xs
xsm
sm
md
lg

เชื่ออียูขึ้นภาษีสัตว์ปีกแปรรูป จี้พาณิชย์เจรจาทวิภาคีขอเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอกชนเชื่ออียูปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้าสัตว์ปีกแปรรูป 8 รายการไม่กระทบการส่งออกไก่แปรรูปไทย เหตุปริมาณการส่งออกในพิกัดดังกล่าวน้อยไม่ปีละ 1 หมื่นตัน จี้พาณิชย์เร่งเจรจาทวิภาคีกับอียู เพื่อขอเพิ่มโควตาการส่งออกไก่แปรรูป หลังพบไทยใช้สิทธิเต็มโควตาแล้ว

นพ.อนันต์ ศิริมงคลเกษม นายกสมาคมผู้ผลิตไก่เนื้อเพื่อส่งออกไทย เปิดเผยถึงกรณีที่สหภาพยุโรป(อียู)ได้แจ้งต่อองค์การการค้าโลก (WTO)จะปรับเปลี่ยนอัตราภาษีสำหรับสินค้าสัตว์ปีกแปรรูป 8 รายการว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไก่แปรรูปของไทยในตลาดอียู เนื่องจากปริมาณการส่งออกเนื้อไก่แปรรูปในพิกัดที่มีสัดส่วนเนื้อไก่มากกว่า 25%แต่ไม่เกิน 57%นั้น ไทยส่งออกไปตลาดอียูเพียง 1 หมื่นตันหรือคิดเป็นมูลค่าแค่ 1 พันล้านบาท แต่ถ้าพิจารณาถึงอัตราการขยายตัวของการส่งออกในพิกัดนี้ พบว่ามีการขยายตัวค่อนข้างมาก เพราะในปี 2550 ไทยส่งออกไปตลาดอียู 5 พันตัน และปีถัดมา ส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนการขยายตัวถึง 100% เนื่องจากอียูมีการกำหนดโควตาส่งออกทำให้มีการหันไปใช้โควตาอื่นเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่อียูจะปรับเปลี่ยนกฎระเบียบทางการค้า ทางอียูจำเป็นต้องแจ้งให้ประเทศคู่ค้าทราบก่อน ซึ่งประเทศคู่ที่สำคัญของอียูในธุรกิจนี้ คือ บราซิลและไทย ซึ่งการจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราภาษีหรือกำหนดโควตานั้น เป็นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์จะต้องหารือร่วมกับภาคเอกชนเพื่อวางแผนรรับมือ ก่อนที่จะไปเจรจากับอียูเพื่อประโยชน์ทางการค้าของไทย โดยภาคเอกชนได้เสนอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งเจรจากับอียูเพื่อเพิ่มโควตาการส่งออกไก่แปรรูปไปอียูมากขึ้นจากเดิมที่ได้รับโควตาเพียง 1.6 แสนตัน ซึ่งขณะนี้ไทยมีการใช้โควตาส่งออกเต็มแล้ว

สำหรับตัวเลขการส่งออกไก่สดแช่แข็งและไก่แปรรูปปีนี้คงใกล้เคียงปีที่แล้วอยู่ที่ 3.9 แสนตัน ซึ่งดีกว่าเป้าหมายเดิมที่เคยตั้งไว้ว่าจะหดตัวลง 7-10% ขณะที่ราคาส่งออกไม่สูงเหมือนปีก่อนแต่ได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาททำให้เบ็ดเสร็จมูลค่าการส่งออกไก่ดีขึ้นเล็กน้อย โดยปริมาณการส่งออกไก่สดแช่แข็งไทยไม่มาก เนื่องจากไทยยังไม่ปลอดโรคไข้หวัดนกแต่ก็มีคำสั่งซื้อจากตะวันออกกลาง เช่น บาเรนห์และยูเออี เป็นต้น

นายธีรศักดิ์ อุรุนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)(ซีพีเอฟ) กล่าวว่า อียูแจ้งการปรับขึ้นภาษีสินค้าสัตว์ปีกแปรรูป 8 รายการเป็นเรื่องที่อียูทำได้แต่คงต้องมีการเจรจา ซึ่งไทยคงต้องเรียกร้องให้อียู่มีการเพิ่มโควตาการนำเข้าสินค้าแปรรูปไก่เพิ่มขึ้นจาก 1.6 แสนตันโดยจะนำโควตาที่ได้รับจากไก่หมักเกลือเปลี่ยนเป็นโควตาไก่แปรรูปแทน ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์จะเป็นหน่วยงานที่ต้องหารือกับอียูในการเจรจาทวิภาคีไทย--อียู หากไทยไม่สามารถเพิ่มโควตาการส่งออกได้เพิ่ม ก็จะทำให้อัตราขยายตัวการส่งออกสินค้าไก่แปรรูปในตลาดอียูไม่เติบโต เพราะหากมีการส่งออกสินค้าเกินโควตาจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงซึ่งเรื่องนี้ทางผู้นำเข้าต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะคุ้มหรือไม่

ในช่วง 6เดือนแรกของปีนี้ ไทยมีการส่งออกเนื้อไก่แปรรูปจำนวน 1.85 แสนตัน โตขึ้น 5% คาดว่าทั้งปีการส่งออกไก่แปรรูปคงใกล้เคียงปีที่แล้ว 3.6-3.7 แสนตัน/ปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งตลาดส่งออกหลักไปยังสหภาพยุโรป(อียู)และญี่ปุ่น ขณะที่ซีพีเอฟคาดว่าการส่งออกไก่แปรรูปทั้งปีจะอยู่ที่ 9-9.5 หมื่นตันเท่ากับปีก่อนหรือขยายตัวเล็กน้อย 5%เนื่องจากหันไปทำตลาดตะวันออกกลางมากขึ้น หลังจากเศรษฐกิจอียูชะลอตัวเช่นเดียวกับญี่ปุ่น ส่วนราคาส่งออกก็ต่ำกว่าปีที่แล้ว 10% แต่ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลงจากปี 2551 ถึง 10-15% ทำให้ผู้ประกอบการยังพอมีกำไรอยู่ แต่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงทำให้รายได้จากการขายไม่ลดลงมากนัก

เมื่อเร็วๆ นี้ อียูได้แจ้งต่อWTOจะปรับเปลี่ยนอัตราภาษีที่ผูกพันไว้ภายใต้WTOสำหรับสินค้าสัตว์ปีกแปรรูป 8 รายการ คือ 1. ตับเป็ดและตับห่าน 2. เนื้อไก่แปรรูป(ดิบ) ที่มีสัดส่วนเนื้อไก่มากกว่า 57% 3. เนื้อไก่แปรรูปที่มีสัดส่วนเนื้อไก่มากกว่า 25% แต่ไม่เกิน 57% 4. เนื้อไก่แปรรูปที่มีสัดส่วนเนื้อไก่น้อยกว่า 25% 5. เนื้อเป็ด ห่าน ไก่กินีแปรรูป(ดิบ) ที่สัดส่วนเนื้อมากกว่า 57% 6.เนื้อเป็ด ห่าน ไก่กินีแปรรูป(ปรุงสุก) ที่มีสัดส่วนเนื้อมากกว่า 57% 7. เนื้อเป็ด ห่าน ไก่กินีแปรรูป(ดิบ) ที่มีสัดส่วนเนื้อมากกว่า 25% แต่ไม่เกิน 57% และ 8. เนื้อเป็ด ห่าน ไก่กินีแปรรูป ที่มีสัดส่วนเนื้อน้อยกว่า 25%
กำลังโหลดความคิดเห็น