บีม โกลบอล รุกตลาดน้ำเมาเมืองไทยเต็มสูบบ หลังเทกโอเวอร์ แม็กเซี่ยม จัดทัพปรับพอร์ตโฟลิโอเสริมความแข็งแกร่ง ขนสินค้า 32 แบรนด์ ชูเป็นยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มอันดับ 5 ของโลก เดินเกมบุกเซกเมนต์ซูเปอร์พรีเมียม-พรีเมียม ปั้นอาร์ทีดี จิมบีม โคล่า ตั้งเป้า 3 ปี กวาดยอด 750ล้านบาท โต 3 เท่าตัวจากปีนี้รายได้ 250 ล้านบาท
นายอภิชาติ พุฒิวิบูลย์ ผู้จัดการการค้าประจำประเทศไทย บริษัท บีม โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จิม บีม เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทแม่เข้าซื้อกิจการบริษัท แม็กเซี่ยม ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันดับ 5 ของโลกรวมทั้งในประเทศไทย
โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพอร์ตโฟลิโอใหม่ และดำเนินธุรกิจภายใต้วิชั่น “การสร้างแบรนด์ที่ให้คนพูดถึง” ด้วยการขยายตลาดให้ครอบคลุมนอกเหนือจากอเมริกาและยุโรป ล่าสุด ได้จัดตั้งบริษัท บีม โกลบอล ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อรุกตลาดในภูมิภาคเอเชีย เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา
สำหรับแผนการตลาดในประเทศไทย บริษัทได้มีการปรับสินค้าใหม่โดยนำ กลุ่มเตกิล่า รัม และเบอร์เบิ้นเข้าตลาด เพื่อเสริมสร้างพอร์ตโฟลิโอให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันมีสินค้าทั้งหมด 32 แบรนด์ หลังจากก่อนหน้าแม็คเซี่ยมมีสินค้าทั้งหมด 14-15 แบรนด์ อย่างไรก็ตามการทำตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
บริษัทโฟกัสเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เซกเมนต์ซูเปอรพรีเมียม และพรีเมียมเป็นหลัก จากการมีสินค้าด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มบราวน์ สปิริต คือ จิม บีม เบอร์เบิ้น, เฟมัส เกาส์ สก็อต วิสกี้ 2.กลุ่มไวท์ สปิริต เช่น รัสเซีย สแตนดาร์ต วอดก้า และ 3.กลุ่มซูเปอร์ พรีเมียม สปิริต หรือเครื่องดื่มกลุ่มซิงเกิ้ล มอลต์ ภายใต้แบรนด์ แมคคัลเลน
ล่าสุด ได้เปิดตัวเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์พร้อมดื่มจิมบีมฯ โคล่า วางตำแหน่งระดับซูเปอร์พรีเมียม ราคา 99 บาท เมื่อเทียบกับคู่แข่ง 60 บาท ขณะนี้ได้ทดลองทำตลาดในสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ ภูเก็ต และช่องทางออนพรีมิสในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเปิดตัวเหล้า 12 ปีลงตลาดเซกเมนต์พรีเมียม อย่างไรก็ตามด้านช่องทางจำหน่าย บริษัทเน้นสถาบันเทิง ผับ บาร์ สัดส่วน 80% ส่วนอีก 20% ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด ตลอดจนขยายฐานกลุ่มลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันสินค้าของจิมบีมเป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศเป็นอย่างดี ภายใต้การใช้งบการตลาด 15-20% ของยอดขาย
ภาวะตลาดเหล้านำเข้าตัวเลขในเชิงปริมาณ 4 ล้านลัง แบ่งเป็น บราวน์ สปิริต มูลค่า 3.2-.35 ล้านลัง โดยพบว่า สก็อตส์วิสกี้ในปีที่ผ่านมาติดลบ 1-2% เนื่องจากตลาดเริ่มอิ่มตัว ส่งผลให้บริษัทนำเข้าวิสกี้ในปีนี้มียอดขายลดลง 12-20% อย่างไรก็ตาม เหล้าเบอร์เบิ้นเป็นเทรนด์ที่มีการเติบโตที่ดี ขณะที่ ไวท์ สปิริต 3 แสนลัง เป็นตลาดที่มีการเติบโตมากขึ้น
สำหรับการดำเนินการตลาดในช่วง 3 ปี บริษัทตั้งเป้ามียอดขาย 750 ล้านบาท หรือเติบโต 3 เท่าจากปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 250 ล้านบาท โดยคาดว่า กลุ่มบราวน์ สปิริต ยอดขายเติบโต 3 เท่าตัว โดยจิม บีม มียอดขายเพิ่มจาก 4,000 ลัง เป็น 1 หมื่นลัง ทั้งนี้ปัจจุบันจิม บีม ทำตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครอบคลุม 6 ประเทศ ซึ่งยอดขายในประเทศไทย เป็นอันดับ 4 รองจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์เป็นอันดับ 1
นายอภิชาติ พุฒิวิบูลย์ ผู้จัดการการค้าประจำประเทศไทย บริษัท บีม โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จิม บีม เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทแม่เข้าซื้อกิจการบริษัท แม็กเซี่ยม ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันดับ 5 ของโลกรวมทั้งในประเทศไทย
โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพอร์ตโฟลิโอใหม่ และดำเนินธุรกิจภายใต้วิชั่น “การสร้างแบรนด์ที่ให้คนพูดถึง” ด้วยการขยายตลาดให้ครอบคลุมนอกเหนือจากอเมริกาและยุโรป ล่าสุด ได้จัดตั้งบริษัท บีม โกลบอล ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อรุกตลาดในภูมิภาคเอเชีย เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา
สำหรับแผนการตลาดในประเทศไทย บริษัทได้มีการปรับสินค้าใหม่โดยนำ กลุ่มเตกิล่า รัม และเบอร์เบิ้นเข้าตลาด เพื่อเสริมสร้างพอร์ตโฟลิโอให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันมีสินค้าทั้งหมด 32 แบรนด์ หลังจากก่อนหน้าแม็คเซี่ยมมีสินค้าทั้งหมด 14-15 แบรนด์ อย่างไรก็ตามการทำตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
บริษัทโฟกัสเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เซกเมนต์ซูเปอรพรีเมียม และพรีเมียมเป็นหลัก จากการมีสินค้าด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มบราวน์ สปิริต คือ จิม บีม เบอร์เบิ้น, เฟมัส เกาส์ สก็อต วิสกี้ 2.กลุ่มไวท์ สปิริต เช่น รัสเซีย สแตนดาร์ต วอดก้า และ 3.กลุ่มซูเปอร์ พรีเมียม สปิริต หรือเครื่องดื่มกลุ่มซิงเกิ้ล มอลต์ ภายใต้แบรนด์ แมคคัลเลน
ล่าสุด ได้เปิดตัวเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์พร้อมดื่มจิมบีมฯ โคล่า วางตำแหน่งระดับซูเปอร์พรีเมียม ราคา 99 บาท เมื่อเทียบกับคู่แข่ง 60 บาท ขณะนี้ได้ทดลองทำตลาดในสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ ภูเก็ต และช่องทางออนพรีมิสในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเปิดตัวเหล้า 12 ปีลงตลาดเซกเมนต์พรีเมียม อย่างไรก็ตามด้านช่องทางจำหน่าย บริษัทเน้นสถาบันเทิง ผับ บาร์ สัดส่วน 80% ส่วนอีก 20% ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด ตลอดจนขยายฐานกลุ่มลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันสินค้าของจิมบีมเป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศเป็นอย่างดี ภายใต้การใช้งบการตลาด 15-20% ของยอดขาย
ภาวะตลาดเหล้านำเข้าตัวเลขในเชิงปริมาณ 4 ล้านลัง แบ่งเป็น บราวน์ สปิริต มูลค่า 3.2-.35 ล้านลัง โดยพบว่า สก็อตส์วิสกี้ในปีที่ผ่านมาติดลบ 1-2% เนื่องจากตลาดเริ่มอิ่มตัว ส่งผลให้บริษัทนำเข้าวิสกี้ในปีนี้มียอดขายลดลง 12-20% อย่างไรก็ตาม เหล้าเบอร์เบิ้นเป็นเทรนด์ที่มีการเติบโตที่ดี ขณะที่ ไวท์ สปิริต 3 แสนลัง เป็นตลาดที่มีการเติบโตมากขึ้น
สำหรับการดำเนินการตลาดในช่วง 3 ปี บริษัทตั้งเป้ามียอดขาย 750 ล้านบาท หรือเติบโต 3 เท่าจากปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 250 ล้านบาท โดยคาดว่า กลุ่มบราวน์ สปิริต ยอดขายเติบโต 3 เท่าตัว โดยจิม บีม มียอดขายเพิ่มจาก 4,000 ลัง เป็น 1 หมื่นลัง ทั้งนี้ปัจจุบันจิม บีม ทำตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครอบคลุม 6 ประเทศ ซึ่งยอดขายในประเทศไทย เป็นอันดับ 4 รองจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์เป็นอันดับ 1