ซีพีเอฟ ชูนโยบายแตกไลน์สินค้าซีพีลุยตลาดอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งทุกเซกเมนต์ เร่งปั้นขนมหวานลุยไตรมาสสาม เท 30 ล้านบาท บูมอาหารว่างคลอด 6 เมนูใหม่ ควงกลยุทธ์ไซส์ซิ่ง ชูราคาถูกกว่า 10-20 บาท เจาะกลุ่มครอบครัว - วัยรุ่นกำลังซื้อน้อย ระบุเศรษฐกิจพ่นพิษ ตลาดอาหารแช่แข็ง 1,500 ล้านบาท แข่งหั่นราคา 5-10% สิ้นปีตั้งเป้าโต 8-10% จาก 8,000 ล้านบาท
นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผู้ผลิตและจัดหน่ายอาหารพร้อมทานซีพี เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดบริษัทแตกไลน์สินค้ากลุ่มอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทั้งกลุ่มอาหารว่าง กลุ่มอาหารรับประทานจริงจัง และกลุ่มพร้อมปรุงเพื่อขยายฐานลูกค้าในทุกช่วงเวลาของการกินอาหารและยังรองรับกับแนวโน้มตลาดอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งที่มีแนวโน้มเติบโต จากการไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เร่งรีบในชีวิตประจำวัน ต้องการความสะดวกสบาย
“ทุกวันนี้อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งมูลค่าไม่สูงมากกว่า แต่เป็นตลาดที่มีศักยภาพในอนาคต ซึ่งประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการสร้างตลาด โดยพบว่าคนไทยเริ่มซื้ออาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน 1ใน 3 ของสัปดาห์ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งเป็นตลาดใหญ่กว่าอาหารสด และจากไข้หวัดนกระบาดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ซีพีเอฟมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
ล่าสุดได้ทุ่มงบ 30 ล้านบาท จากงบตลาดโดยรวม 120 ล้านบาท ดำเนินการตลาดเชิงรุกกลุ่มอาหารว่าง เนื่องจากยังมีช่องว่างทางการตลาด โดยบริษัทได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา”ว่างมั้ย…? ยังไงก็ว่างถ้าเป็นของว่างจากซีพี” เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และแนะนำ 6 เมนูใหม่ คือ นักเก็ตไก่ ไก่ย่างซอสญี่ปุ่น เกี๊ยวหมูราดซอส น้ำมันงา เป็นต้น
โดยได้จัดกิจกรรมโรดโชว์ตามซูเปอร์มาร์เก็ต และกิจกรรมผ่านทางเว็บไซต์ ขณะที่ไตรมาส 3 บริษัทเตรียมแตกไลน์กลุ่มของหวาน ซึ่งจะผลักดันให้ซีพีเป็นแบรนด์ที่มีสินค้าครอบคลุม และขยายฐานลูกค้าสู่การกินในทุกรูปแบบ
สำหรับภาวะตลาดอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งมูลค่า 1,500 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าเติบโต 10% หรือมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยการเติบโตในเชิงของปริมาณมากกว่าในแง่มูลค่า เนื่องจากตลาดได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยพบว่า กำลังซื้อในกลุ่มอาหารลดลง 2-5% เกิดจากการปรับตัวไม่สต็อกอาหารไว้จำนวนมากตั้งแต่ไตรมาส 3-4 ของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการใช้กลยุทธ์ลดราคาสินค้า 5-10% ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้การเกิดทดลอง อย่างไรก็ตามคาดว่าครึ่งปีหลังกำลังซื้อของผู้บริโภคกลับคืนมา
นายสุพัฒน์ กล่าวว่า บริษัทดำเนินกลยุทธ์ราคาควบคู่กับไซส์ซิ่ง โดยปลายปีนี้เตรียมเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก ราคา 35-45 บาท ในกลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน จากปกติราคา 55 บาท ถูกกว่า 10-20 บาท เพื่อขยายกลุ่มครอบครัวขนาดเล็กและกลุ่มวัยรุ่นที่มีกำลังซื้อน้อย และครึ่งปีหลังนี้บริษัทเปิด 5 เมนูใหม่ จากปัจจุบันมี 30 เมนู นอกจากนี้ตลอดทั้งปีบริษัทยังดำเนินการตลาด 360 องศาภายใต้การใช้กลยุทธ์มิวสิกมาร์เก็ตติ้งและออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง
ผลประกอบการกลุ่มแบรนด์ซีพีสิ้นปีนี้ ตั้งเป้าเติบโต 8-10% จากรายได้ 7,000 -8,000 ล้านบาท และผลักดันให้แบรนด์ซีพีมีส่วนแบ่งเพิ่มในกลุ่มอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งจาก 25% เป็น 30% จากมูลค่า 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มอาหารว่าง รั้งผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50% จากตลาดมูลค่า 450 บ้านบาท อาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน มีส่วนแบ่ง 30% จากตลาด 450-500 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกบริษัทเติบโต 10% มากกว่าตลาดซึ่งเติบโต 8%
นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผู้ผลิตและจัดหน่ายอาหารพร้อมทานซีพี เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดบริษัทแตกไลน์สินค้ากลุ่มอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทั้งกลุ่มอาหารว่าง กลุ่มอาหารรับประทานจริงจัง และกลุ่มพร้อมปรุงเพื่อขยายฐานลูกค้าในทุกช่วงเวลาของการกินอาหารและยังรองรับกับแนวโน้มตลาดอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งที่มีแนวโน้มเติบโต จากการไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เร่งรีบในชีวิตประจำวัน ต้องการความสะดวกสบาย
“ทุกวันนี้อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งมูลค่าไม่สูงมากกว่า แต่เป็นตลาดที่มีศักยภาพในอนาคต ซึ่งประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการสร้างตลาด โดยพบว่าคนไทยเริ่มซื้ออาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน 1ใน 3 ของสัปดาห์ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งเป็นตลาดใหญ่กว่าอาหารสด และจากไข้หวัดนกระบาดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ซีพีเอฟมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
ล่าสุดได้ทุ่มงบ 30 ล้านบาท จากงบตลาดโดยรวม 120 ล้านบาท ดำเนินการตลาดเชิงรุกกลุ่มอาหารว่าง เนื่องจากยังมีช่องว่างทางการตลาด โดยบริษัทได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา”ว่างมั้ย…? ยังไงก็ว่างถ้าเป็นของว่างจากซีพี” เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และแนะนำ 6 เมนูใหม่ คือ นักเก็ตไก่ ไก่ย่างซอสญี่ปุ่น เกี๊ยวหมูราดซอส น้ำมันงา เป็นต้น
โดยได้จัดกิจกรรมโรดโชว์ตามซูเปอร์มาร์เก็ต และกิจกรรมผ่านทางเว็บไซต์ ขณะที่ไตรมาส 3 บริษัทเตรียมแตกไลน์กลุ่มของหวาน ซึ่งจะผลักดันให้ซีพีเป็นแบรนด์ที่มีสินค้าครอบคลุม และขยายฐานลูกค้าสู่การกินในทุกรูปแบบ
สำหรับภาวะตลาดอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งมูลค่า 1,500 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าเติบโต 10% หรือมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยการเติบโตในเชิงของปริมาณมากกว่าในแง่มูลค่า เนื่องจากตลาดได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยพบว่า กำลังซื้อในกลุ่มอาหารลดลง 2-5% เกิดจากการปรับตัวไม่สต็อกอาหารไว้จำนวนมากตั้งแต่ไตรมาส 3-4 ของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการใช้กลยุทธ์ลดราคาสินค้า 5-10% ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้การเกิดทดลอง อย่างไรก็ตามคาดว่าครึ่งปีหลังกำลังซื้อของผู้บริโภคกลับคืนมา
นายสุพัฒน์ กล่าวว่า บริษัทดำเนินกลยุทธ์ราคาควบคู่กับไซส์ซิ่ง โดยปลายปีนี้เตรียมเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก ราคา 35-45 บาท ในกลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน จากปกติราคา 55 บาท ถูกกว่า 10-20 บาท เพื่อขยายกลุ่มครอบครัวขนาดเล็กและกลุ่มวัยรุ่นที่มีกำลังซื้อน้อย และครึ่งปีหลังนี้บริษัทเปิด 5 เมนูใหม่ จากปัจจุบันมี 30 เมนู นอกจากนี้ตลอดทั้งปีบริษัทยังดำเนินการตลาด 360 องศาภายใต้การใช้กลยุทธ์มิวสิกมาร์เก็ตติ้งและออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง
ผลประกอบการกลุ่มแบรนด์ซีพีสิ้นปีนี้ ตั้งเป้าเติบโต 8-10% จากรายได้ 7,000 -8,000 ล้านบาท และผลักดันให้แบรนด์ซีพีมีส่วนแบ่งเพิ่มในกลุ่มอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งจาก 25% เป็น 30% จากมูลค่า 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มอาหารว่าง รั้งผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50% จากตลาดมูลค่า 450 บ้านบาท อาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน มีส่วนแบ่ง 30% จากตลาด 450-500 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกบริษัทเติบโต 10% มากกว่าตลาดซึ่งเติบโต 8%
