เอชเอสบีซีปลื้มคลังไฟเขียวทำธุรกิจเอสโครว์ ยันพร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจเต็มที่ ระบุเป็นการช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าในการทำธุรกรรมระหว่างกันมากขึ้น
นางอุทุมภรณ์ วีรานุวัตติ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริการดูแลและรับฝากหลักทรัพย์ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา หรือเอสโครว์เอเยนต์ จากกระทรวงการคลัง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งถือเป็นธนาคารต่างชาติที่ให้บริการดูแลและรับฝากหลักทรัพย์ ที่ได้รับใบอนุญาตดังกล่าวเป็นรายแรก โดยสามารถให้บริการเอสโครว์เอเยนต์ แก่ลูกค้าองค์กรได้อย่างเต็มรูปแบบ และพร้อมรุกธุรกิจเอสโครว์ได้อย่างเต็มที่
"ธนาคารรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นหนึ่งใน 4 ธนาคารแรกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการเอสโครว์เอเยนต์ จากจำนวนธนาคารที่ยื่นขอใบอนุญาตมากกว่า 10 ราย ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของกระทรวงการคลังที่มีต่อศักยภาพและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของเอชเอสบีซี ตลอดจนความพร้อมของระบบการจัดการภายใน และความเชี่ยวชาญของบุคลากร
ทั้งนี้ เกณฑ์การออกใบอนุญาตประกอบกิจการดังกล่าว กำหนดว่า สถาบันการเงินที่จะได้รับใบอนุญาตจะต้องมีการดำรงเงินกองทุนหรือกันเงินสำรองได้ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย มีการบริหารงานที่ดีและมีประสิทธิภาพ มีระบบงานที่มีความพร้อมในการปฏิบัติงานการให้บริการเอสโครว์เอเยนต์ และมีมาตรการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ
นางอุทุมภรณ์กล่าวว่า ภายหลังจากที่กระทรวงการคลังออกใบอนุญาตแก่สถาบันการเงิน เพื่อประกอบธุรกิจเอสโครว์ได้อย่างเป็นทางการ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าในการทำธุรกรรมระหว่างคู่สัญญามากขึ้น และคาดว่าจะมีจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการเอสโครว์เอเยนต์ มากขึ้น เนื่องจากในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้ประกอบการและผู้บริโภคย่อมมองหาผู้ที่จะทำหน้าที่เอสโครว์เอเยนต์ ที่มีศักยภาพ และน่าเชื่อถือในการดูแลผลประโยชน์ของตนอย่างเป็นธรรมในการทำธุรกรรมต่าง ๆ
"เอชเอสบีซี มีความพร้อมในการให้บริการเอสโครว์เอเยนต์ และจะเดินหน้ารุกธุรกิจนี้อย่างเต็มที่เพื่อรอบรับความต้องการในตลาดที่ยังมีอีกมาก โดยสามารถให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายประเภท ตั้งแต่ลูกค้าที่ต้องการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป (IPO) การควบและรวมกิจการ การซื้อขายทรัพย์สิน การซื้อขายหุ้นในกิจการ เป็นต้น ด้วยชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญของเอชเอสบีซี ในฐานะที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจเอสโคร์สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการรองรับความต้องการทางธุรกิจที่หลากหลายและซับซ้อนของกล่มลูกค้ารายใหม่ๆ ได้"
นางอุทุมภรณ์ วีรานุวัตติ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริการดูแลและรับฝากหลักทรัพย์ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา หรือเอสโครว์เอเยนต์ จากกระทรวงการคลัง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งถือเป็นธนาคารต่างชาติที่ให้บริการดูแลและรับฝากหลักทรัพย์ ที่ได้รับใบอนุญาตดังกล่าวเป็นรายแรก โดยสามารถให้บริการเอสโครว์เอเยนต์ แก่ลูกค้าองค์กรได้อย่างเต็มรูปแบบ และพร้อมรุกธุรกิจเอสโครว์ได้อย่างเต็มที่
"ธนาคารรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นหนึ่งใน 4 ธนาคารแรกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการเอสโครว์เอเยนต์ จากจำนวนธนาคารที่ยื่นขอใบอนุญาตมากกว่า 10 ราย ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของกระทรวงการคลังที่มีต่อศักยภาพและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของเอชเอสบีซี ตลอดจนความพร้อมของระบบการจัดการภายใน และความเชี่ยวชาญของบุคลากร
ทั้งนี้ เกณฑ์การออกใบอนุญาตประกอบกิจการดังกล่าว กำหนดว่า สถาบันการเงินที่จะได้รับใบอนุญาตจะต้องมีการดำรงเงินกองทุนหรือกันเงินสำรองได้ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย มีการบริหารงานที่ดีและมีประสิทธิภาพ มีระบบงานที่มีความพร้อมในการปฏิบัติงานการให้บริการเอสโครว์เอเยนต์ และมีมาตรการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ
นางอุทุมภรณ์กล่าวว่า ภายหลังจากที่กระทรวงการคลังออกใบอนุญาตแก่สถาบันการเงิน เพื่อประกอบธุรกิจเอสโครว์ได้อย่างเป็นทางการ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าในการทำธุรกรรมระหว่างคู่สัญญามากขึ้น และคาดว่าจะมีจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการเอสโครว์เอเยนต์ มากขึ้น เนื่องจากในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้ประกอบการและผู้บริโภคย่อมมองหาผู้ที่จะทำหน้าที่เอสโครว์เอเยนต์ ที่มีศักยภาพ และน่าเชื่อถือในการดูแลผลประโยชน์ของตนอย่างเป็นธรรมในการทำธุรกรรมต่าง ๆ
"เอชเอสบีซี มีความพร้อมในการให้บริการเอสโครว์เอเยนต์ และจะเดินหน้ารุกธุรกิจนี้อย่างเต็มที่เพื่อรอบรับความต้องการในตลาดที่ยังมีอีกมาก โดยสามารถให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายประเภท ตั้งแต่ลูกค้าที่ต้องการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป (IPO) การควบและรวมกิจการ การซื้อขายทรัพย์สิน การซื้อขายหุ้นในกิจการ เป็นต้น ด้วยชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญของเอชเอสบีซี ในฐานะที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจเอสโคร์สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการรองรับความต้องการทางธุรกิจที่หลากหลายและซับซ้อนของกล่มลูกค้ารายใหม่ๆ ได้"