จำคุก 2 ปี ปรับคนละ 2 หมื่น “รังสรรค์ แสงสุข” อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง พร้อมอดีตรองอธิการ-อดีตคณบดีศึกษาศาสตร์ ตั้งกรรมการสอบกลั่นแกล้งปลด อ.ประจำคณะศึกษาศาลตร์ ออกจากราชการ ศาลเห็นเป็นคณาจารย์เคยประกอบคุณงามความดีโทษคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
วันนี้ (6 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 2389/2548 ที่ ร.ต.ท.จรัญ ธานีรัตน์ อดีตอาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นโจทก์ฟ้องศาสตราจารย์รังสรรค์ แสงสุข อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงสมัยที่แล้ว กับคณาจารย์ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย ร.ศ.เฉลิมพล ศรีหงส์ อดีตรองอธิการบดี รศ.ระวิวรรณ ศรีคร้ามครัน อดีตคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ รศ.วิรัตน์ แดนราช รองอธิบการบดี รศ.ประสาท สง่าศรี รองอธิบการบดี ประชา ประยูรพัฒน์ ผอ.กองการกีฬา นางทิพาพัน ศรีวัฒนศิริกุล หัวหน้างานบุคคล รศ.วิริยะ เกตุมาโร รองอธิการบดี รศ.วัฒน์ บุญกอบ รองอธิการบดี รศ.บุเรง ธนพันธุ์ รองอธิการบดี รศ.กัลยา ตัณศิริ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ เป็นจำเลยที่ 1-11 ตามลำดับในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เดิมโจทก์เป็นอาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ทำวิจัยและยื่นผลงานวิจัยกับเอกสารทางวิชาการ เสนอคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัย เพื่อประกอบการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.)ระดับ 6 โจทก์ได้เสนอเอกสารดังกล่าวผ่านจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ ให้เสนอต่อไปยังจำเลยที่1ซึ่งเป็นอธิการบดี การพิจารณาดังกล่าวต้องมีการพิจารณากลั่นกรองผลงานของโจทก์ ซึ่งมีพวกจำเลยเป็นกรรมการกลั่นกรอง ต่อมามีผู้กล่าวหาว่าโจทก์ลอกเลียนผลงานทางวิชาการจากบุคคลอื่น จากนั้นได้มีการแต่งตั้งจำเลยที่ 4 เป็นประธานสอบข้อเท็จจริง จำเลยที่ 5, 6, 7 เป็นกรรมการ สรุปการสอบสวนว่าการกระทำของโจทก์ผิดวินัย จึงมีการตั้งจำเลยที่ 8 เป็นกรรมการสอบวินัย และมีจำเลย 9, 10, 11 ร่วมเป็นกรรมการสอบสวน ต่อมากรรมการมีมติให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ 3-11 เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์และเอาใจจำเลยที่ 1 หลังจากนั้น โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์มติดังกล่าวจากอนุกรรมการ ซึ่งก็เห็นว่าโจทก์มิได้กระทำผิด โจทก์นำมติดังกล่าวไปแจ้งคณะกรรมการชุดใหญ่ กลับเพิกเฉยไม่นำเรื่องเสนอโจทก์กลับเข้ารับราชการทำให้โจทก์เสียหาย
จำเลยให้การปฎิเสธว่า พวกจำเลยได้รับร้องเรียนเรื่องดังกล่าวจึงตั้งคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอน และรับฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายไปตามอำนาจหน้าที่ และหลักวิชาการ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า แม้โจทก์จะถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนผลงานทางวิชาการ แต่ก็ได้อ้างอิงแหล่งที่มาไว้ท้ายเล่ม ถือว่าไม่มีเจตนาปกปิด การกระทำของจำเลยที่ 1, 3 และ 5 เป็นการเลือกปฏิบัติ ใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ โดยเฉพาะจำเลยที่ 1 เป็นอธิการบดีมานาน ย่อมรู้ว่า เหตุการณ์และข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นเช่นไร ฟังได้ว่าเฉพาะจำเลยที่ 1, 3 และ 5 กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 คนละ 2 ปี ปรับคนละ 2 หมื่นบาท ส่วนจำเลยที่ 5 จำคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท แต่จำเลยเป็นคณาจารย์เป็นผู้ประกอบคุณงามความดีมาก่อน จึงไม่สมควรจำคุกให้รอลงอาญาไว้เป็นเวลา 2 ปี ส่วนจำเลยที่2,4,6,7,8,9,10,11 โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่ามีความผิดอย่างไร และไม่มีการกระทำอันเป็นองค์ประกอบความผิด จึงพิพากษายกฟ้อง
ภายหลังฟังคำพิพากษา จำเลยที่ถูกลงโทษยืนยันว่า ได้เตรียมยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาทั้งข้อเท็จริงและข้อกฎหมาย เนื่องจากยังมีความเห็นแย้งกับคำพิพากษา
ส่วน ร.ต.ท.จรัญ โจทก์ เผยว่า ดีใจที่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตนต้องเสียโอกาสในการลงสมัคร ส.ส.ที่ จ.นครศรีธรรมราช จากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อผลคำพิพากษาออกมาเช่นนี้ตนก็รู้สึกพอใจ