่อง ค่าเช่าต่อช่อง อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านบาท ต่อเดือน นอกจากนี้ ภาครัฐเองก็จะเข้าไปกำกับดูแลได้ยากขึ้นด้วย จากเดิมที่น่าจะช่วยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างถูกต้อง อาจจะทำให้เกิดความยุ่งยากตามมา
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ภาพรวมการลงทุนของผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาประกอบกิจการโทรทัศน์ดาวเทียม ในการที่จะพัฒนาสร้างคอนเท้นท์รายการใหม่ หรือเปิดช่องใหม่ๆ อาจจะชะงักไปบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ยังเชื่อว่า มีผู้ที่ยังสนใจจะเข้ามาลงทุนทำโทรทัศน์ดาวเทียมอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้เชื่อด้วยว่ากระแสข่าวดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อเอเยนซีโฆษณาด้วย จากเดิมที่จะมาลงโฆษณาในช่องโทรทัศน์ดาวเทียม ก็จะเกิดความไม่เชื่อมั่นตามมา
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) มีสมาชิกราว 30 ช่องรายการ และมีสมาชิกที่สมัครใหม่เข้าอยู่ตลอด
นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ นายกสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากการทำงานของคณะอนุกรรมการ กทช.ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อมาดูแลและพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการชั่วคราวให้กับผู้ประกอบการเคเบิลทีวี ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ปี 2551 เดิมตามความเข้าใจ ทางคณะอนุกรรมการชุดนี้ จะทำการออกใบอนุญาตประกอบกิจการชั่วคราวให้กับผู้ประกอบการด้านธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมต่อ หลังจากออกใบอนุญาตประกอบกิจการชั่วคราวให้กับผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นแล้วราว 2 เดือน
ล่าสุด มีกระแสข่าวออกมาว่า กลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม ถือเป็นกิจการที่มีการใช้คลื่นความถี่ ซึ่งต้องรอกฏหมายอีกฉบับหนึ่งมารองรับ หรือไม่อยู่ในข่ายของตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ปี 2551 ว่าด้วยเรื่องของเคเบิลทีวี ตามที่ทำความเข้าใจกันไว้แต่แรก ดังนั้น จึงไม่สามารถออกใบอนุญาตประกอบกิจการชั่วคราวให้ได้
อย่างไรก็ตาม มองว่า กระแสข่าวนี้ น่าจะเกิดจากคณะกรรมการ กทช.บางท่านได้ตีความในกฏหมายตามตัวอักษร มากกว่าที่จะมองที่เจตนาเป็นหลัก หรือมีความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการ กทช.ไม่อยากแบกรับหน้าที่เหล่านี้ไว้ ขณะที่องค์ประชุมของคณะกรรมการ กทช. ชุดนี้ก็ไม่ครบองค์ประชุม ตามที่กฏหมายกำกับไว้ ซึ่งเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ น่าจะร่วมกันหาทางออกได้ไม่ยาก
โดยตนกำลังขอทำเรื่องเข้าพบกับคณะกรรมการ กทช.ชุดนี้โดยเร็ว ในการที่จะเข้าไปชี้แจง พร้อมกล่าวถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา ขณะที่ความเป็นจริง กิจการเคเบิลทีวี และกิจการโทรทัศน์ดาวเทียม เป็นธุรกิจที่ไปด้วยกัน เนื่องจากผู้ประกอบการเคเบิลทีวีส่วนใหญ่ จะนำเอาคอนเท้นท์จากผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียม ไปออกอากาศไม่ต่ำกว่า 80-90% ในจำนวนคอนเท้นท์ที่ออกอากาศทั้งหมด ดังนั้น ตามความเข้าใจของทุกฝ่ายก่อนหน้านี้ จึงเข้าใจตรงกันว่ากิจการโทรทัศน์ดาวเทียม ถือเป็นส่วนหนึ่งของเคเบิลทีวี ที่อยู่บน พ.ร.บ.เดียวกัน
แน่นอนว่า หาก คณะกรรมการ กทช.ยังคงยืนยันว่า กิจการโทรทัศน์ดาวเทียมไม่อยู่ใน พรบ.ฉบับนี้ มองว่าเคเบิลทีวีก็จะดำเนินกิจการอย่างไม่ถูกกฎหมายเช่นกัน เพราะในแง่ของโทรทัศน์ดาวเทียม ยังไม่มีกฎหมายมารองรับ ขณะเดียวกัน จะทำให้ผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียมหันไปเช่าสัญญาณดามเทียมจากต่างชาติมากขึ้น จากปัจจุบันมีผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียมของไทย เช่าสัญญาณดาวเทียมต่างประเทศราว 30 ช่อง ค่าเช่าต่อช่อง อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านบาท ต่อเดือน นอกจากนี้ ภาครัฐเองก็จะเข้าไปกำกับดูแลได้ยากขึ้นด้วย จากเดิมที่น่าจะช่วยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างถูกต้อง อาจจะทำให้เกิดความยุ่งยากตามมา
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ภาพรวมการลงทุนของผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาประกอบกิจการโทรทัศน์ดาวเทียม ในการที่จะพัฒนาสร้างคอนเท้นท์รายการใหม่ หรือเปิดช่องใหม่ๆ อาจจะชะงักไปบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ยังเชื่อว่า มีผู้ที่ยังสนใจจะเข้ามาลงทุนทำโทรทัศน์ดาวเทียมอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้เชื่อด้วยว่ากระแสข่าวดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อเอเยนซีโฆษณาด้วย จากเดิมที่จะมาลงโฆษณาในช่องโทรทัศน์ดาวเทียม ก็จะเกิดความไม่เชื่อมั่นตามมา
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) มีสมาชิกราว 30 ช่องรายการ และมีสมาชิกที่สมัครใหม่เข้าอยู่ตลอด
