อาเจ ยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มจากเปรู ปักธงสร้างอาณาจักรเครื่องดื่มทุกแคธิกอรีบุกไทย เดินหน้าทุ่ม 2,000 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตรองรับการแตกโปรดักส์เบียร์ เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำผลไม้ ชู ยุทธศาสตร์อัดกลยุทธ์ราคา ปริมาณ ช่วงชิงแชร์แบรนด์อินเตอร์-โลคัล เท 40 ล้านบาท เร่งสร้างแบรนด์ติดลมบน ลั่นปลายปีปั้นน้ำดื่มท้ารบน้ำสิงห์-คริสตัล หลังซุ่มปั้นน้ำดำใช้แผนป่าล้อมเมือง 4 ปี โกยแชร์ 15-18% สิ้นปีโต 10% กวาด 2,200 ล้านบาท
นายสิทธิศักดิ์ จินดารักษ์ ผู้จัดการด้านตลาดและโฆษณา บริษัท อาเจ ไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมอาเจ บิ๊กโคล่า ของประเทศเปรู เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทแม่ในประเทศเปรู หรือบริษัท อาเจ กรุ๊ป ได้วางแนวทางการดำเนินธุรกิจ ขยายสินค้าในทุกแคธิกอรี่ในประเทศไทย จากปัจจุบันบริษัทแม่มีกลุ่มสินค้าหลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่ม ได้แก่ เบียร์ เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำอัดลม หรือกระทั่งกลุ่มขนมขบเคี้ยว ซึ่งโมเดลธุรกิจเหมือนกับซานมิเกล ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่ม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ เบียร์ ในประเทศฟิลิปปินส์ ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมกันนี้บริษัทแม่ กำลังวางแผนขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม กัมพูชา ลาว เป็นต้น
ล่าสุด บริษัทได้ทุ่มงบ 2,000 ล้านบาท สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตและเครื่องดื่มใหม่ๆ โดยคาดว่า จะแล้วเสร็จในต้นปีหน้านี้ เพื่อรองรับการผลิตสินค้าในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทในอนาคต ซึ่งปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าเปิดตัวน้ำดื่มลงตลาด ส่วนกลุ่มน้ำผลไม้ส่งรสชาติใหม่ หลังจากได้เปิดตัวน้ำส้มเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา วางราคา 10 บาท ขนาด 330 มล. เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างสแปลช ราคา 13 บาท และเปิดตัวน้ำอัดลมรสชาติใหม่ นอกเหนือจากน้ำดำ และล่าสุด ได้น้ำอัดลมรสส้ม ทั้งนี้ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับผู้บริโภค
สำหรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัทมุ่งเน้นการวางราคาสินค้าต่ำกว่าคู่แข่ง และให้ปริมาณมากกว่า ควบคู่กับคุณภาพ เป็นหลัก หลังจากการใช้กลยุทธ์ราคากับปริมาณในกลุ่มน้ำอัดลมอาเจ บิ๊ก โคล่า เช่น น้ำดำ ขนาด 535 มล.ราคา 10 บาท เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ราคา 15-16 บาท ส่งผลให้การทำตลาดมากว่า 4 ปี น้ำอัดลมอาเจประสบความสำเร็จอย่างมาก ปัจจุบันน้ำดำอาเจสามารถช่วงชิงส่วนแบ่ง 15-18% จากมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท จากการมีน้ำดำด้วยกัน 2 รายการ น้ำดำไม่มีส่วนผสมคาเฟอีน น้ำดำสีทอง
“การใช้กลยุทธ์ราคาและปริมาณ ควบคู่กับการสร้างความแตกต่าง ด้วยการมีนวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ ผลักดันให้อาเจ ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มและสินค้าในกลุ่มอื่นๆ จากประเทศเปรู กลายเป็นผู้ประกอบการที่น่าจับตามองสำหรับคู่แข่งที่พร้อมจะเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งในทุกแคธิกอรี”
นายสิทธิศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทได้ทุ่มงบตลาด 40 ล้านบาท ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในเชิงรุก ปูพรมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับนโยบายการตลาดของบริษัท ที่วางแผนรุกทุกแคธิกอรีที่บริษัทมีอยู่ในตลาดในประเทศไทย จึงต้องเร่งสร้างแบรนด์ จากปัจจุบันอาเจเป็นที่รู้จักอย่างดีในตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากใช้กลยุทธ์ราคา ทำให้สินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย สัดส่วนรายได้มีถึง 80% เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ สัดส่วน 20% เท่านั้น ส่วนหนึ่งเพราะการตัดสินใจซื้อของคนเมือง ให้ความสำคัญกับแบรนด์มากกว่าราคาหรือปริมาณ
“การทำตลาดในตัวเมืองนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณานำจุดขายของสินค้า คือ เป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมไม่มีส่วนผสมของคาเฟอีนมาสร้างการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น จากที่ผ่านมาพบว่า มีผู้บริโภคไทยเป็นจำนวนมากไม่รู้ว่าเครื่องดื่มน้ำอัดลมในตลาดมีส่วนผสมของกาเฟอีน”
ด้านการกระจายสินค้าในส่วนของต่างจังหวัด สามารถครอบคลุมทุกภูมิภาค ผ่านในรูปแบบตัวแทนจำหน่าย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถือว่าเป็นภูมิภาคที่บริษัทมีความแข็งแกร่ง ส่วนในกรุงเทพฯ มีศูนย์กระจายสินค้า 8 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีหน่วยรถ 20 คัน โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้กระจายสินค้าเองทั้งหมด พร้อมทั้งทีมขาย สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% หรือ 2,200 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมามีรายได้ 2,000 ล้านบาท
นายสิทธิศักดิ์ จินดารักษ์ ผู้จัดการด้านตลาดและโฆษณา บริษัท อาเจ ไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมอาเจ บิ๊กโคล่า ของประเทศเปรู เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทแม่ในประเทศเปรู หรือบริษัท อาเจ กรุ๊ป ได้วางแนวทางการดำเนินธุรกิจ ขยายสินค้าในทุกแคธิกอรี่ในประเทศไทย จากปัจจุบันบริษัทแม่มีกลุ่มสินค้าหลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่ม ได้แก่ เบียร์ เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำอัดลม หรือกระทั่งกลุ่มขนมขบเคี้ยว ซึ่งโมเดลธุรกิจเหมือนกับซานมิเกล ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่ม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ เบียร์ ในประเทศฟิลิปปินส์ ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมกันนี้บริษัทแม่ กำลังวางแผนขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม กัมพูชา ลาว เป็นต้น
ล่าสุด บริษัทได้ทุ่มงบ 2,000 ล้านบาท สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตและเครื่องดื่มใหม่ๆ โดยคาดว่า จะแล้วเสร็จในต้นปีหน้านี้ เพื่อรองรับการผลิตสินค้าในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทในอนาคต ซึ่งปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าเปิดตัวน้ำดื่มลงตลาด ส่วนกลุ่มน้ำผลไม้ส่งรสชาติใหม่ หลังจากได้เปิดตัวน้ำส้มเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา วางราคา 10 บาท ขนาด 330 มล. เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างสแปลช ราคา 13 บาท และเปิดตัวน้ำอัดลมรสชาติใหม่ นอกเหนือจากน้ำดำ และล่าสุด ได้น้ำอัดลมรสส้ม ทั้งนี้ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับผู้บริโภค
สำหรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัทมุ่งเน้นการวางราคาสินค้าต่ำกว่าคู่แข่ง และให้ปริมาณมากกว่า ควบคู่กับคุณภาพ เป็นหลัก หลังจากการใช้กลยุทธ์ราคากับปริมาณในกลุ่มน้ำอัดลมอาเจ บิ๊ก โคล่า เช่น น้ำดำ ขนาด 535 มล.ราคา 10 บาท เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ราคา 15-16 บาท ส่งผลให้การทำตลาดมากว่า 4 ปี น้ำอัดลมอาเจประสบความสำเร็จอย่างมาก ปัจจุบันน้ำดำอาเจสามารถช่วงชิงส่วนแบ่ง 15-18% จากมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท จากการมีน้ำดำด้วยกัน 2 รายการ น้ำดำไม่มีส่วนผสมคาเฟอีน น้ำดำสีทอง
“การใช้กลยุทธ์ราคาและปริมาณ ควบคู่กับการสร้างความแตกต่าง ด้วยการมีนวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ ผลักดันให้อาเจ ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มและสินค้าในกลุ่มอื่นๆ จากประเทศเปรู กลายเป็นผู้ประกอบการที่น่าจับตามองสำหรับคู่แข่งที่พร้อมจะเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งในทุกแคธิกอรี”
นายสิทธิศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทได้ทุ่มงบตลาด 40 ล้านบาท ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในเชิงรุก ปูพรมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับนโยบายการตลาดของบริษัท ที่วางแผนรุกทุกแคธิกอรีที่บริษัทมีอยู่ในตลาดในประเทศไทย จึงต้องเร่งสร้างแบรนด์ จากปัจจุบันอาเจเป็นที่รู้จักอย่างดีในตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากใช้กลยุทธ์ราคา ทำให้สินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย สัดส่วนรายได้มีถึง 80% เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ สัดส่วน 20% เท่านั้น ส่วนหนึ่งเพราะการตัดสินใจซื้อของคนเมือง ให้ความสำคัญกับแบรนด์มากกว่าราคาหรือปริมาณ
“การทำตลาดในตัวเมืองนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณานำจุดขายของสินค้า คือ เป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมไม่มีส่วนผสมของคาเฟอีนมาสร้างการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น จากที่ผ่านมาพบว่า มีผู้บริโภคไทยเป็นจำนวนมากไม่รู้ว่าเครื่องดื่มน้ำอัดลมในตลาดมีส่วนผสมของกาเฟอีน”
ด้านการกระจายสินค้าในส่วนของต่างจังหวัด สามารถครอบคลุมทุกภูมิภาค ผ่านในรูปแบบตัวแทนจำหน่าย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถือว่าเป็นภูมิภาคที่บริษัทมีความแข็งแกร่ง ส่วนในกรุงเทพฯ มีศูนย์กระจายสินค้า 8 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีหน่วยรถ 20 คัน โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้กระจายสินค้าเองทั้งหมด พร้อมทั้งทีมขาย สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% หรือ 2,200 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมามีรายได้ 2,000 ล้านบาท