xs
xsm
sm
md
lg

“เจลล้างมือ-วิตะมิน”ดีดแรง กิฟฟารีนบุกอิเหนา-เวียดนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิฟฟารีน ทุ่ม 90 ล้านบาท อัดโฆษณา 7 เรื่อง ชูการสื่อสารสร้างนักธุรกิจเครือข่าย ดันยอดขาย เดินเกมโฟกัสกลุ่มสุขภาพ-ความงาม ปูพรมขยายศูนย์กิฟฟารีน ไลเซนส์ 10 แห่ง ลั่นปีหน้าลุยเปิดธุรกิจขายตรงในเวียดนาม อินโดนีเซีย โชว์ยอดขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโตพรวด รับอานิสงส์หวัด 09 สิ้นปีโตไม่ต่ำกว่า 10% รายได้เกือบ 5,000 ล้านบาท

นางนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงกิฟฟารีน เปิดเผยว่า แนวทางการตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเน้นในเรื่องการกระตุ้นยอดขาย และการเคลื่อนไหวกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ทั้งในส่วนของนักธุรกิจเครือข่าย และสมาชิกผู้บริโภคสินค้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากยอดขายในช่วง 7 เดือน เติบโต 8-9% หรือมีรายได้ 2,400 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายซึ่งบริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% เนื่องจากได้รับผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ การเกิดเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองในเดือนเมษายน โดยยอดขายช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม เริ่มดีขึ้นเติบโต 11-12%

ล่าสุดเกิดการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 ซึ่งมีทั้งปัจจัยลบ คือ ทำให้ผู้บริโภคเดินทางนอกบ้านน้อยลง จึงส่งผลให้การประชุมนักธุรกิจขายตรง โดยกลุ่มผู้สนใจเข้ามาร่วมงานลดลง ส่วนปัจจัยบวก คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ฟ้าทลายโจร กระเทียม กลุ่มวิตามินรวม และสมุนไพรอิชินาเซีย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมียอดขายเพิ่ม 2 หมื่นกล่องต่อเดือน จากปกติ 5,700-7,000 กล่องต่อเดือน และเจลล้างมือเพิ่มจาก 5,000-7,000 กล่องต่อเดือน เป็น 2 หมื่นกล่องต่อเดือน โดยขณะนี้กำลังการผลิตไม่พอกับความต้องการของตลาด

นางนลินี กล่าวว่า แนวทางการเปิดตัวผลิตภัณฑ์จากนี้ เน้นกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม เพราะกำลังการซื้อของผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวไม่ได้ลดลง เมื่อเทียบกับสินค้าของใช้ในชีวิตประจำวัน ผงซักฟอก ยอดขายชะลอตัวตัวลง โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และเพอร์ซันนัลแคร์เพื่อต้อนรับในช่วงฤดหนาว อีกทั้งในช่วงไตรมาส 4 ยังเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจขายตรง แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทยังมีกังวลความไม่แน่นอนทางการเมือง

อย่างไรก็ตามจากกำลังการซื้อในช่วงครึ่งปีหลังยังไม่ดีมากนัก คนต้องการหารายได้เสริมมากขึ้น ล่าสุดทุ่มงบ 80-90 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา 7 เรื่อง ปูพรมด้วยกัน 2 เรื่อง นำร่องสื่อสารคนไทยทุกคนเป็นเจ้าของกิจการ ด้วยการสร้างเครือข่าย และตามด้วยการสื่อสารจุดขายของผลิตภัณฑ์ที่มีกระบวนการผลิตได้มาตรฐาน

และการเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากทั่วโลก ซึ่งจะเริ่มออกอากาศในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำและสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ส่วนด้านการขยายศูนย์กิฟฟารีน ไลเซนส์ ขณะนี้ได้เตรียมเซ็นสัญญากับผู้ที่สนใจดำเนินธุรกิจ 10 ราย แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 5 แห่ง และต่างจังหวัด 5 แห่ง จากมีผู้สนใจ 60 ราย

ด้านการขยายธุรกิจขายตรงกิฟฟารีนในต่างประเทศ คือ พม่า 6 ศูนย์ มีสมาชิก 3-4หมื่นราย มาเลเซีย 3 ศูนย์ มีสมาชิก 8,000 ราย และกัมพูชา 1 ศูนย์ มีสมาชิก 2,000ราย และเตรียมขยายเพิ่มอีก 2 ศูนย์ บริษัทยังคงโฟกัสตลาดในมาเลเซียและกัมพูชาเป็นหลักก่อน ส่วนปีหน้าขยายตลาดไปเวียดนาม ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจทำธุรกิจ 8 ราย และอินโดนีเซีย 3 ราย ขณะที่ประเทศลาวมีผู้สนใจทำธุรกิจ 4-5 ราย

สำหรับแนวโน้มธุรกิจขายตรงในปีนี้ คาดว่ามีการเติบโต 7% โดยกิฟฟารีน ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือเกือบ 5,000 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 4,200ล้านบาท ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสัดส่วนรายได้เพิ่มจาก 31-32% เป็น 35% เครื่องสำอาง 55% ที่เหลืออีก 10% เป็นอื่นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น