ทีมเทคฯ อัดฉีด 30 ล้านบาท นำเข้าน้ำดื่มโอเชี่ยน ดีฟ จากไต้หวัน ลุยตลาดน้ำดื่ม 1.3 หมื่นล้านบาท ชูเป็นน้ำแร่พรีเมียมจากทะเลลึก ทะลวงกลุ่มคนรักสุขภาพ มั่นใจ 5 ปี กวาดแชร์ 5% ซีวีเอส ชี้ เทรนด์น้ำดื่มเมืองไทยพลิก คนมองหาสินค้าตอบโจทย์เพื่อสุขภาพมากกว่าเป็นเครื่องดื่มดับกระหาย ตั้งเป้าฟิจิกวาดแชร์ 10% หรือกวาด 30 ล้านบาท
นายหวง เจี้ยนจาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีมเทค เวิลด์ไวด์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าน้ำดื่มโอเชี่ยน ดีฟ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบ 30 ล้านบาท นำเข้าน้ำแร่จากทะเลน้ำลึก จากประเทศไต้หวันภายใต้แบรนด์”โอเชี่ยน ดีฟ” เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เนื่องจากเมืองไทยยังไม่มีน้ำดื่มที่มาจากทะเลน้ำลึก โดยพบว่าน้ำดื่มทั่วไปมาจากภูเขา ใต้ดินและแม่น้ำซึ่งมีความแตกต่างจากน้ำดื่มโอเชี่ยนดีฟ และพฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนแปลงหันมาดื่มน้ำบรรจุขวดมากขึ้น อีกทั้งการรับรู้และนิยมดื่มน้ำแร่เพิ่มขึ้นทุกปี
สำหรับโอเชี่ยน ดีฟ วางตำแหน่งเป็นน้ำแร่ระดับพรีเมียม เจาะกลุ่มเป้าหมายคนที่ใส่ใจสุขภาพ วัยทำงานและผู้สูงอายุ โดยมีด้วยกัน 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 600 มล. ราคา 45 บาท และขนาด 1500 มล. 90 บาท วางจำหน่ายผ่านช่องทางซุปเปอร์มาร์เกต อาทิ วิลล่า ฟูจิ สถานที่ออกกำลังกาย สปา โรงแรม ร้านอาหาร และโรงพยาบาล ตลอดจนตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะเดียวกันยังได้เปิดดีลิเวอรี่ส่งน้ำดื่มตรงที่บ้าน
ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง บริษัทได้โฆษณาประชาสัมพันธ์น้ำแร่โอเชี่ยน ดีฟ ผ่านทางนิตยสาร และบิลบอร์ด จากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกและการนำเสนอสินค้าที่แตกต่างจากน้ำดื่มที่อยู่ในตลาด คาดว่าภายใน 5 ปี จะมีส่วนแบ่งการตลาด 5% ในตลาดน้ำดื่มบรรจุภัณฑ์ขวดมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีสินค้าอีกหลากหลายที่จะนำเข้ามาทำตลาด อาทิ เครื่องสำอาง เกลือ ฟังก์ชันนัลดริงก์ เรื่องเกี่ยวกับรูปร่าง
ด้านนายปรีชา ชินรุจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.วี.เอส.ซินดิเคท จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายน้ำแร่ฟิจิ วอเตอร์ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดน้ำดื่มในประเทศไทยเริ่มเปลี่ยนแปลง โดยไม่ได้เป็นสินค้าที่ใช้ดื่มทั่วไปเพื่อดับกระหายเท่านั้น แต่ผู้บริโภคต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์ในเรื่องของสุขภาพเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้ขณะนี้เริ่มมีผู้ประกอบการนำเข้าน้ำดื่มที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากน้ำดื่มในประเทศไทยเข้ามาทำตลาดเชิงรุก
สำหรับตลาดน้ำดื่มน้ำเข้ามูลค่า 300 ล้านบาท ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาหดตัว 20% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก คนระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยพบว่า น้ำดื่มนำเข้าจากฝรั่งเศส หดตัว 43% อิตาลี 47% นอร์เวย์ 60% ทั้งนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดน้ำแร่มีอัตราการเติบโตมากกว่า 20% โดยตลาดเรี่มมีการเติบโตลดลงเมื่อปลายปีที่ผ่านมานี้
อย่างไรก็ตามหลังจากบริษัทนำเข้าน้ำแร่ฟิจิตั้งแต่เดือนมีนาคม ภายใต้การใช้งบการตลาด 10 ล้านบาท ขณะนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดขายขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ของน้ำแร่นำเข้า จากปัจจุบันเอเวียงเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50% ส่วนน้ำแร่เปอริเอ้ อันดับ 2 โดยเป้าหมายน้ำแร่ฟิจิปีแรก มีส่วนแบ่ง 10% หรือมีรายได้ 30 ล้านบาท
นายหวง เจี้ยนจาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีมเทค เวิลด์ไวด์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าน้ำดื่มโอเชี่ยน ดีฟ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบ 30 ล้านบาท นำเข้าน้ำแร่จากทะเลน้ำลึก จากประเทศไต้หวันภายใต้แบรนด์”โอเชี่ยน ดีฟ” เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เนื่องจากเมืองไทยยังไม่มีน้ำดื่มที่มาจากทะเลน้ำลึก โดยพบว่าน้ำดื่มทั่วไปมาจากภูเขา ใต้ดินและแม่น้ำซึ่งมีความแตกต่างจากน้ำดื่มโอเชี่ยนดีฟ และพฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนแปลงหันมาดื่มน้ำบรรจุขวดมากขึ้น อีกทั้งการรับรู้และนิยมดื่มน้ำแร่เพิ่มขึ้นทุกปี
สำหรับโอเชี่ยน ดีฟ วางตำแหน่งเป็นน้ำแร่ระดับพรีเมียม เจาะกลุ่มเป้าหมายคนที่ใส่ใจสุขภาพ วัยทำงานและผู้สูงอายุ โดยมีด้วยกัน 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 600 มล. ราคา 45 บาท และขนาด 1500 มล. 90 บาท วางจำหน่ายผ่านช่องทางซุปเปอร์มาร์เกต อาทิ วิลล่า ฟูจิ สถานที่ออกกำลังกาย สปา โรงแรม ร้านอาหาร และโรงพยาบาล ตลอดจนตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะเดียวกันยังได้เปิดดีลิเวอรี่ส่งน้ำดื่มตรงที่บ้าน
ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง บริษัทได้โฆษณาประชาสัมพันธ์น้ำแร่โอเชี่ยน ดีฟ ผ่านทางนิตยสาร และบิลบอร์ด จากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกและการนำเสนอสินค้าที่แตกต่างจากน้ำดื่มที่อยู่ในตลาด คาดว่าภายใน 5 ปี จะมีส่วนแบ่งการตลาด 5% ในตลาดน้ำดื่มบรรจุภัณฑ์ขวดมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีสินค้าอีกหลากหลายที่จะนำเข้ามาทำตลาด อาทิ เครื่องสำอาง เกลือ ฟังก์ชันนัลดริงก์ เรื่องเกี่ยวกับรูปร่าง
ด้านนายปรีชา ชินรุจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.วี.เอส.ซินดิเคท จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายน้ำแร่ฟิจิ วอเตอร์ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดน้ำดื่มในประเทศไทยเริ่มเปลี่ยนแปลง โดยไม่ได้เป็นสินค้าที่ใช้ดื่มทั่วไปเพื่อดับกระหายเท่านั้น แต่ผู้บริโภคต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์ในเรื่องของสุขภาพเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้ขณะนี้เริ่มมีผู้ประกอบการนำเข้าน้ำดื่มที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากน้ำดื่มในประเทศไทยเข้ามาทำตลาดเชิงรุก
สำหรับตลาดน้ำดื่มน้ำเข้ามูลค่า 300 ล้านบาท ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาหดตัว 20% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก คนระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยพบว่า น้ำดื่มนำเข้าจากฝรั่งเศส หดตัว 43% อิตาลี 47% นอร์เวย์ 60% ทั้งนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดน้ำแร่มีอัตราการเติบโตมากกว่า 20% โดยตลาดเรี่มมีการเติบโตลดลงเมื่อปลายปีที่ผ่านมานี้
อย่างไรก็ตามหลังจากบริษัทนำเข้าน้ำแร่ฟิจิตั้งแต่เดือนมีนาคม ภายใต้การใช้งบการตลาด 10 ล้านบาท ขณะนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดขายขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ของน้ำแร่นำเข้า จากปัจจุบันเอเวียงเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50% ส่วนน้ำแร่เปอริเอ้ อันดับ 2 โดยเป้าหมายน้ำแร่ฟิจิปีแรก มีส่วนแบ่ง 10% หรือมีรายได้ 30 ล้านบาท