ซีพีเอฟรุกขยายฐานการธุรกิจในต่างประเทศต่อเนื่อง ล่าสุดซื้อ Charoen Pokphand Enterprise (Taiwan) มั่นใจกลยุทธ์ขยายฐานไปประเทศต่าง ๆ ที่มีศักยภาพเสริมการเติบโตในอนาคต แจงปีนี้ผลตอบแทนการลงทุนในต่างประเทศขยายตัวสูงกว่าปีที่ผ่านมา ยันดันผลงานเติบโตโดดเด่น
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวว่าเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2552 คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ CPF เข้าไปลงทุนใน Charoen Pokphand Enterprise (Taiwan) Co., Ltd. ( CPE ) ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารในไต้หวัน CPF Investment Limited (CPFI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPF ถือหุ้นสัดส่วน 100 % จะทำการเข้าซื้อหุ้น 75,194,164 หุ้น หรือ 32.41% ของทุนชำระแล้วของ CPE จากผู้ถือหุ้น 5 รายภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 826 ล้านบาท
โดยมูลค่าทรัพย์สินที่จะซื้อกำหนดโดยอ้างอิงจากราคาประเมินของที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งที่ปรึกษาทางการเงินได้ประเมินมูลค่าหุ้นสามัญ CPE โดยใช้การคำนวณ 3 วิธี คือวิธีส่วนลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow Approach) วิธีเปรียบเทียบกับกลุ่มบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน (Market Comparable Approach) และวิธีราคาตลาด (Market Value Approach)
สำหรับ ธุรกิจอาหารต้องพยายามลดต้นทุนและกระจายความเสี่ยง เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการทำธุรกิจมีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้หลายอย่าง การพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจจึงมีความสำคัญยิ่ง
นอกจากนี้ CPF ได้ปรับโมเดลในการดำเนินธุรกิจโดยพยายามรุกในธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน (Food) ซึ่ง ณ วันนี้ CPF ส่งออกสินค้าอาหารภายใต้แบรนด์ CP ไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลกแล้ว ซึ่งสินค้าก็เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในหลายประเทศ โดยมีอัตราการเติบโตก้าวกระโดดคาดการณ์การเติบโตของสินค้ากลุ่มนี้อีก 100% จากปี 2551 ที่ผ่านมา
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวว่าเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2552 คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ CPF เข้าไปลงทุนใน Charoen Pokphand Enterprise (Taiwan) Co., Ltd. ( CPE ) ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารในไต้หวัน CPF Investment Limited (CPFI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPF ถือหุ้นสัดส่วน 100 % จะทำการเข้าซื้อหุ้น 75,194,164 หุ้น หรือ 32.41% ของทุนชำระแล้วของ CPE จากผู้ถือหุ้น 5 รายภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 826 ล้านบาท
โดยมูลค่าทรัพย์สินที่จะซื้อกำหนดโดยอ้างอิงจากราคาประเมินของที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งที่ปรึกษาทางการเงินได้ประเมินมูลค่าหุ้นสามัญ CPE โดยใช้การคำนวณ 3 วิธี คือวิธีส่วนลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow Approach) วิธีเปรียบเทียบกับกลุ่มบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน (Market Comparable Approach) และวิธีราคาตลาด (Market Value Approach)
สำหรับ ธุรกิจอาหารต้องพยายามลดต้นทุนและกระจายความเสี่ยง เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการทำธุรกิจมีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้หลายอย่าง การพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจจึงมีความสำคัญยิ่ง
นอกจากนี้ CPF ได้ปรับโมเดลในการดำเนินธุรกิจโดยพยายามรุกในธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน (Food) ซึ่ง ณ วันนี้ CPF ส่งออกสินค้าอาหารภายใต้แบรนด์ CP ไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลกแล้ว ซึ่งสินค้าก็เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในหลายประเทศ โดยมีอัตราการเติบโตก้าวกระโดดคาดการณ์การเติบโตของสินค้ากลุ่มนี้อีก 100% จากปี 2551 ที่ผ่านมา
