ตลาดราม 2 เฟื่อง นัมเบอร์วัน รุกเปิดโฮมออฟฟิศ เอชทูโอ 71 ยูนิต ฟุ้งเฟสแรก 24 ยูนิต ขายเกลี้ยงภายใน 2 วัน ลุยเปิดเฟส 2-3 ต่อ ส่วนปีหน้าเปิดโครงการบ้านเดี่ยวกว่า 100 ยูนิต ส่วนธุรกิจอพาร์ตเมนต์ กว่า 4,000 ห้อง สร้างรายได้ 500 ล้านบาท/ปี คาดทั้งปีรายได้รวมกว่า 1,100 ล้าน
นายสุธรรม สุวรรณนภาศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นัมเบอร์วันเฮ้าส์ซิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ย่านรามาคำแหง 2-สุวรรณภูมิ ขณะนี้ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มกลับมาแล้ว พิจารณาได้จากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ในโซนดังกล่าวมีการเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก เนื่องจากมีการคมนาคมที่สะดวก ประกอบกับการมีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่งผลต่อศักยภาพของทำเลที่เหมาะพัฒนาโครงการในหลากหลายรูปแบบ ทั้งในเชิงที่อยู่อาศัยและในเชิงพาณิชย์ ซึ่งกลุ่มนัมเบอร์วัน ได้พัฒนาชอปปิ้งมอลล์ โรงหนัง รวมถึงตลาดค้าส่งผัก ผลไม้ขนาดใหญ่
ประกอบกับทางกลุ่มมีธุรกิจอพาร์ตเมนต์กว่า 4,000 ห้อง ราคาเฉลี่ย 2,500 บาท/เดือน/ห้อง ไว้รองรับกลุ่มคนทำงานและนักศึกษา ปัจจุบันมีอัตราเข้าพักถึง 90% แม้ภาวะเศรษฐกิจยังไม่สัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้คนตกงานและย้ายที่อยู่ แต่ก็ยังมีคนย้ายเข้ามาพักอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เมื่อเปิดปีการศึกษาใหม่ จะมีนักศึกษาใหม่เข้ามาพักจำนวนมากเช่นกัน
จากจำนวนผู้อาศัยและการเติบโตของรามคำแหง 2 อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการมีหมู่บ้านใหม่เกิดมากขึ้น ทำให้บริษัทพัฒนาโครงการโฮมออฟฟิศที่ตอบรับกับความต้องการของบริโภคภายใต้แบรนด์ เอชทูโอ บนพื้นที่ 10 ไร่ มีจำนวน 71 ยูนิต ชูคอนเซ็ปต์ Home to Office : Multi Purpose of Living เน้นประโยชน์ใช้สอยที่สามารถเป็นทั้งที่พักอาศัยและสถานีที่ทำงาน เน้นบรรยากาศธรรมชาติใกล้ทะเลสาบ มีบ้านให้เลือก 2 แบบ คือ Home to Office 3 ชั้น และ Home to Office 4 ชั้น ขายเริ่มต้น 3.96 ล้านบาท
สำหรับการขายในเฟส 2 บริษัทได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองซื้อในช่วงนี้ถึง 30 ก.ย.ภายใต้แคมเปญ “เปิดเฟส 2 หาร 2” เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของเอชทูโอได้ง่ายขึ้น โดยทางโครงการ จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ในส่วนของเงินจอง และเงินดาวน์ลงครึ่งหนึ่ง จากปกติที่ต้องจ่าย 10% ลดเหลือ 5% ของราคาบ้าน เพื่อช่วยลดภาระทางการเงินให้แก่ลูกค้า
นายสุธรรม กล่าวถึงแผนการลงทุนใหม่ว่า ต้นปี 2553 บริษัทเตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวบนเนื้อที่ 32 ไร่ 100 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 600 ล้านบาดอยู่ติดกับโครงการบลูลากูนที่เหลือหน่วยรอขายประมาณ 90 ยูนิต และคาดว่า จะก่อสร้างและปิดการขายได้ทั้งหมดในกลางปีหน้า โดยคาดว่า รายได้รวมของกลุ่มในปีนี้ประมาณ 1,100 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 600 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจให้เช่าอีก 500 ล้านบาท
นายสุธรรม สุวรรณนภาศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นัมเบอร์วันเฮ้าส์ซิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ย่านรามาคำแหง 2-สุวรรณภูมิ ขณะนี้ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มกลับมาแล้ว พิจารณาได้จากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ในโซนดังกล่าวมีการเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก เนื่องจากมีการคมนาคมที่สะดวก ประกอบกับการมีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่งผลต่อศักยภาพของทำเลที่เหมาะพัฒนาโครงการในหลากหลายรูปแบบ ทั้งในเชิงที่อยู่อาศัยและในเชิงพาณิชย์ ซึ่งกลุ่มนัมเบอร์วัน ได้พัฒนาชอปปิ้งมอลล์ โรงหนัง รวมถึงตลาดค้าส่งผัก ผลไม้ขนาดใหญ่
ประกอบกับทางกลุ่มมีธุรกิจอพาร์ตเมนต์กว่า 4,000 ห้อง ราคาเฉลี่ย 2,500 บาท/เดือน/ห้อง ไว้รองรับกลุ่มคนทำงานและนักศึกษา ปัจจุบันมีอัตราเข้าพักถึง 90% แม้ภาวะเศรษฐกิจยังไม่สัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้คนตกงานและย้ายที่อยู่ แต่ก็ยังมีคนย้ายเข้ามาพักอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เมื่อเปิดปีการศึกษาใหม่ จะมีนักศึกษาใหม่เข้ามาพักจำนวนมากเช่นกัน
จากจำนวนผู้อาศัยและการเติบโตของรามคำแหง 2 อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการมีหมู่บ้านใหม่เกิดมากขึ้น ทำให้บริษัทพัฒนาโครงการโฮมออฟฟิศที่ตอบรับกับความต้องการของบริโภคภายใต้แบรนด์ เอชทูโอ บนพื้นที่ 10 ไร่ มีจำนวน 71 ยูนิต ชูคอนเซ็ปต์ Home to Office : Multi Purpose of Living เน้นประโยชน์ใช้สอยที่สามารถเป็นทั้งที่พักอาศัยและสถานีที่ทำงาน เน้นบรรยากาศธรรมชาติใกล้ทะเลสาบ มีบ้านให้เลือก 2 แบบ คือ Home to Office 3 ชั้น และ Home to Office 4 ชั้น ขายเริ่มต้น 3.96 ล้านบาท
สำหรับการขายในเฟส 2 บริษัทได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองซื้อในช่วงนี้ถึง 30 ก.ย.ภายใต้แคมเปญ “เปิดเฟส 2 หาร 2” เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของเอชทูโอได้ง่ายขึ้น โดยทางโครงการ จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ในส่วนของเงินจอง และเงินดาวน์ลงครึ่งหนึ่ง จากปกติที่ต้องจ่าย 10% ลดเหลือ 5% ของราคาบ้าน เพื่อช่วยลดภาระทางการเงินให้แก่ลูกค้า
นายสุธรรม กล่าวถึงแผนการลงทุนใหม่ว่า ต้นปี 2553 บริษัทเตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวบนเนื้อที่ 32 ไร่ 100 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 600 ล้านบาดอยู่ติดกับโครงการบลูลากูนที่เหลือหน่วยรอขายประมาณ 90 ยูนิต และคาดว่า จะก่อสร้างและปิดการขายได้ทั้งหมดในกลางปีหน้า โดยคาดว่า รายได้รวมของกลุ่มในปีนี้ประมาณ 1,100 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 600 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจให้เช่าอีก 500 ล้านบาท
